SHORT CUT
Bitcoin พุ่งทะลุ $100,000 "บิท ศุภกฤษฎ์" นายกสมาคมสินทรัพย์ดิจิทัลไทย และผู้ก่อตั้งยูทูปช่อง 'Bitcast' เผยราคาคาดพุ่งแตะ $350,000 ในปี 2025 พร้อมแนะกลยุทธ์ลงทุนในตลาด Crypto
ปี 2024 เป็นปีที่ Bitcoin สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ ราคาพุ่งทะลุ $100,000 อะไรคือปัจจัยขับเคลื่อนราคา อนาคตของ Bitcoin และ Altcoin จะเป็นอย่างไร ชวนมาทำความเข้าใจแนวโน้มและมีอะไรบ้างที่นักลงทุนควรรู้ก่อนเข้าสู่ตลาดคริปโทฯ
บทสัมภาษณ์พิเศษกับ คุณบิท ศุภกฤษฎ์ บุญสาตร์ นายกสมาคมสินทรัพย์ดิจิทัลไทย และผู้ก่อตั้งยูทูปช่อง 'Bitcast' ที่จะพาคุณเจาะลึกมุมมองเชิงลึกเกี่ยวกับคริปโทเคอร์เรนซีในปัจจุบัน
อย่างแรก ตอนนี้มี Bitcoin ETF เข้ามาใหม่ ทำให้การลงทุนใน Bitcoin ง่ายขึ้นมาก คือแทนที่จะต้องไปเปิดกระเป๋าคริปโต หรือซื้อ Bitcoin โดยตรง เราแค่ซื้อหุ้น ETF ในตลาดหุ้นปกติก็ได้แล้ว เลยทำให้ทั้งนักลงทุนรายย่อยและสถาบันใหญ่ๆ เข้ามาลงทุนกันเยอะมาก
อย่างที่สอง เรื่องการเมืองในอเมริกาก็ช่วยหนุนด้วย เพราะผู้นำคนใหม่ดูจะสนับสนุนเรื่องคริปโตมากกว่าเดิม ทำให้นักลงทุนมั่นใจขึ้นเยอะว่าจะไม่มีกฎระเบียบอะไรมากีดกันการเติบโต
อย่างที่สาม มีเรื่อง Halving ที่ทำให้การขุด Bitcoin ใหม่ๆ ลดลงครึ่งนึง ก็เหมือนของมีน้อยลง แต่คนอยากได้เท่าเดิมหรือมากขึ้น ราคาก็เลยต้องขึ้น
พอสามอย่างนี้มารวมกัน มันเลยผลักดันให้ราคา Bitcoin พุ่งทะลุ 100,000 ดอลลาร์ได้
การเปรียบ Bitcoin เป็น "ทองคำดิจิทัล" มันมีหลายอย่างที่คล้ายกันมาก
อย่างแรกเลย Bitcoin มันถูกออกแบบมาให้มีจำนวนจำกัดแค่ 21 ล้านเหรียญเท่านั้น เหมือนทองคำที่มีจำกัดในโลก ขุดเท่าไหร่ก็ไม่มีเพิ่ม ซึ่งเรื่องนี้สำคัญมากเพราะช่วยรักษามูลค่าในระยะยาวได้ ถ้าเงินเฟ้อขึ้นมา Bitcoin ก็น่าจะช่วยรักษาความมั่งคั่งได้เหมือนทองคำ
แถม Bitcoin ยังมีข้อดีกว่าทองคำตรงที่มันเป็นดิจิทัล ลองคิดดูนะ ถ้าเราจะส่งทองคำไปต่างประเทศ ต้องขนส่ง เสียเวลา เสียค่าใช้จ่าย แถมยังต้องระวังเรื่องความปลอดภัยอีก แต่ Bitcoin แค่คลิกไม่กี่ที ส่งผ่านอินเทอร์เน็ตได้เลย เร็วกว่า ถูกกว่าเยอะ
เรื่องพวกนี้ทำให้นักลงทุนหลายคนสนใจ Bitcoin มากขึ้น โดยเฉพาะช่วงที่เศรษฐกิจไม่แน่นอน หรือกลัวเงินเฟ้อ คนก็มักจะมองหาที่เก็บเงินที่ปลอดภัย ซึ่ง Bitcoin กำลังได้รับความนิยมในแง่นี้ โดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่คุ้นเคยกับเทคโนโลยี
แต่ก็ต้องระวังนะครับ เพราะราคา Bitcoin มันยังขึ้นลงแรงกว่าทองคำเยอะ ก่อนลงทุนต้องศึกษาให้ดี และประเมินความเสี่ยงที่รับได้ด้วย
ส่วนตัวแล้วคิดว่าเสียเวลากับ Altcoin ผมติดตามมานานพบว่าคุณค่าที่ Altcoin สร้างนั้นไม่ได้มีประโยชน์มากนักเมื่อเทียบกับการใช้ระบบปัจจุบันที่มีอยู่ รูปแบบของ Blockchain จริงๆ อาจมีประโยชน์สำหรับ Decentralized แบบ Bitcoin เท่านั้น
พอเหรียญมีเจ้าของ หรือ Blockchain มีเจ้าของเมื่อไหร่ คุณค่าของ Chain นั้นจะลดลงเทียบเท่ากับระบบงานในปัจจุบันทันที จึงไม่เห็นความจำเป็นใดๆ ที่จะต้องใช้ Blockchain
การที่คนเข้ามาแรกๆ จะรู้สึกว่า Bitcoin แพง ไป Altcoin ดีกว่ามันเป็นเรื่องที่คนที่จะมาลงทุนตรงนี้ต้องผ่าน สุดท้ายแล้วเค้าจะเรียนรู้เองว่าเสียเวลากับ Altcoin
ผมมองว่าปี 2025 Bitcoin น่าจะมีแนวโน้มที่ดีนะครับ มีหลายเหตุผลที่น่าสนใจ
อย่างแรกเลย เรื่องการเมืองสหรัฐฯ ที่คาดว่าผู้นำคนใหม่จะออกนโยบายที่เป็นบวกกับวงการคริปโต ซึ่งน่าจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุนเยอะเลย
อย่างที่สอง เรามี Bitcoin Halving ที่เพิ่งผ่านมา ถ้าดูจากประวัติศาสตร์ หลังจาก Halving ประมาณ 12-18 เดือน ราคามักจะขึ้นสูงมาก ซึ่งถ้านับไป เราจะเห็นผลชัดๆ ช่วงเมษายน 2025 นี่แหละ
แล้วก็มีเรื่อง Bitcoin Spot ETF ที่ได้รับอนุมัติ ทำให้คนทั่วไปและสถาบันลงทุนได้ง่ายขึ้นมาก ไม่ต้องมานั่งเปิดกระเป๋าคริปโตให้ยุ่งยาก เงินก็เลยไหลเข้ามาเรื่อยๆ
อีกอย่าง ตอนนี้ทั้งบริษัทใหญ่ๆ และบางประเทศเริ่มยอมรับ Bitcoin มากขึ้น เห็นได้ชัดว่าระบบนิเวศของ Bitcoin แข็งแรงขึ้นเรื่อยๆ เริ่มมีความคิดที่จะเก็บ Bitcoin กันมากขึ้น
สุดท้าย เทคโนโลยี Lightning Network ที่ช่วยให้ทำธุรกรรม Bitcoin ได้เร็วและถูกลง ก็เริ่มมีคนใช้งานจริงกันเยอะขึ้น
ถ้าดูจากปัจจัยพวกนี้รวมๆ กัน บวกกับแนวโน้มในอดีต ผมว่าราคา Bitcoin มีโอกาสพุ่งไปถึง 350,000 ดอลลาร์ได้เลยนะ แต่ก็ต้องติดตามข่าวสารและระวังความเสี่ยงด้วยนะครับ เพราะตลาดคริปโตมันก็ยังผันผวนอยู่
เรื่องแรกเลย การลงทุนมันมีความเสี่ยงเสมอ สิ่งสำคัญคือเราต้องเข้าใจว่าเรากำลังลงทุนอะไร เหมือนเวลาเราซื้อหุ้น เราก็ต้องรู้ว่าบริษัทนี้ทำธุรกิจอะไร มีจุดแข็งจุดอ่อนยังไง Bitcoin หรือคริปโตก็เหมือนกัน เราต้องเข้าใจว่ามันถูกสร้างมาทำไม แก้ปัญหาอะไร ถ้าไม่เข้าใจแล้วลงทุนไปก็เหมือนเล่นพนันแหละ
เรื่องที่สอง เรื่องการเก็บรักษาสินทรัพย์สำคัญมาก โดยเฉพาะในโลกคริปโต ถ้าเราไม่ระวังเรื่องความปลอดภัย การเก็บรักษา Private Key หรือเลือกแพลตฟอร์มที่ไม่น่าเชื่อถือ เงินหายได้ง่ายๆ เลย ก็เหมือนเราต้องเลือกธนาคารดีๆ ที่เชื่อถือได้ในการฝากเงินนั่นแหละ
เรื่องที่สาม อย่าลงทุนเกินตัว ต้องรู้ว่าเรารับความเสี่ยงได้แค่ไหน เพราะราคามันขึ้นลงแรงมาก บางทีอาจจะลงเป็น 50-70% ก็ได้ ถ้าเราเอาเงินที่ต้องใช้จ่ายในชีวิตประจำวันมาลงทุน มันอันตรายมากๆ
เรื่องที่สี่ ต้องเรียนรู้จากบทเรียนในอดีต อย่างกรณีที่เคยมีเว็บเทรดล้ม หรือโครงการดังๆ พังไป มันสอนให้เรารู้ว่าต้องระมัดระวัง อย่าหลงเชื่อคำโฆษณาที่เกินจริง หรือสัญญาว่าจะให้ผลตอบแทนสูงๆ แบบไม่น่าเป็นไปได้
สุดท้าย ต้องติดตามข่าวสารและเรียนรู้ตลอดเวลา เพราะวงการนี้มันเปลี่ยนแปลงเร็วมาก วันนี้อาจจะมีเทคโนโลยีใหม่ กฎระเบียบใหม่ หรือความเสี่ยงใหม่ๆ เกิดขึ้นได้ตลอด
ถ้าเราเข้าใจและระวังเรื่องพวกนี้ไว้ การลงทุนก็จะปลอดภัยขึ้นเยอะเลยครับ แม้จะไม่ได้การันตีกำไร แต่อย่างน้อยก็ช่วยลดความเสี่ยงที่ไม่จำเป็นได้