สำหรับคนที่กำลังตัดสินใจจะซื้อรถยนต์หรือต้องการติดตั้งจอเพื่อใช้งานบนรถเพิ่ม ในทั้งแอนดรอยด์ (Android Auto) และแอปเปิล (Apple CarPlay) ก็ได้ออกมาชูจุดเด่นของกันและกัน
หลังจาก Apple Carplay ได้เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ๆพร้อมกับการแถลงการณ์เกี่ยวกับ iOS 16 ทาง Android Auto ก็ได้เร่งพัฒนา Android 13 ขึ้นมา แต่ก็ไม่ได้มีฟีเจอร์ใหม่ๆมากนักในขณะนี้
Android 13 สำหรับ Android Auto มีการอัปเดตที่น่าสนใจดังนี้
สามารถติดตั้งกล้องบนรถยนต์มากกว่าหนึ่งตัวและแอปพลิเคชันอื่นๆเพิ่มเติม โดยไม่มีผลต่อการใช้งาน Extended View (EVS) และเพิ่มการแจ้งเตือนว่ามีอุปกรณ์ตัวใดเสียบอยู่บ้าง
Android Auto สามารถใช้โหมดสนับสนุนเขตความปลอดภัยในการขับขี่ ตามภูมิภาคต่างๆโดยทำงานแบบอัตโนมัติ
รองรับการโทรแบบกลุ่มและข้อมูลต่างๆขนาดใหญ่เข้าสู่จอแอนดรอยด์ได้มากขึ้น
เพิ่มระบบการนำทางให้ดียิ่งขึ้น อธิบายข้อมูลการนำทางได้ดีขึ้น
การเชื่อมต่อแบบไร้สาย Ultra Wide Band (UWB) และบลูทูธที่ทางแอนดรอยด์คิดค้นขึ้นมาเอง จะทำให้การเชื่อมต่อบลูทูธและอุปกรณ์ต่างๆทำได้รวดเร็วขึ้น
เพิ่มโหมดการขับขี่ปลอดภัย ระบบเตือนระหว่างขับรถและจอดรถ
แดชบอร์ดหรือหน้าจอที่สามารถตั้งค่าเองได้ และแอปที่ใช้งานบ่อย ทำให้การใช้งานสะดวกขึ้น
เพิ่มคุณสมบัติใหม่บนจอ เช่น ไฟตัดหมอก การชาร์จ EV และสถานะอื่นๆ
มาในฝั่งของ Apple Car Play ที่ได้ถูกแถลงการณ์ในงาน WWDC2022
ฟีเจอร์ใหม่ๆถูกเพิ่มเข้ามาไม่ว่าจะเป็นการปรับแอร์ที่สามารถทำได้ผ่านจอ รวมถึงการตั้งค่าหน้าตาต่างๆที่สามารถปรับแต่งได้ตามความชอบ เช่น คำนวณระยะเวลาในการเดินทาง , นัดหมาย อากาศ หรือแม้กระทั่งแอป Home ซึ่งใช้เช็กอุปกรณ์ต่างๆภายในบ้าน ถูกนำมาจัดเรียงได้ตามความต้องการของผู้ใช้
Apple Car Play มีการอัปเดตที่น่าสนใจดังนี้
Siri สามารถตั้งค่าให้ตอบข้อความอัตโนมัติได้
แอปเติมน้ำมัน , แอปการขับขี่ ซึ่งจะเชื่อมต่อกับระบบของรถยนต์รุ่นใหม่ๆ เช่น ระยะทางที่ขับต่อได้จนน้ำมันหมดถัง เวลาที่จะถึง ความเร็วที่วิ่ง ถูกแสดงบนหน้าจอทั้งหมด
Apple CarPlay ขึ้นชื่อในของความเรียบง่าย และ User-friendly ถึงแม้จะมีเมนูไม่มาก แต่ผู้ใช้สามารถปรับได้ตามใจชอบและความถนัดของแต่ละคน ที่คนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า Apple CarPlay เวอร์ชันนี้เหมือนนำเมนูของ iPhone , iPad มาวางไว้บนรถ ซึ่งผู้ใช้แอปเปิลจะคุ้นเคยกว่าระบบแอนดรอยด์
เชื่อว่าหลายคนที่กำลังตัดสินใจอยู่อาจเลือกไม่ยาก เพราะหากถ้าใครใช้ระบบแอนดรอยด์ก็จะคุ้นชินกับ หน้าตา UI ต่างๆบนจอโทรศัพท์มือถือแอนดรอยด์ที่มีข้อมูลครบ รวมถึงติดตั้งแอปพลิเคชันได้หลากหลายกว่า และในฝั่งของสาวกแอปเปิลก็คงต้องชอบ Apple CarPlay ในความเรียบง่ายเน้นการใช้งานสะดวกสบายไม่จุกจิก
แต่อย่างไรก็ตามการอัปเดตและพัฒนาครั้งนี้ อาจทำให้ผู้ใช้รถยนต์สามารถเปลี่ยนค่ายหรือย้ายค่ายเลยก็ว่าได้ เพราะจุดเด่นของทั้งสองฝั่งมีความแตกต่างกันมากพอสมควร ในฝั่งของแอนดรอยด์มีความหลากหลายและปรับแต่งได้มากกว่า ในส่วนของ Apple CarPlay ดูจะเน้นไปที่การขับขี่ที่ปลอดภัยใช้งานง่ายขณะเดินทาง
ยังคงต้องติดตามกันต่อไปว่าแอนดรอยด์จะมีอะไรมาให้เราตื่นเต้นอีก เพราะในขณะนี้ดูเหมือนว่า Apple CarPlay ก็ได้ปล่อยฟีเจอร์เจ๋งๆออกมาแล้ว