Binance ประกาศเลิกใช้เงินจริงเทรด ให้ลูกค้ารีบถอนเงินออกภายใน 13 มิ.ย. นี้

Binance หลังถูก ก.ล.ต.สหรัฐฯ (SEC) แจ้งข้อหากว่า 13 ข้อหา ซึ่งมีมูลเหตุต่างๆมากมาย เช่น ไม่จดทะเบียนเป็นตลาดซื้อขาย (Exchange) นายหน้า (Broker) และผู้ให้บริการเคลียริ่ง (Clearing agency)​ , ไม่จดทะเบียนหลักทรัพย์ในการขายสินทรัพย์คริปโต , ไม่ปิดกั้นการเข้าถึง Binance.com ของนักลงทุนจากสหรัฐฯ และ ทำให้นักลงทุนเข้าใจผิด

The SEC has taken to using extremely aggressive and intimidating tactics in its pursuit of an ideological campaign against the American digital asset industry. https://t.co/AZwoBOgsqS and our business partners have not been spared in the use of these tactics, which has created… pic.twitter.com/rlIe6swIoY

— Binance.US 🇺🇸 (@BinanceUS) June 9, 2023

ซึ่งแม้ทาง Binance จะออกมาโต้ตอบว่าไม่เป็นความจริง แต่ในขณะนี้ก็ได้เปลี่ยนกฎต่างๆมากมายเกี่ยวกับแพลตฟอร์ม Binance US ล่าสุดกำลังจะประกาศให้ลูกค้าเร่งถอนสกุลเงินจริง (Fiat currency) ภายในวันที่ 13 มิถุนายนนี้ และจะเปลี่ยนเป็นแพลตฟอร์มที่เทรดได้เฉพาะสกุลเงินดิจิทัลหรือคริปโทเคอร์เรนซี 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง : 

• เตือนผู้ใช้ระวังสแกมเมอร์ สวมรอย Gulf Binance หลอกร่วมลงทุน
• Binance พาย้อนรอยโลกคริปโตปี 2022 เผยเรื่องร้ายยังมีเรื่องดีซ่อนอยู่
• สรุปไทม์ไลน์ จับตาแพลตฟอร์มคริปโทฯ Binance เหรียญร่วงหนักในวันเดียว

ก.ล.ต. ได้ขอให้ศาลรัฐบาลกลางอายัดทรัพย์สินของ Binance ในสหรัฐอเมริกา รวมถึงทรัพย์สินของลูกค้าที่มีมูลค่ามากกว่า 2.2 พันล้านดอลลาร์ที่ถือครองในสกุลเงินดิจิทัล และอีก 377 ล้านดอลลาร์ในบัญชีธนาคารดอลลาร์สหรัฐ 

ขณะนี้นักลงทุนใน Binance US ได้ดึงเงินมากกว่า 31 ล้านดอลลาร์จาก Binance.US ในช่วง 24 ชั่วโมงก่อนหน้านี้

กฎที่เปลี่ยนไปจะทำให้เหรียญ Stablecoin ที่มูลค่าตามเงินจริง (เช่น BTC-USDT) ยังสามารถเทรดได้ปกติ แต่หากลูกค้ายังไม่ยอมถอนเงินจริงออกจากระบบ หลังวันที่ 15 มิถุนายน 2023 เป็นต้นไป เงินจะถูกแปลงเป็นเหรียญ Stablecoin ให้โดยอัตโนมัติ

ประกาศการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้มีผลเฉพาะ Binance.US เท่านั้น ไม่รวมถึง Binance Global ที่ทำตลาดนอกสหรัฐ ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนี้มีแนวโน้มว่าจะส่งผลต่อการเทรดคริปโทเคอร์เรนซีทั่วทั้งโลก เนื่องจากนักลงทุนเริ่มหวั่นเกรงเกี่ยวกับความปลอดภัยของการเทรดเหรียญคริปโทเคอร์เรนซีต่างๆในอนาคต

ที่มา : reuters