SHORT CUT
SAIC MOTOR-CP Co.,Ltd. ฐานการผลิตที่อยู่ในนิคมอุตสาหกรรม WHA จ.ชลบุรี นับเป็นเม็ดเงินลงทุนกว่า 3 หมื่นล้านบาท ด้วยพื้นที่โรงงาน 437.5 ไร่ มีกำลังผลิตรถกว่า 100,000 คันต่อปี ซึ่งปัจจุบันมีการผลิตรถ MG ทั้งจำหน่ายและส่งออก
SAIC MOTOR-CP Co.,Ltd ภายในโรงงานประกอบไปด้วยโรงประกอบตัวถัง (Body Shop), โรงพ่นสี (Paint Shop) และโรงประกอบทั่วไป (GA Shop) อีกทั้งภายในยังมีโรงแบตเตอรี่ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) แห่งแรกในไทย ซึ่งปัจจุบันใช้ประกอบแบตเตอรี่แบบ Cell-To-Pack (CTP) กำลังการผลิต 50,000 แพ็ค/ปี พื้นที่อาคารกว่า 5,000 ตรม.
ปัจจุบันโรงงาน SAIC MOTOR-CP และบริษัท MG SALES (THAILAND) มีพนักงานสัญชาติไทยมากกว่า 97.5% จากสัดส่วน 1,003 คน มีพนักงานสัญชาติจีนเพียง 26 คนเท่านั้น
โรงงาน SAIC MOTOR-CP ได้รวบรวมปริมาณการผลิตทั้งหมดจนถึงเดือนกรกฎาคมปี 2567 คือ "205,587 คัน" ซึ่งได้มีการส่งออกสู่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (ASEAN) ไปแล้วกว่า 25,371 คัน ซึ่งเป็นการส่งออกไปยังประเทศอินโดนีเซียและเวียดนามซึ่งได้เริ่มส่งออกไปตั้งแต่ปี 2563
ปัจจุบันโรงงานของ SAIC MOTOR-CP ยังได้มีการพัฒนาร่วมกับหน่วยงานในประเทศไทยเช่น รถยนต์ไฟฟ้ารุ่น MG4 Electric ได้มีร่วมมือระหว่าง HASCO-CP ซึ่งมีการใช้ชิ้นส่วน HV Harness ของ Thai Summit และใช้ E-Compressor จาก @MCCT
ล่าสุดทาง MG ได้มีการลงทุนของบริษัทมูลค่า 750 ล้านบาท เพื่อผลิตรถยนต์ไฮบริดในรุ่น ALL NEW MG3 HYBRID+ สอดคล้องกับมาตรการของรัฐที่ออกมาตรการสนุบสนุนออกมา และระยะเวลาลงทุนของมาตรการ มีความเป็นไปได้ที่จะลงทุนเพิ่มอีก 2,250 ล้านบาท หรือมากกว่าเพื่อเข้าเงื่อนไขของมาตรการดังกล่าวรองรับผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ในอนาคต
ALL NEW MG3 HYBRID+ จะเปิดตัวและประกาศราคาอย่างเป็นทางการในไทย วันที่ 20 สิงหาคม 2567 โดยรถยนต์ดังกล่าวถือเป็นอีกหนึ่งรุ่นเรือธงที่ เอ็มจี มุ่งมั่นให้เป็นหนึ่งในยนตรกรรมที่สะท้อนถึงแนวทางการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของ เอ็มจี ที่พร้อมผลักดันการผลิตรถไฮบริดแทนที่รถยนต์สันดาปภายใน รองรับการเปลี่ยนผ่านสังคมยานยนต์ไฟฟ้าอย่างเต็มขั้นตามแนวทางของอุตสาหกรรมยานยนต์โลก
บริษัท MG ได้ใช้เงินลงทุนมูลค่า 750 ล้านบาท เพื่อปรับไลน์ผลิตรองรับการผลิตรุ่นล่าสุดอย่าง ALL NEW MG3 HYBRID+ โดยจากมติคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ (บอร์ดอีวี) ที่มี นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธาน ได้เห็นชอบ
“มาตรการสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านไปสู่อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า” โดยการปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตสำหรับรถยนต์นั่งและรถยนต์โดยสารขนาดที่นั่งไม่เกิน 10 คน แบบไฮบริด (HEV) ซึ่งเป็นเทคโนโลยียานยนต์ที่ผสมผสานทั้งระบบเครื่องยนต์สันดาปภายในและระบบไฟฟ้า ซึ่งมาตรการสนับสนุนการผลิตรถยนต์ ไฮบริด (HEV) จะปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตให้อยู่ในระดับคงที่ในช่วงปี 2571 – 2575 จากเดิมอัตราภาษีจะเพิ่มขึ้น 2% ทุก 2 ปี
โดยต้องมีการลงทุนจริงเพิ่มเติม โดยบริษัทผู้ผลิตรถยนต์และ/หรือบริษัทในเครือในประเทศไทย ตั้งแต่ปี 2567 – 2570 ไม่น้อยกว่า 3,000 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม MG ได้ตั้งเป้าในการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นวางแผนการพัฒนาแบตเตอรี่ประเภท Semi Solid State, หวังเป็นเป็นเบอร์ 1 ในการส่งออกรถยนต์ไฟฟ้า (First Brand BEV Export) และยังต้องการพัฒนาเทคโนโลยีระบบช่วยเหลือความปลอดภัยที่ใช้สำหรับในประเทศไทยด้วย
โรงงาน SAIC MOTOR-CP ถือเป็นอีกหนึ่งโอกาสของการพัฒนาแรงงานในไทยเกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้า, รถไฮบริด หากในอนาคตมีการผลิตรถส่งออกเต็มรูปแบบ จะช่วยเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ สร้างงานให้กับแรงงานไทย ถ่ายทอดความรู้วิชาชีพเทคโนโลยีใหม่ๆได้อีกด้วย