svasdssvasds

คริปโตอาจใช้ไฟน้อยกว่าธนาคาร ผลวิจัยชัดเหมืองใช้พลังงานน้อยกว่าที่คิด

คริปโตอาจใช้ไฟน้อยกว่าธนาคาร ผลวิจัยชัดเหมืองใช้พลังงานน้อยกว่าที่คิด

หนึ่งในความเชื่อของคนรุ่นใหม่ว่า "คริปโต" ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม หากลองเปรียบเทียบการใช้พลังงานของบล็อกเชนกับระบบอื่นๆ จะพบว่าหลายอย่างเป็นเรื่องที่เข้าใจผิดไปจากเดิม

งานวิจัยของ Galaxy Digital ในปี 2021 เผยว่า ศูนย์ข้อมูลของธนาคารชั้นนำกว่า 100 แห่งทั่วโลกมีการปล่อยพลังงานมากกว่าเครือข่าย Bitcoin ถึง 2 เท่า

นอกจากนี้ ยังมีการประมาณการถึงปริมาณไฟฟ้าที่สูญเสียจากการนำส่งและจ่ายไฟฟ้าต่อปีของธนาคารโลกและสำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ ซึ่งสูงกว่าบล็อกเชน Bitcoin ถึง 19.4 เท่า เมื่อเทียบกับปริมาณที่ใช้ในช่วงเวลาเดียวกัน

แต่นักวิจารณ์กลับเชื่อมโยงว่าคริปโตเป็นภัยต่อสิ่งแวดล้อมจากกระบวนการขุดเหรียญที่ต้องใช้พลังงานมาก โดย Bitcoin ต้องอาศัยกลไกที่เรียกว่า proof-of-work (PoW) ถือเป็นเรื่องที่ไม่สมเหตุสมผลอย่างยิ่ง หากจะบอกว่าการใช้พลังงานจำนวนมากนั้นส่งผลเสียต่อสิ่งแวดล้อม

การร่วมมือกันระหว่างธุรกิจเหมืองคริปโตและผู้ผลิตพลังงานแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจจริงในการลดการใช้พลังงาน เพื่อสร้างความสมดุลระหว่างอุปสงค์และอุปทาน

คริปโตอาจใช้ไฟน้อยกว่าธนาคาร ผลวิจัยชัดเหมืองใช้พลังงานน้อยกว่าที่คิด

โดยการวิจัยเผยให้เห็นว่าการขุดคริปโตสามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้พลังงาน ด้วยการใช้พลังงานหมุนเวียน พร้อมทั้งเป็นตัวอย่างสำคัญในการส่งเสริมผู้คนให้หันมาใช้พลังงานหมุนเวียนเพิ่มมากขึ้นด้วย 

อ่านข่าวอื่นๆ เพิ่มเติม

ดังนั้น แนวคิดที่ว่าการขุด Bitcoin สร้างความเสียหายกับสิ่งแวดล้อม โดยรายงานของสภาการขุด Bitcoin (Bitcoin Mining Council) ในไตรมาสที่ 2 ปี 2022 เผยว่า กว่า 59.5% ของพลังงานทั่วโลกที่ใช้ขุดบิทคอยน์นั้น มาจากแหล่งพลังงานหมุนเวียน

ด้วยความก้าวหน้าของเทคโนโลยีเซมิคอนดัคเตอร์และเทคนิคการขุดสมัยใหม่ ยิ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการลดการปล่อยมลพิษได้มากถึง 46% เมื่อเทียบแบบปีต่อปี

นอกจากนี้ ยังมีหลักฐานอ้างอิงเพิ่มเติมว่าเหล่านักขุดคริปโตกำลังเริ่มหันมาใช้แหล่งพลังงานที่ยั่งยืน ซึ่งส่งผลให้เกิดมลพิษน้อยลงแม้จะมีการใช้ไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้นก็ตาม

คริปโตอาจใช้ไฟน้อยกว่าธนาคาร ผลวิจัยชัดเหมืองใช้พลังงานน้อยกว่าที่คิด

ทั้งนี้ โซลูชัน Proof-of-stake อย่าง Ethereum ถูกเปลี่ยนผ่านจาก PoW มาเป็น PoS เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา ส่งผลให้มีการใช้พลังงานไฟฟ้าลดลงอย่างมาก

โดยสถาบันจัดอันดับคาร์บอนในคริปโต หรือ CCRI ได้ตรวจสอบผลกระทบของการเปลี่ยนผ่าน Ethereum และพบว่าการใช้พลังงานไฟฟ้าและปริมาณคาร์บอนฟุตพริ้นท์ลดลงกว่า 99.9%

งานวิจัยของศูนย์วิจัยด้านการเงินทางเลือกของมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ แสดงให้เห็นว่าปริมาณการใช้ไฟฟ้ารายปีของ Ethereum เทียบเท่ากับการใช้เครื่องปรับอากาศ 587 เครื่องในหนึ่งปี

คริปโตอาจใช้ไฟน้อยกว่าธนาคาร ผลวิจัยชัดเหมืองใช้พลังงานน้อยกว่าที่คิด

และยังน้อยกว่าจำนวนการใช้พลังงานไฟฟ้าของบริษัทระดับโลกและตึกชื่อดังหลายแห่งรวมกัน ซึ่งสิ่งนี้แสดงให้เห็นถึงความสำเร็จในการอนุรักษ์พลังงานของ Ethereum ที่สามารถสร้างผลลัพธ์ที่ดีและชัดเจน แม้จะมีจำนวนการประมวลผลทางธุรกรรมสูงก็ตาม

นอกจากเรื่องคาร์บอนฟุตพริ้นท์ เทคโนโลยีบล็อกเชนยังช่วยส่งเสริมด้านความยั่งยืนด้วยเช่นกัน จากการทำหน้าที่ในการติดตามและแสดงแหล่งที่มาของสินค้าต่างๆ เพื่อยืนยันว่าสินค้าเหล่านั้นถูกผลิตขึ้นอย่างยั่งยืนและมีจริยธรรม รวมถึงสร้างแรงจูงใจให้กับผู้บริโภคในการปฏิบัติตนให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

ทั้งยังช่วยอำนวยความสะดวกในการเทรดแบบ peer-to-peer เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถขายพลังงานแสงอาทิตย์ส่วนเกินให้กับเพื่อนบ้านได้โดยตรงอีกด้วย

คริปโตและบล็อกเชนยังมีศักยภาพในการส่งเสริมความยั่งยืนในอนาคต ผ่านการส่งเสริมระบบฉันทามติด้านการประหยัดพลังงาน การขับเคลื่อนนวัตกรรมในการสร้างพลังงานหมุนเวียน และส่งเสริมความโปร่งใสและความรับผิดชอบในอุตสาหกรรมต่างๆ ด้วย

related