SHORT CUT
ผู้บริหารหัวเว่ยให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน มองกระแสต่อต้านทุนจีนที่เกิดขึ้นในไทยตอนนี้ ไม่ส่งผลกระทบต่อการลงทุนของหัวเว่ย ย้ำมองการลงทุนในไทยระยะยาว ไม่เน้นการเติบโตฝ่ายเดียว แต่ตั้งเป้าช่วยพัฒนาประเทศไทยไปพร้อมกัน
นายเดวิด หลี่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หัวเว่ย เทคโนโลยี่ ประเทศไทย ให้สัมภาษณ์ระหว่างการพบปะสื่อมวลชนหลายสำนัก ในวันที่ 16 สิงหาคม 2566 เนื่องในโอกาสที่หัวเว่ยได้ลงทุนในประเทศไทยมานานถึง 25 ปี นับตั้งแต่ยุคที่ไทยยังใช้ระบบโทรคมนาคมด้วยเครือข่าย 2G จนล่าสุดได้ผ่านยุคการใช้ 5G มานานถึง 5 ปีแล้ว และเป็นหมุดหมายสำคัญที่หัวเว่ยตั้งเป้าว่าจะนำเทคโนโนยีเครือข่าย 5.5G เข้ามาสู่ประเทศไทยภายในปีหน้า
นอกจากนี้ยังเล่าถึงโครงการต่างๆ ที่หัวเว่ยมีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศไทยตลอด 25 ปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาการศึกษา อย่างโครงการดิจิทัลบัส นำความรู้ด้านเทคโนโลยีไปสู่เด็กๆ ในโรงเรียนชนบท และโครงการความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยทั่วประเทศเพื่อพัฒนาหลักสูตรการศึกษาด้านเทคโนโลยี, การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้วยการนำเทคโนโลยี 5G ไปประยุกต์ใช้กับระบบอำนวยความสะดวกต่างๆ ไปจนถึงการพัฒนาด้านสาธารณสุขด้วยระบบ 5G Healthcare สนับสนุนการแพทย์ทางไกล และรถพยาบาลอัจฉริยะ 5G ที่ช่วยให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาจากแพทย์อย่างรวดเร็วมากขึ้น
ทั้งนี้เมื่อถามว่าหัวเวยมองตลาดไทยอย่างไร นายเดวิดตอบว่า ไทยคือหนึ่งในตลาดที่สำคัญ เป็นหนึ่งในสำนักงานแห่งแรกๆ ที่เป็นศูนย์กลางการลงทุนของหัวเว่ย พวกเขาเข้ามาลงทุนตั้งแต่ไทยยังใช้เครือข่าย 2G และรู้สึกภูมิใจที่ได้เห็นการพัฒนาด้านเทคโนโลยีของไทย ซึ่งเริ่มใช้เทคโนโลยี 5G มานาน 5 ปีแล้ว และนับว่าเป็นแนวหน้าในระดับโลก
ส่วนเรื่องของมูลค่าการลงทุนในไทยตลอด 25 ปีที่ผ่านมา มองว่าเม็ดเงินไม่ใช่สิ่งสำคัญ แต่พวกเขาให้ความสำคัญกับการพัฒนาบุคลากรในไทย เช่น การร่วมมือกับมหาวิทยาลัยหลายแห่งทั่วประเทศ เพื่อส่งเสริมให้นักเรียนนักศึกษามีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการใช้งานเทคโนโลยีสมัยใหม่ ร่วมมือกับสตาร์ทอัพท้องถิ่น ช่วยพวกเขาพัฒนาเทคโนโลยีที่ก้าวหน้า และพัฒนาบุคลากรให้มีความสามารถในด้านเทคโนโลยีเพื่อสร้างโอกาสการทำงานอีกมากกว่า 5,500 ตำแหน่ง ทั้งนี้เนื่องจากหัวเว่ยต้องการลงทุนที่ประเทศไทยในระยะยาว ไม่ใช่แค่การพูดถึงเม็ดเงินหรือผลประโยชน์ แต่ให้ความสำคัญกับการเติบโตร่วมกัน นี่คือเป้าหมายการลงทุนของหัวเว่ยในไทย
นอกจากนี้ยังมีมุมมองต่อ "กระแสต้านทุนจีน" ในไทยตอนนี้ว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อหัวเว่ย เพราะที่ผ่านมาไทยและจีนต่างมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน มีวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ร่วมกัน ขณะที่หัวเว่ยเป็นบริษัทที่มีการลงทุนในไทยมาอย่างยาวนาน ให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมทางสังคมมากกว่าการเติบโตทางธุรกิจ ยืนยันว่าทางบริษัทมองการลงทุนในประเทศไทยแบบระยะยาว และจะร่วมพัฒนาอนาคตของประเทศไทยไปพร้อมกัน เพราะฉะนั้นกระแสต่างๆ ที่เกิดขึ้นในระยะสั้น จึงไม่ส่งผลกระทบต่อกลยุทธ์ของหัวเว่ยในระยะยาวอย่างแน่นอน