หลังจาก มีมาตรการล็อกดาวน์ขั้นสูงสุด ในพื้นที่ 13 จังหวัดสีแดงเข้ม ขอให้งดออกจากเคหสถาน โดยไม่จำเป็นในเวลากลางวัน ยกเว้นเพื่อจัดหาอาหาร ยา พบแพทย์ รับวัคซีน และอาชีพจำเป็น เราลองมาถอดบทเรียน ล็อกดาวน์อู่ฮั่น แล้วหันมามองที่ไทย เพื่อเป็นการเปรียบเทียบในทุกมิติกันดู
ย้อนรอยล็อกดาวน์อู่ฮั่น
เป็นเวลาหนึ่งปีกว่าๆแล้ว ที่คนทั่วโลกรู้จักกันดีกับคำว่า "ล็อกดาวน์" ในวิกฤตโควิด-19 เพราะ เมืองอู่ฮั่น เมืองแรกของโลกที่เจอกับการระบาดเล่นงานของเชื้อไวรัสทำลายล้างโลก ย้อนเข็มนาฬิกากลับไปในปีที่แล้ว ในช่วงต้นปี 2020 รัฐบาลจีน ภายใต้การทำงานอันเด็ดขาดของประธานาธิบดี สีจิ้นผิง เริ่มต้นใช้มาตรการล็อกดาวน์อู่ฮั่น ปิดเมืองอู่ฮั่น ในวันที่ 24 มกราคม ปี 2020
โดยให้ประชากรทั่วทั้งเมืองกว่า 11 ล้านคน ในเมืองอู่ฮั่น กักตัว ละทิ้งอิสรภาพของตัวเอง ไว้อยู่แต่ภายในบ้าน โดยอนุญาตให้ออกจากบ้านได้ 1 ครั้งในทุกๆ 3 วัน หรือเฉพาะในกรณีจำเป็น เช่น ซื้ออาหาร ยาและสิ่งของจำเป็น
มาตรการ ล็อกดาวน์อู่ฮั่น หรือ อู่ฮั่นโมเดลนั้น กินเวลา 76 วัน ซึ่งมาตรการล็อกดาวน์อู่ฮั่นนั้น ถือว่าเป็นหนึ่งในมาตรการที่มีความเข้มข้นมากที่สุดในโลก และทุกสิ่งที่ทำนั้น ต้องแลกมาซึ่งความเจ็บปวด รอยแผลเป็นอันสาหัส ความเสียหายทางเศรษฐกิจ ความเสียหายของสภาพจิตใจคน และการล็อกดาวน์ก็คือการจำกัดอิสรภาพของมนุษย์ทุกคนในเมืองอู่ฮั่น
ล็อกดาวน์อู่ฮั่นทำอะไรบ้าง ?
มาตรการล็อกดาวน์อู่ฮั่น หรือ อู่ฮั่นโมเดลนั้น มีมาตกรารที่เข้มงวด อาทิ
- ห้ามเข้าออกเมืองอย่างเด็ดขาด แม้แต่เหตุด่วนส่วนตัวหรือทางการแพทย์ก็ไม่เว้น
- สั่งระงับการคมนาคมขนส่ง รวมถึงรถไฟ รถโดยสารสาธารณะ เครื่องบิน และปิดทางหลวงทั่วเมืองอู่ฮั่น
- ตั้งด่านตรวจเข้าออกเมือง และจำกัดการเดินทางระหว่างเมือง
- ปิดสำนักงาน โรงงานและสถานประกอบธุรกิจต่างๆ ที่ไม่มีความจำเป็น และให้พนักงานทำงานที่บ้าน
- ปิดโรงเรียนและมหาวิทยาลัยทั้งหมด ให้นักเรียนและนักศึกษา เรียนหนังสือผ่านทางออนไลน์
- บังคับให้ประชาชนทุกคนสวมหน้ากากอนามัยและรักษาระยะห่างระหว่างบุคคลหรือ Social Distancing
.
อย่างไรก็ตาม ใช่ว่า นโยบายของรัฐบาลจีนจะคิดแต่เพียง ควบคุมการระบาด ควบคุมการเดินทางของประชาชนในเมืองอู่ฮั่นเท่านั้น เพราะสิ่งที่ รัฐบาลจีน ทำควบคู่ไปด้วย และถือเป็นสิ่งที่สำคัญ ให้หลุดพ้นจากการระบาดของโควิด-19 มาได้ นั่นคือ
- ระดมตรวจเชื้อโควิด-19 และให้การสนับสนุนบุคลากรทางการแพทย์อย่างเต็มกำลัง
- เร่งสร้างโรงพยาบาลสนามขนาดใหญ่เพื่อรองรับผู้ติดเชื้อโควิด-19 จำนวนมาก
- อำนวยความสะดวกแก่บุคลากรทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่ด่านหน้าที่ต้องปฏิบัติหน้าที่รับมือและควบคุมการระบาดโควิด-19 โดยจัดส่งอาหารให้ฟรี เรียกง่ายๆว่า สนับสนุนเติมพลังให้ทีมหน่วยหน้าเต็มที
- ระดมตรวจเชื้อประชาชนจำนวนมาก พร้อมทั้งเร่งติดตามผู้สัมผัสใกล้ชิดผู้ติดเชื้อและกลุ่มเสี่ยง
- หากพบผู้ติดเชื้อในอาคารพักอาศัย ให้ผู้อาศัยภายในอาคารทั้งหมดกักตัวเต็มรูปแบบ โดยห้ามออกจากที่พักแต่จะมีอาหารและสิ่งของจำเป็นส่งให้ถึงที่พัก
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เทศกาลดนตรีเมืองอู่ฮั่น : สัญญาณที่บอกว่า จีนไม่กลัวโควิด19 อีกแล้ว
Breaking News : "ไฟเซอร์" เซ็นสัญญาขายวัคซีนโควิดให้ สธ.แล้ว 20 ล้านโดส
ล็อกดาวน์ทำลายจิตใจผู้คน
ทั้งนี้ ล็อกดาวน์อู่ฮั่น หรือ อู่ฮั่นโมเดล มีความจริงอีกข้อหนึ่งที่ปฏิเสธไม่ได้ นั่นคือ ราคาที่ต้องจ่าย กับเรื่องสภาพจิตใจคน ที่ไม่อาจประเมินเป็นตัวเลขได้
ทั้งนี้ investmentmonitor.ai ได้ลงความเห็น ของนักสังคมสงเคราะห์ในเมืองอู่ฮั่น โดยระบุว่า รัฐบาลจีนปิดกั้นไม่ให้ประชาชนพูดถึง แง่ร้าย ผลร้ายของการล็อกดาวน์อู่ฮั่น ที่ไม่ต่างอะไรกับ รอยมีดที่บาดจิตใจผู้คน และเมื่อผู้คนไม่สามารถบอกเล่าถึงเรื่องราวที่ผ่านมาได้ สิ่งที่เกิดขึ้นมันก็จะไม่หายไป อาการบาดเจ็บทางจิตใจของคนอู่ฮั่นก็จะยังคงอยู่ตลอดไป
.
เศรษฐกิจอู่ฮั่นฟื้นเร็ว
ทั้งนี้ การตัดสินใจรวดเร็วของทางการจีน ในการล็อกดาวน์อู่ฮั่น ทำให้ภาคเศรษฐกิจตั้งหลักได้เร็ว แม้ ณ เข็มนาฬิการเดินอยู่ตอนนี้ทุกอย่างยังไม่ 100 เปอร์เซนต์ แต่ก็มีสัญญาณการฟื้นตัวที่ดีขึ้น โดย ข้อดีอีกประการหนึ่งของการล็อกดาวน์อู่ฮั่น แบบเข้มข้นที่หนึ่งในพนักงานบริษัทต่างชาติ ระบุถึงก็คือ สามารถทำให้หน่วยงานรัฐนั้นสร้างความเชื่อมั่นให้กับกลุ่มบรรดาบริษัทต่างชาติได้เป็นผลสำเร็จ ด้วยความเชื่อที่ว่าหน่วยงานรัฐนั้นจะยังคงสามารถเป็นที่พึ่งพาได้ถ้าหากมีวิกฤติร้ายแรงเกิดขึ้น
เทศกาลดนตรีเมืองอู่ฮั่น หลังคลายล็อกดาวน์
มองล็อกดาวร์อู่ฮั่น แล้วมองไทย ?
เมื่อพิจารณา มองสิ่งที่เกิดขึ้นใน อู่ฮั่นโมเดล แล้ว หันกลับมาพิจารณามาตรการ ล็อกดาวน์เต็มรูปแบบของไทย ตามมาตรการของศบค. นั่นถือว่ามีข้อแตกต่างกันมาก และมีการตั้งประเด็นคำถาม มากมายจากภาคสังคม และปลายทางแห่งสายรุ้ง ยังมีคำถามเสมอๆ ว่า ล็อกดาวน์ครั้งนี้ จะเป็นเรื่อง "เสียของ" ตราบใดที่ประเทศไทย ยังไม่มีวัคซีนที่ดี "ในความหมาย' วัคซีน mRNA
ขณะเดียวกัน เมื่อมองตัวเลข (20 ก.ค. 2021) ผู้ติดเชื้อโควิดรายใหม่ 11,305 ราย ติดเชื้อสะสม 426,475 ราย ผู้เสียชีวิตเพิ่ม 80 ราย ทำให้มียอดผู้เสียชีวิตสะสม 3,502 ราย และหายป่วยกลับบ้านเพิ่มแค่ 6,557 ราย หากกราฟยังเป็นแบบนี้ ระบบสาธารณสุขไทยที่อยู่ในภาวะ "ขีดแดง" อยู่แล้ว อาจจะไปถึงจุดที่ วิกฤตในวิกฤต อีกในไม่ช้า หากยังไม่มีวัคซีนที่ดี มาถึงประเทศในเร็ววัน
ในความเป็นจริง การปิดเมือง ไม่ได้ทำให้เชื้อหยุดโดยตัวเอง เป็นเรื่องที่ผิด หากจะคิดหยุดเชื้อไวรัสโดยในประชาชนอยู่กับที่
โดย ณ สถานการณ์ของล็อกดาวน์อู่ฮั่นไม่ได้เจอกับ เชื้อโควิดสายพันธุ์เดลต้า ขณะที่ ไทยและทั่วโลกตอนนี้กำลังเจอกับโควิดสายพันธุ์เดลต้า ซึ่งถ้าหากยังไม่มีวัคซีนคุณภาพดี อย่างที่ หมอด่านหน้ามาเรียกร้อง ขอวัคซีน mRNA การล็อกดาวน์ ณ เวลาปัจจุบันอาจไม่ใช่คำตอบที่เข้าเป้าตรงประเด็น ไปมากกว่า ไปหาวัคซีนที่ดีมาตั้งแต่แรก
ล็อกดาวน์ไทยเจ็บแต่ไม่จบ!
หากไม่มีการตรวจเชื้อแล้วแยกผู้ติดเชื้อไปกักตัวอย่างกว้างขวาง ซึ่งรัฐบาลไทย ทำได้ไม่เคยตามเป้าหมายเลย ตั้งแต่ต้นจนปัจจุบัน การล็อกดาวน์ บีบให้คนเจ็บแล้วแจกเงิน ก็ช่วยอะไรได้ไม่มาก เพราะปัญหาโควิดก็ยังมีอยู่ในวงวนวนเวียน
.
ตรงกันข้ามอู่ฮั่นโมเดลที่จีนปิดเมือง, ปูพรมตรวจเพื่อแยกผู้ติดเชื้อจากชุมชน และดูแลผู้ถูกกักตัวจากโควิด-19 อย่างดี
รัฐบาลไทย ภายใต้การนำของพลเอก ประยุทธ จันทร์โอชา ล็อกดาวน์โดยไม่มีการปูพรมตรวจผู้ติดเชื้อ, ดูแลผู้ถูกกักตัวอย่างไร้มาตรฐาน กรณีแคมป์คนงาน และล็อกดาวน์เป็นแค่เคอร์ฟิวที่สร้างความลำบากในชีวิตประชาชนผู้มีรายได้น้อย
มองให้ละเอีดย จะเห็นว่า ล็อกดาวน์อู่ฮั่น โดยห้ามคนทั้งเมืองออกไปไหนเลย ...ส่วนรัฐบาลไทยล็อกดาวน์โดยห้ามรถเมล์และรถแท็กซี่วิ่งหลังสามทุ่ม รวมทั้งห้ามรถทัวร์วิ่งเข้า-ออกจากกรุงเทพฯ
ล็อกดาวน์แบบนี้จึงเป็นล็อกดาวน์ที่คนมีรถยนต์ส่วนตัวไม่ถูกควบคุม แค่ลำบากนิดหน่อยเวลาเจอด่านเท่านั้นเอง...
.
ทางแก้ไข ที่ควรทำ มาตั้งนานแล้ว และทุกฝ่ายก็ย้ำอยู่เสมอ ประเทศจะเดินทางมาถึงก่อน-การล็อกดาวน์ปิดเมืองครั้งนี้ นั่นคือ ...วัคซีนที่ดีอยู่ที่ไหน ? วัคซีนที่กำราบเชื้อโควิดสายพันธุ์เดลต้าได้อยู่ที่ไหน ? และเพราะเหตุใด ประชาชนที่เสียภาษีทุกคน จึงเข้าถึงวัคซีนได้ลำบากยากเย็น...