สรุปแล้ว รถยนต์ไฟฟ้า EV ปี 2565 ซื้อเลยดีไหม? คุ้มค่าแค่ไหน?
เป็นข้อสงสัยของทุกคนที่ยังคงใช้รถสันดาปหรือน้ำมันกันอยู่ในตอนนี้ ว่าหากจะเปลี่ยนไปใช้รถ EV ตอนนี้จะคุ้มหรือไม่ ควรรอก่อนหรือซื้อเลย เราได้รวบรวมข่าวสารและปัจจัยจากการศึกษาข่าวสารและรวบรวมมาให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้น
ประเทศไทยอาจกลายเป็น “EV Hub ของโลก”
ล่าสุด WHA Group ได้จับมือร่วมกับ BYD ตั้งโรงงานผลิต ณ นิคมอุตสาหกรรมระยอง 36 เป็นพื้นที่กว่า 600 ไร่ และยังมีโอกาสที่จะขยายตัวจากต่างชาติอีกมากมาย เราจึงมั่นใจได้ว่าในอนาคตตลาดรถยนต์ไฟฟ้าจะต้องมีการพัฒนาขึ้นและปัญหาต่างๆเรื่องแบตเตอรี่ อะไหล่ต่างๆจะหมดไปในไม่ช้า
รถยนต์ EV หลายรุ่น ได้รับการันตี “ความปลอดภัย 5 ดาว” จากสมาคมยุโรป
ยกตัวอย่างเช่น Tesla Model Y , Ora Good Cat มีการทดสอบการเกิดอุบัติเหตุ และได้รับคะแนน 5 ดาวในด้านความปลอดภัยจากยุโรป (Euroncap)
ซึ่งอนาคตรถยนต์ไฟฟ้ามีแนวโน้มจะปลอดภัยกว่ารถทั่วไป ทำให้อาจลบแนวคิดเดิมๆที่คนส่วนใหญ่ยังมีความคิดเชิงลบด้านความปลอดภัย เกี่ยวกับรถยนต์ EV ไปได้ระดับหนึ่ง
แบรนด์ชั้นนำทั่วโลก “หันมามุ่งเน้นพัฒนารถ EV”
ยี่ห้อที่คุ้นเคยอย่าง BMW หรือ Volvo รวมถึง Toyota ซึ่งเป็นแบรนด์ระดับโลก มุ่งหน้าพัฒนารถ EV อย่างเต็มตัว ทำให้เราเชื่อมั่นได้ว่าเทคโนโลยีนี้มีมาตรฐานความปลอดภัยและมีอนาคตอย่างแน่นอน
ค่าบำรุงรักษารถ EV “ถูกกว่ารถทั่วไป”
เราได้เคยสำรวจค่าบำรุงรักษารถยนต์ยี่ห้อที่จำหน่ายในประเทศไทย ในระยะเวลา 100,000 กม. พบว่าค่าใช้จ่ายต่อปีไม่เกิน 10,000 บาท ซึ่งถูกกว่ารถทั่วไปหลายเท่า ที่ต้องทำการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง เปลี่ยนไส้กรองต่างๆมากมาย
ค่าเดินทาง “รถ EV ถูกกว่า” รถน้ำมันและรถไฮบริดหลายเท่า
เราได้ทำการเปรียบเทียบค่าน้ำมันและค่าไฟฟ้า ในระยะเวลา 8-10 ปี พบว่า รถยนต์ไฟฟ้ายี่ห้อ Neta V มีค่าใช้จ่ายในการเดินทางเพียง 190,000 บาท ส่วนรถไฮบริด มีค่าใช้จ่าย 530,000 บาท และรถที่ใช้น้ำมัน มีค่าใช้จ่ายสูงถึง 800,000 บาท
“ส่วนลดภาษีและเงินอุดหนุนจากรัฐบาล” สูงสุด 246,000 บาท
นโยบายจากรัฐบาลและเอกชนได้สนับสนุนการใช้รถยนต์ไฟฟ้าเพื่อโครงการคาร์บอนเป็นศูนย์ที่ทั่วโลกให้ความสำคัญ จึงเป็นโอกาสที่ดีสำหรับคนที่ซื้อรถ EV
ยกตัวอย่างเช่น ราคาเปิดตัวรถอยู่ที่ 700,000 บาท หากได้ส่วนลดภาษีและเงินสนับสนุนจากรัฐบาล 180,000 บาท จะทำให้รถยนต์ไฟฟ้าเหลือเพียง 520,000 บาท แต่ผู้ซื้อจะได้ขับรถที่มีฟังก์ชั่นสิ่งอำนวยความสะดวกรวมถึงระบบเครื่องยนต์ต่างๆ ในราคาขายที่ 700,000 บาท แน่นอนว่าจะคุ้มกว่ารถยนต์ทั่วไป
“สถานีชาร์จในปัจจุบันทั่วถึงและครอบคลุมมากขึ้น”
ข้อมูลจากสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย ปัจจุบันประเทศไทยมีสถานีชาร์จทั้งหมด 2,459 แห่ง โดยอ้างอิงจากเดือนมิถุนายน ถือว่าครอบคลุมได้รวดเร็วมาก เนื่องจากในปัจจุบันมีการทำการตลาดของรถยนต์หลากหลายยี่ห้อ รวมถึงรัฐบาลและเอกชนก็เร่งที่จะขยายสถานีชาร์จให้เพียงพอต่อการใช้งาน
สุดท้ายนี้ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของการใช้งาน ทางผู้เขียนได้เรียบเรียงข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับรถยนต์ EV หรือยานยนต์ไฟฟ้าที่ได้รับการสนับสนุนและพัฒนาในประเทศไทยจนมาถึงปัจจุบัน ด้วยข้อมูลเชิงบวกทั้งหมดเกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้า จึงสรุปได้ดังนี้
1.ต้องการประหยัดและลดค่าใช้จ่ายในการเดินทางที่ต้องจ่ายกับเชื้อเพลิงน้ำมัน
2.ต้องการลดค่าบำรุงรักษาที่เกิดขึ้นทุกๆปีของรถยนต์ทั่วไป
3.ต้องการความสะดวกสบาย ไฮเทค ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนในยุคปัจจุบัน
สามข้อดีที่รถยนต์ไฟฟ้าหรือรถ EV สามารถตอบโจทย์ให้คุณได้ดีกว่ารถยนต์ทั่วไปอย่างแน่นอน แต่หลังจากนั้นคุณต้องพิจารณาตามนี้
1.บ้านหรือที่พักอาศัย มีสถานที่และความพร้อมที่จะติดตั้ง EV Charger หรือไม่ เนื่องจากการใช้รถ EV เพียงคันเดียว จำเป็นต้องมีสถานีชาร์จที่บ้านในกรณีทั่วไปหรือฉุกเฉินก็ตาม
ดังนั้นผู้ใช้คอนโดจึงอาจไม่เหมาะหากไม่มีสถานีชาร์จ เพราะสถานีชาร์จตามคอนโดส่วนใหญ่มีราคาสูง แต่หากเป็นรถสำรองใช้คันที่ 2 และสามารถใช้สถานีชาร์จใกล้บ้าน อาจไม่จำเป็น
2.พื้นที่และระยะทางในการเดินทาง มีระยะไกลแค่ไหน ซึ่งต้องคำนวณในการวางแผนเดินทางให้ดี เนื่องจากประเทศไทยถึงจะมีสถานีชาร์จมากขึ้นแล้ว แต่ก็อาจไม่ครอบคลุมในต่างจังหวัดหรือพื้นที่ห่างไกล และถ้าหากเป็นพื้นที่เนินหรือหุบเขา รถ EV จะสิ้นเปลืองพลังงานเป็นพิเศษ จึงต้องคำนึงถึงจุดนี้ด้วย
3.ค่าประกันภัยรถยนต์ EV จะมีราคาสูงกว่ารถยนต์ทั่วไป 15-20% ผู้ใช้รถยนต์ EV จึงต้องคำนวณสัดส่วนค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ด้วยกว่าคุ้มค่าหรือไม่กับการใช้งาน ซึ่งขณะนี้ได้เริ่มมีประกันรถยนต์ EV จากฝั่งของวิริยะประกันภัย และกรุงเทพประกันภัยแล้ว
4.ปัจจุบันอะไหล่ไม่ว่าจะเป็นส่วนบอดี้รอบคัน หรืออื่นๆ ยังคงไม่ครอบคลุมมากพอ การขับขี่จึงต้องระมัดระวังการเกิดอุบัติเหตุเป็นพิเศษ เนื่องจากบางยี่ห้อยังต้องใช้เวลานานในการสั่งซื้ออะไหล่ต่างๆ
