ทำความรู้จักกับ 7 สายลับพยัคฆ์ร้าย เจมส์ บอนด์ 007 ตลอด 59 ปี ก่อนจะไปดู James Bond No Time to Die เจมส์ บอนด์ 007 ภาคใหม่
James Bond No Time to Die หรือที่ติดปากกันว่า เจมส์ บอนด์ 007 เป็นภาคล่าสุด ที่เพิ่งเข้าโรงหนังในวันนี้ 7 ตุลาคม 2564
มาย้อนจักรวาลจารชนกันเล็กน้อย ภาคแรกของเจมส์ บอนด์ คือ Dr.No ที่ได้ ฌอน คอนเนอรี (Sean Connery) มาเป็นนักแสดงนำ หนังเข้าฉายไปเมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 1962 เรียกได้ว่า ครบรอบกว่า 59 ปีเต็มๆ ที่โลกรู้จักกับ "บอนด์, เจมส์ บอนด์"
หากใครทันดูตั้งแต่ภาคแรก ตอนนี้คงมีอายุไม่ต่ำกว่า 70 ปีอย่างแน่นอน
ฌอน คอนเนอรี ได้รับบทเป็นสายลับพยัคฆ์ร้ายกว่า 7 ภาคด้วยกัน แม้มีนักแสดงอื่นมารับบทเจมส์ บอนด์ คั่นช่วงไป 3 คน ได้แก่ เดวิด นิเวน, จอร์จ ลาเซนบี้ และ โรเจอร์ มัวร์
โดย ฌอน คอนเนอรี ได้โลดแล่นอยู่ในโลกจารชนในฐานะเจมส์ บอนด์ นานถึง 6 ปี (1962-1965 + 1967 + 1971 +1983) ไม่นับช่วงที่ให้คนอื่นมารับบท หากรวมแล้วคงยาวนานถึง 21 ปี
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
ต่อมาแม้เดวิด นิเวน (David Niven) จะเข้ามาเพียงภาคเดียวอย่างเรื่อง Casino Royale ในปี 1967 แต่ก็เรียกว่าเด่นมาก เนื่องจากเรื่อง Casino Royale จะเป็นชื่อเดียวกันกับที่แดเนียล เคร็กเล่นเป็นภาคแรกในปี 2006 และอาจเรียกได้ว่าเป็นเจมส์ บอนด์ เพียงคนเดียวที่ไว้หนวด
ต่อจาก เดวิด นิเวน จะเป็น จอร์จ ลาเซนบี้ (George Lazenby) แม้จะมีป๋าฌอน มาคั้นกลางด้วยเจมส์ บอนด์ ภาค You Only Live Twice ในปีเดียวกันกับของเดวิด นิเวน ปี 1967
จอร์จ ลาเซนบี้ รับบทเจมส์ บอนด์ ในภาค On Her Majesty's Secret Service ในปี 1969
และตามด้วย ป๋าฌอน ที่กลับมารับบทเจมส์ บอนด์ อีกครั้ง ในปี 1971 ด้วยภาค Diamonds are Forever ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นอีกหนึ่งในเจมส์ บอนด์ ที่รับบทไม่น้อยกว่าป๋าฌอน คอนเนอรี เลย นั่นคือ โรเจอร์ มัวร์ (Roger Moore) ที่เป็นพยัคฆ์ร้ายถึง 7 ภาคด้วยเช่นเดียวกัน
แต่โรเจอร์ มัวร์ ก็ไม่ใช่เจมส์ บอนด์ เพียงคนเดียวในช่วงตลอด 12 ปีที่เป็นสายลับพยัคฆ์ร้าย 007 เพราะป๋าฌอน คนดี คนเดิม ก็กลับมาคั้นด้วย Never say never again ในปี 1983 ถือเป็นภาคสุดท้ายที่รับบทเจมส์ บอนด์ ของป๋าฌอน ซึ่งเป็นปีเดียวกันกับเจมส์ บอนด์ ของโรเจอร์ มัวร์ ด้วยภาค Octopussy
โรเจอร์ มัวร์ ได้ส่งไม้ต่อบทสายลับพยัคฆ์ร้าย 007 เจมส์ บอนด์ ให้แก่ ทิโมธี ดาลตัน (Timothy Dalton) และเป็นเพียงเวลาสั้นๆ เท่านั้นเพียง 2 ปี
แม้จะสั้น แต่ภาค License to kill ก็เป็นหนึ่งในภาคที่ดังมากที่สุดของจักรวาลหนัง เจมส์ บอนด์
คนที่มารับช่วงต่อจาก ทิโมธี ดาลตัน คือ เพียร์ซ บรอสแนน เป็นเจมส์ บอนด์ ที่เต็มไปด้วยอุปกรณ์สุดล้ำ รถยนต์ติดอาวุธ ดูเป็นหนังสายลับที่พึงพาอุปกรณ์ไฮเทคสร้างความตื่นตาตื่นใจให้แก่คอหนังเป็นอย่างมาก และเรียกได้ว่าเป็นการแจ้งเกิดให้แก่ เพียร์ซ บรอสแนน กันเลยทีเดียว
และนี่คือการมาถึงของเจมส์ บอนด์ คนปัจจุบัน แดเนียล เคร็ก (Daniel Craig) ที่ถูกค่อนขอดมากที่สุดว่าไม่เหมาะจะเป็น สายลับพยัคฆ์ร้าย 007 เจมส์ บอนด์ แต่กาลเวลาและผลงานได้พิสูจน์แล้วว่า แดเนียล เคร็ก เองก็คู่ควรกับ "วอดก้า มาร์ตินี่ เขย่าแต่ไม่คน" เช่นเดียวกันกับรุ่นพี่
No time to die เป็น เจมส์ บอนด์ 007 ภาคใหม่ ภาคนี้ถือเป็นภาคสุดท้ายที่ แดเนียล เคร็ก จะมารับบท พยัคฆ์ร้าย 007 และเรียกได้ว่า แดเนียล เคร็ก เป็นสายลับบอนด์ที่ยาวนานที่สุดถึง 15 ปี