ช่วงนี้ฝนตกหนักและเป็นช่วงที่หลายพื้นน้ำท่วม นอกจากโรคน้ำกัดเท้าที่มากับน้ำท่วมแล้ว มีอีกโรคที่ยังต้องควรระวังคือ โรคไข้ดิน หรือโรคเมลิออยด์ มาทำความรู้จักโรคนี้และเรียนรู้วิธีป้องกันกันดีกว่า
นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า โรคเมลิออยด์หรือที่ชาวบ้าน เรียกว่าโรคไข้ดิน คือโรคที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย โดยเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุจะอยู่ในดินและในน้ำ เข้าสู่ร่างกายคนเราได้ 3 ทาง คือ
1. ทางบาดแผลที่ผิวหนัง
2.ดื่มน้ำหรือรับประทานอาหารที่ปนเปื้อนเชื้อเข้าไป
3.สูดหายใจเอาฝุ่นจากดินที่มีเชื้อเจือปนอยู่เข้าไป
โดยหลังติดเชื้อประมาณ 1-21 วันจะมีอาการเจ็บป่วย แต่บางรายอาจนานเป็นปีขึ้นอยู่กับปริมาณเชื้อที่ได้รับและภูมิต้านทานของแต่ละคน
เนื้อหาที่น่าสนใจ :
อาการของโรคไข้ดิน
อาการของโรคนี้ไม่มีลักษณะเฉพาะ จะมีความหลากหลายคล้ายโรคติดเชื้ออื่นๆ หลายโรค เช่น มีไข้สูง มีฝีที่ผิวหนัง มีอาการทางระบบทางเดินหายใจ บางรายพบอาการทางระบบประสาทร่วมด้วย อาจติดเชื้อเฉพาะที่หรือติดเชื้อแล้วแพร่กระจายทั่วทุกอวัยวะก็ได้ ส่วนใหญ่มักจะเริ่มจากอาการไข้เป็นหลัก จึงทำให้วินิจฉัยโรคได้ยาก ต้องอาศัยการตรวจเพาะเชื้อทางห้องปฏิบัติการเป็นหลัก เพื่อใช้ประกอบการตรวจวินิจฉัยและรักษา
ทางด้านแพทย์หญิงวรยา เหลืองอ่อน ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กล่าวว่า โรคเมลิออยด์ ไม่มีวัคซีนป้องกัน สามารถป่วยซ้ำได้อีก ประชาชนที่มีความเสี่ยงติดเชื้อโรคนี้ มี 5 กลุ่ม ได้แก่
1.ผู้ที่ประกอบอาชีพเกษตรกร ซึ่งต้องสัมผัสกับดินและน้ำโดยตรงหรือสัมผัสสัตว์เลี้ยงที่มีเชื้อโรคนี้อยู่ในร่างกาย เช่น แมว สุนัข หมู ม้า วัว ควาย แกะ หรือแพะ
2.ผู้ที่มีบาดแผลที่เท้า
3.ผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน
4.ผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรัง
5.คนสูบบุหรี่จัดหรือติดเหล้า
วิธีป้องกันโรคไข้ดิน
-หากมีบาดแผลหลีกเลี่ยงลุยน้ำ ย่ำโคลน ถ้าจำเป็นควรใส่รองเท้าบู๊ท และควรรีบทำความสะอาดร่างกาย
-ในกรณีที่มีแผล ควรรีบทำความสะอาดด้วยยาฆ่าเชื้อ และไม่ควรสัมผัสดินและน้ำจนกว่าแผลจะแห้งสนิท
-ควรกินอาหารปรุงสุก ดื่มน้ำสะอาดทุกครั้ง
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสลมฝุ่น และอยู่ท่ามกลางสายฝน
- ลด ละ เลิกดื่มแอลกอฮอล์หรือสูบบุหรี่ เพื่อสุขภาพที่ดี
Cr. กรมควบคุมโรค / สสส.