หนังสั่งลาบทเจมส์ บอนด์ 007 ของพระเอก แดเนียล เครก ได้ฉายจริงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังจากโดนเลื่อนเพราะโควิดมาถึง 3 ครั้ง นักวิจารณ์ชมกระหึ่ม เป็นเป็น007 ที่ครบรสที่สุดเต็มอิ่ม ปิดฉากได้สวยงาม
007 : No Time To Die ภาคนี้เป็นตอนที่ 25 ของหนัง 007 (และเป็นภาคที่ 5 ของพระเอก แดเนียล เครก) ทาง Universal Pictures สตูดิโอทุ่มทุนสร้างราว 200 ล้านดอลลาร์
เป็นเรื่องราวของ เจมส์ บอนด์ ที่เกษียณจากการเป็นสายลับไปหาความสงบสุขในจาเมกา กับแฟนสาว แต่ยังพักร้อนไม่ทันไร ถูกตามกลับมาทำภารกิจร่วมกับสายลับสาว 00 agen โดย ลาชานา ลินช์ (Lashana Lynch) เพื่อตามตัวนักวิทยาศาสตร์ที่ถูกตัวร้ายอย่าง ซาฟิน ลักพาตัวไปซึ่งรับบทโดย รามี มาเล็ค (นักแสดงรางวัลออสการ์ จาก Bohemian Rhapsody) เข้าฉายในโรงภาพยนตร์ทั่วโลกอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 8 ต.ค. ที่ผ่านมา ประเทศไทยได้คิวฉายก่อน 1 วัน คือวันที่ 7 ต.ค.
เพียงแค่สัปดาห์เดียว กระแสตอบรับที่ดีมากๆจากนักวิจารณ์หนัง เว็บฯดังอย่าง IMDB ได้คะแนนถึง 7.6 จากเต็ม 10 และ Rotten Tomato ได้ 84 % รายได้ เฉพาะช่วงสุดสัปดาห์แรก Universal Pictures เปิดเผยว่า กวาดรายได้ทั่วโลกไป 121 ล้านดอลลาร์
ส่วนอนาคตของ แดเนียล เครก นักแสดงนำ 007 ที่จะอำลาบทเจมส์ บอนด์ไปในภาคนี้ ตอนนี้ก็มีงานแสดงใหม่รออยู่แล้ว โดยจะไปแสดงละครเวทีเรื่อง Macbeth ที่มาจากหนังสือคลาสสิกของ วิลเลียม เชกสเปียร์ มีกำหนดเปิดแสดงในเดือน มีนาคม ปี 2022 ปีหน้า