ปตท.เดินหน้าขับเคลื่อนนวัตกรรม เพิ่มพันธมิตรทั้งไทยและต่างชาติ หวังขยายโอกาสการเติบโตเพิ่ม ปันงบลงทุน 30% เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงสำหรับอนาคต
นายบุรณิน รัตนสมบัติ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจใหม่และโครงสร้างพื้นฐาน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า กลุ่ม ปตท. จัดงาน PTT Group Tech & Innovation Day ขึ้น ด้วยการนำเอาธุรกิจใหม่ของบริษัทและสตาร์ทอัป เข้ามาแสดงให้คนในองค์กรและบุคคลทั่วไปได้รับรู้
เนื่องจากตอนนี้ถือว่าเป็นยุคแห่งการเปลี่ยนผ่านเทคโนโลยีและในอนาคตจะเป็นการควบรวมสู่เทคโนโลยีเดียว ดังนั้นเรื่องของนวัตกรรมจึงเป็นสิ่งที่บริษัทลงมือทำมา 2-3 ปีแล้ว
นอกจากนี้ การเดินหน้าในเรื่องของนวัตกรรมไม่ใช่แค่เฉพาะ การช่วยส่งเสริมความแข็งแกร่งให้แก่ธุรกิจของ ปตท. แต่จะช่วยขับเคลื่อนโอกาสและขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจให้กับประเทศอย่างมั่นคงด้วย
ทั้งนี้ ปตท. ได้บรรลุเป้าหมายในเรื่องของ
ซึ่งเร็วกว่าเป้าหมายของประเทศ พร้อมจุดพลังจากเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อสร้างคุณค่าต่อสังคม ชุมชน สิ่งแวดล้อม และยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับคนไทยในทุกมิติได้อย่างยั่งยืนต่อไป
อ่านข่าวอื่นๆ เพิ่มเติม
ทางด้านของ นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวเปิดงานว่า ตลอดระยะเวลา 3 ปี ทางภาครัฐได้เริ่มหารือถึงเรื่องของทิศทางและโอกาสธุรกิจใหม่ ๆ ที่จะเกิดขึ้นในประเทศไทย ซึ่งประเทศไทยนั้นมีศักยภาพเพียงพอ แต่โอกาสของธุรกิจใหม่จะต้องเป็นเรื่องใหม่ และเป็นเรื่องที่เสี่ยง
การที่ปตท.ไม่ลังเลที่จะทำเรื่องใหม่ถือว่าดี เพราะสามารถนำสิ่งใหม่เหล่านั้น กลับมาสร้างประโยชน์สู่ประเทศไทย และพัฒนาเสริมความแข็งแกร่งให้องค์กรและประเทศไปพร้อมกัน
วันนี้ประเทศไทยได้ประกาศเรื่องของเป้าหมายการปลดปล่อยคาร์บอน ที่มีการปล่อยหากเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านนั้น เราไม่สูงเท่า เพราะไทยได้ใช้พลังงานสะอาด สานต่อการใช้วัฒนธรรมความกล้า
สิ่งที่อยากให้เป็นกำลังใจกับปตท. คือการดำเนินธุรกิจจะว่าต่างจาก 30-40 ปี ที่เริ่มจากเทคโนโลยีที่มีอยู่แล้ว แต่วันนี้คือเริ่มนวัตกรรมใหม่พร้อมกัน
แม้ว่าเราจะเสียโอกาสในการเติบโตจากการใช้เม็ดเงินแก้ปัญหาช่วงภาวะวิกฤตน้ำท่วมใหญ่ ทำให้ต้องเสียเวลาในการซ่อมแซมอินฟราสทรัคเจอร์อย่างมหาศาล รวมทั้งการเปลี่ยนแปลงในเรื่องของภูมิอากาศ ทำให้รัฐบาลไทยประกาศเป้าหมายในเรื่องของ Net Zero
นอกจากนี้ ยังมุ่งเป้าสู่ Carbon Neutrality ให้สำเร็จในปี 2050 โดยมุ่งเน้นไปใน 6 เรื่องคือ
หากสามารถทำตามแนวทางดังกล่าวได้สำเร็จ เชื่อว่าจะเกิดผลดีแก่ประเทศไทยในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็น
อย่างไรก็ตาม หลายฝ่ายเป็นห่วงเศรษฐกิจของไทยที่มีความไม่แน่นอนและเป็นรองประเทศอื่นมานาน หากไทยสามารถดึงดูดการลงทุนใหม่ๆ ได้ เชื่อว่าจะเพิ่มสัดส่วนการลงทุนใหม่ๆ จาก 6.6 แสนล้าน สู่ 1 ล้านล้านบาทได้ และไทยจะเป็นที่ยอมรับในการเป็นประเทศแถวหน้าได้อย่างแท้จริง