ดิสนีย์ พลัส เตรียมใช้กลยุทธ์ห้ามแชร์รหัสผ่านแบบ Netflix คาดเพิ่มยอดสมาชิก
Disney เดินหน้าใช้หลักการเดียวกับ Netflix หวังควบคุมการแชร์รหัสผ่านสำหรับบริการสตรีมมิ่งของ Disney+ คาดช่วยเพิ่มยอดการสมัครสมาชิกและรายได้เพิ่มขึ้น
SHORT CUT
- ดิสนีย์ พลัส เตรียมใช้หลักการปราบปรามเดียวกับเน็ตฟลิกซ์
- ห้ามไม่ให้ลูกค้าแชร์สมาชิกกัน
- คาดช่วยสร้างกำไรได้ในสิ้นปีหลังการปราบปราม
Disney เดินหน้าใช้หลักการเดียวกับ Netflix หวังควบคุมการแชร์รหัสผ่านสำหรับบริการสตรีมมิ่งของ Disney+ คาดช่วยเพิ่มยอดการสมัครสมาชิกและรายได้เพิ่มขึ้น
บ็อบ ไอเกอร์ ซีอีโอของดิสนีย์ เผยถึงแนวทางการปราบปรามการแชร์รหัสผ่านของบริการสตรีมมิ่ง Disney+ หลังได้รับการตอบรับจากผู้ใช้งานมากขึ้น
แต่ก็มีผู้ใช้งานบางส่วนใช้วิธีการแชร์รหัสผ่านมากขึ้น ทำให้บริษัทต้องเร่งหาแนวทางในการปราบปรามการแชร์รหัสผ่านมากขึ้น คาดจะเริ่มปฏิบัติการณ์ช่วงมิถุนายนนี้ในบางประเทศและเพิ่มไปในประเทศอื่นๆ มากขึ้นในเดือนกันยายน
แม้ว่าข้อกำหนดในการให้บริการสตรีมมิ่งอื่นๆ ของ Disney+ จะป้องกันไม่ให้ผู้ใช้งานแอบใช้ชื่อสมาชิกหรือรหัสผ่านแก่บุคคลอื่น และให้ปิดเป็นความลับ แต่ก็ไม่ได้ควบคุมได้ร้อยเปอร์เซ็นต์
เจอปัญหาแชร์รหัสผ่านทุกแพลตฟอร์ม
อีกหนึ่งบริการสตรีมมิ่งของ Disney+ อย่าง Hulu เริ่มจำกัดความถี่ที่ลูกค้าสามารถแชร์ข้อมูลการเข้าสู่ระบบบัญชีภายนอกครัวเรือนของตนได้ เมื่อวันที่ 14 มีนาคมเป็นต้นไป
การปราบปรามดังกล่าวเกิดขึ้น เมื่อคู่แข่ง Netflix ระบุว่า มีการลงทะเบียนสมาชิกใหม่เพิ่มขึ้น จากการปราบปรามการแชร์รหัสผ่านครั้งล่าสุด ไม่นานหลังจากการปราบปรามมีผลบังคับใช้เมื่อเดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว
ดังนั้น Netflix จึงได้สมาชิกใหม่เพิ่มอีกกว่า 100,000 บัญชีในสองวันต่อมา ตามข้อมูลจาก Antenna Netflix มียอดสมัครเพิ่มขึ้นมากกว่า 100% จากค่าเฉลี่ย 60 วันก่อนหน้านี้
การปล่อยแชร์ส่งผลต่อธุรกิจรุนแรง
แม้ว่าการที่สมาชิกแชร์รหัสผ่านร่วมกันของ Disney จะช่วยให้แพลตฟอร์มสตรีมมิ่งของบริษัทมีการเติบโตด้านจำนวนสมาชิกเพิ่มขึ้น และเป็นโอกาสเดินหน้าไปสู่การทำกำไรได้
แต่ไม่รู้ว่าจะต้องรออีกนานแค่ไหน ถึงจะสร้างกำไรและรายได้ แต่ทาง Disney+ ยังคงสูญเสียงบการทำตลาดอย่างต่อเนื่อง
ไอเกอร์ เผยว่า
“Netflix คือมาตรฐานทองคำในการทำธุรกิจสตรีมมิ่ง”
การปราบปรามการแชร์รหัสผ่านของสมาชิก คาดว่าจะใช้ระยะเวลาหลายเดือน ในการหารือกับนักลงทุนคาดว่าจะช่วยให้ Disney มีโอกาสเติบโตในธุรกิจนี้ได้ เนื่องจากแผนการปราบปรามนี้ มีความเป็นไปได้ที่จะช่วยให้ Disney กลับมามีกำไรและขยายธุรกิจใหม่ๆ ได้อีกครั้ง
ที่มา : CNN
อ่านข่าวอื่นๆ เพิ่มเติม
