ทั่วประเทศไทยกำลังตัดสินใจที่จะเปลี่ยนมาใช้รถยนต์ EV หรือรถยนต์ไฟฟ้า เพราะทั้งแรงสนับสนุนจากภาครัฐและโปรโมชั่นมากมาย รวมถึงค่าน้ำมันแพง วันนี้เรามาเปรียบเทียบให้เห็นกันคร่าวๆโดยประมาณ ว่าหากใช้รถยนต์ไฟฟ้ากับรถน้ำมันอีโคคาร์ ไฮบริด จะจ่ายต่างกับรถไฟฟ้าเท่าไร
ราคารถยนต์ไฟฟ้าหรือรถ EV ในปัจจุบันนั้นได้ถูกลงมากเนื่องจากมาตรการสนับสนุนจากภาครัฐต้องการให้คนไทยใช้รถยนต์ไฟฟ้ากันมากขึ้น ทำให้ราคานั้นจับต้องได้หรือเทียบเท่ากับรถน้ำมัน
เราจึงขอยกตัวอย่างรถยนต์ไฟฟ้าที่ราคาจับต้องได้ง่ายที่สุดคือ 'Neta V' ซึ่งราคาเปิดตัวอย่างเป็นทางการในขณะนี้เริ่มต้นอยู่ที่ 549,000 บาท ซึ่งเป็นเรทราคาที่คนส่วนมากใช้รถยนต์ระดับนี้
และขอยกตัวอย่างและเปรียบเทียบดังนี้
รถยนต์ทั่วไป เฉลี่ยอัตรากินน้ำมันอยู่ที่ 10 กม./ลิตร
รถไฮบริดหรือรถอีโคคาร์ เฉลี่ยอัตรากินน้ำมันอยู่ที่ 15 กม./ลิตร
รถยนต์ไฟฟ้า Neta V ใช้ไฟฟ้า 100% อัตรากินไฟฟ้าอยู่ที่ 300 กม./38.54kWh
และเนื่องจากราคาน้ำมันมีความผันผวน และราคาค่าชาร์จไฟฟ้าก็แตกต่างกันไปตามเวลาและสถานีชาร์จเช่นกัน เราจึงใช้การประมาณไว้ดังนี้
ค่าน้ำมัน น้ำมันในปัจจุบันผันผวนอยู่ที่ราวๆ 40 บาท ต่อลิตร
ค่าไฟฟ้า ชาร์จที่ปั้ม (เวลา On peak) อยู่ที่ 7.5 บาทต่อหน่วย
ชาร์จที่บ้าน หรือที่ปั้ม (เวลา Off Peak) อยู่ที่ 4.5 บาทต่อหน่วย
ชาร์จที่บ้าน (Off Peak) และเปลี่ยนมิเตอร์ TOU อยู่ที่ 3 บาทต่อหน่วย
เราจึงสรุปมาได้ว่า
รถน้ำมันทั่วไป เดินทางกิโลเมตรละ 4 บาท
รถอีโคคาร์ เดินทางกิโลเมตรละ 2.67 บาท
รถ EV เดินทางกิโลเมตรละ 0.39-0.57-0.96 บาท ขึ้นอยู่กับการชาร์จในแต่ละครั้ง ซึ่งยังไม่ถึง 1 บาท
และเมื่อรวมทั้งหมดจะทำให้ค่าน้ำมันและค่าไฟฟ้าเมื่อใช้ไปเป็นเวลา 8-10 ปี หรือ 200,000 กิโลเมตร จะได้ค่าใช้จ่ายดังนี้
รถน้ำมันทั่วไป จ่ายค่าน้ำมัน 800,000 บาท
รถอีโคคาร์หรือรถไฮบริด จ่ายค่าน้ำมัน 530,000 บาท
รถ EV จ่ายค่าไฟฟ้า เพียง 77,000-120,000-190,000 บาท (ตามสถานที่และเวลาในการชาร์จ)
ที่มา : คนไทยคลั่งอีวี - Thai EV updates
และเมื่อเห็นได้ชัดแล้วว่าการใช้รถ EV หรือรถยนต์ไฟฟ้า จ่ายค่าเชื้อเพลิงถูกกว่ารถยนต์อื่นๆ แต่เมื่อคำนวณดูแล้วจะเห็นว่าเหลือเงินค่าเชื้อเพลิงจากการใช้รถไปเป็นเวลา 8-10 ปี เป็นจำนวนมาก โดยจะเทียบกับอัตราค่าไฟฟ้าสูงสุด ชาร์จแบบ On Peak คือ 190,000 บาท
รถน้ำมันหรือรถสันดาป เหลือเงินทั้งหมด 610,000 บาท
รถอีโคคาร์หรือรถไฮบริด เหลือเงินทั้งหมด 340,000 บาท
และยังไม่รวมค่าใช้จ่ายในการบำรุงซ่อมรักษาที่ประหยัดไปจากรถน้ำมัน ซึ่งแบตเตอรี่ที่หลายกังวลทางศูนย์บริการส่วนใหญ่จะรับประกันยาวนานให้ถึง 8 ปี
นี่อาจเป็นข้อมูลเพียงการประมาณการเกี่ยวกับค่าเชื้อเพลิงและการเดินทางซึ่งไม่แน่นอนในแต่ละชีวิตประจำวันของแต่ละคน
แต่ข้อมูลนี้สามารถจะช่วยให้หลายๆคนตัดสินใจซื้อรถยนต์ไฟฟ้าได้ง่ายขึ้น เนื่องจากค่าเชื้อเพลิงน้ำมันที่อาจพุ่งสูงถึง 40-45 บาทต่อลิตร และนี่คือส่วนต่างของค่าใช้จ่ายในการเดินทางคร่าวๆ ที่คุณจะพิจารณาได้ง่ายขึ้นว่าควรหันมาใช้รถ EV แทนรถน้ำมัน