svasdssvasds

อนาคตของตลาดรถ EV ผู้ใช้จะถามถึง “เทคโนโลยีบนรถ” มากกว่า “แบตเตอรี่”

อนาคตของตลาดรถ EV ผู้ใช้จะถามถึง “เทคโนโลยีบนรถ” มากกว่า “แบตเตอรี่”

เมื่อเทคโนโลยีของรถ EV กำลังรีบเร่งพัฒนาให้คนทั่วโลกได้ใช้ ทำให้อนาคตเราสามารถคาดการณ์ได้ไม่ยากว่าแบตเตอรี่และประสิทธิภาพในการขับขี่จะถูกพัฒนาจนใช้ได้ดีและเต็มประสิทธิภาพ และตลาดรถ EV ผู้ใช้จะหันมามองเรื่องอื่นที่แบรนด์รถยนต์นั้นให้ได้นอกจากแบตเตอรี่

ทางผู้เขียนเองได้อ่านข่าวสารและรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับรถยนต์ EV หรือรถยนต์ไฟฟ้าจนสามารถวิเคราะห์เหตุการณ์ต่างๆได้ดังนี้

เมื่อเทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้าเข้ามาสู่โลก ในช่วงแรกแบตเตอรี่ยังไม่สามารถพัฒนาได้เพียงพอต่อการใช้งานในชีวิตประจำวัน 

อนาคตของตลาดรถ EV ผู้ใช้จะถามถึง “เทคโนโลยีบนรถ” มากกว่า “แบตเตอรี่”

และปัญหาเหล่านี้ได้ถูกแก้ไขด้วยการพัฒนาแบตเตอรี่และสถานีชาร์จให้รองรับต่อการใช้งานเพียงในเวลาไม่กี่ปี และเมื่อแบตเตอรี่ได้เข้ามาตอบโจทย์ได้ ปัจจุบันรถ EV จึงได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นทันที

การแข่งขันในเรื่องของความสวยงาม , การขับขี่และประสิทธิภาพ  จึงเป็นเรื่องรองในขณะนี้ ซึ่งนั่นจะกลายเป็นจุดที่ตลาดยานยนต์ต้องแข่งกันต่อไป แต่คาดว่าจะถูกพัฒนาได้อย่างรวดเร็วเนื่องจากมีความคล้ายกับรถยนต์ทั่วไป 

แต่เรื่องที่น่าสนใจนั้นคือ “เทคโนโลยี” ที่อยู่บนรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่จะกลายเป็นหัวข้อและปัจจัยที่ผู้คนจะนึกถึงในอนาคตหากจะเลือกตัดสินใจซื้อรถสักคันในอนาคต เราได้เห็นระบบเครื่องเสียง ระบบปฎิบัติการมากมายในรถยนต์ EV ไม่ว่าจะเป็นระบบแอนดรอยด์ หรืออื่นๆที่ทางแบรนด์รถยนต์นำมาใช้ 

เทียบเคียงไปกับสถิติที่น่าสนใจคือ ผลสำรวจของ Polestar ซึ่งเป็นผู้ใช้รถ EV ในสหรัฐอเมริกา ร้อยละ 55 ที่ให้เหตุผลในการซื้อเกี่ยวกับด้านของเทคโนโลยี
 

และเราจะเห็นได้ชัดของการพัฒนาของค่ายยักษ์ใหญ่อย่าง General Motor (GM) ซึ่งเป็นเจ้าแรกๆที่เคยผลิตรถ EV ตั้งแต่ปี 1997 ในรุ่นที่มีชื่อว่า ‘General Motors EV1’ 

แต่ขณะนี้ทาง GM ได้ให้ความสนใจในการพัฒนาเทคโนโลยีที่จะมาตอบโจทย์ความล้ำสมัย ความสะดวกสบายในรถยนต์ EV ของค่าย 

แพลตฟอร์มที่ทำขึ้นมาเพื่อรถ EV โดยเฉพาะได้ถูกพัฒนามาในชื่อ Ultifi เรามาดูกันว่าเทคโนโลยีเหล่านั้นทำอะไรได้บ้าง ซึ่งนี่คือกลยุทธ์ดึงผู้ที่กำลังตัดสินใจซื้อรถ EV ได้อย่างน่าสนใจ 

อนาคตของตลาดรถ EV ผู้ใช้จะถามถึง “เทคโนโลยีบนรถ” มากกว่า “แบตเตอรี่”

เพราะ GM มีแนวคิดที่ “มุ่งมั่นในประสบการณ์ของลูกค้าสำหรับ EV” ซึ่งนี่เหมือน GM กำลังบอกถึงอนาคตได้ว่าต่อไปเทคโนโลยีบนรถจะสำคัญต่อการตัดสินใจซื้อแน่นอน

Ultifi ถูกออกแบบมาให้ขึ้นตรงกับคลาวด์เซิฟเวอร์ที่เก็บข้อมูลต่างๆและเชื่อมต่อไว้ ซึ่งรถจะทำงานคล้ายกับโทรศัพท์สมาร์ทโฟน เช่น ทำการปรับแต่งหน้าจอได้ , ดาวน์โหลดแอปได้อย่างอิสระ เนื่องจากระบบปฎิบัติการคือ Linux 

อนาคตของตลาดรถ EV ผู้ใช้จะถามถึง “เทคโนโลยีบนรถ” มากกว่า “แบตเตอรี่”

โดย Ultifi มีแนวคิดที่จะให้ความรู้สึกหรูหราและมีความวีไอพีกับผู้ขับขี่ และเปิดให้ผู้ใช้สามารถซื้อลูกเล่นต่างๆและเนื้อหาผ่านสตรีมมิ่ง , บริการหลังการขาย ให้ความช่วยเหลือ โดยการพูดคุยกับเจ้าหน้าที่สามารถทำได้บนรถโดยไม่ต้องพึ่งพาโทรศัพท์ , การอัปเกรดตัวรถต่างๆด้วยระบบดิจิทัล 

Ultifi ยังมีบางส่วนที่มีการคาดการณ์ไว้ว่าจะมีเทคโนโลยีสุดล้ำดังนี้

กล้องติดรถที่หันเข้าหาคนขับและซอฟต์แวร์จดจำใบหน้า (Face ID) ซึ่งคาดว่าจะเชื่อมต่อกับระบบความปลอดภัย , การบันทึกการตั้งค่าเบาะและพวงมาลัยต่างๆของผู้ขับ

ระบบปิดหน้าต่าง/หลังคาอัตโนมัติ ที่ลิงก์ไปยังพยากรณ์อากาศในสถานที่จริง

โหมด Gesundheit ซึ่งจะปิดหน้าต่างและเปิดใช้งานการหมุนเวียนของอากาศเมื่อจำนวนละอองเกสรสูง

การตรวจสอบการจราจรในบริเวณใกล้เคียงเพื่อเรียนรู้ผ่าน AI เกี่ยวกับ จุดน้ำแข็ง/ลื่น หลุมบ่อ สิ่งกีดขวาง ฯลฯ

ระบบส่งกำลังและระบบกันสะเทือนที่ได้รับการปรับปรุงสำหรับการใช้งานและโหมดสปอร์ต

นี่เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งของเทคโนโลยีในอนาคตที่เราจะได้ใช้กัน ซึ่งค่ายอื่นๆก็พัฒนามาไกลแล้วเช่นกัน แต่ในตอนนี้ผู้คนที่ตัดสินใจซื้อรถยนต์ไฟฟ้า มีความต้องการแบตเตอรี่ความจุสูง และประสิทธิภาพในการขับขี่อยู่ แต่ละบริษัทจึงต้องเร่งพัฒนาในจุดนั้นให้สมบูรณ์ 

แต่เชื่อว่าเรื่องเทคโนโลยีบนรถจะตามมาในอนาคตอย่างแน่นอน ในอนาคตมีความเป็นไปได้สูง ที่คนจะตัดสินใจเลือกซื้อรถ EV จากเทคโนโลยีและระบบอำนวยความสะดวกบนรถ "มากกว่าสนใจแบตเตอรี่"

related