10 เกร็ดน่ารู้ อิตาลี แชมป์ยูโร 2020 จ้าวยุโรปสมัย 2 ดวลจุดโทษชนะอังกฤษ

1. ฟุตบอลยูโร 2020 จบฉากลงอย่างเป็นทางการแล้ว ด้วยการเป็นแชมป์อย่างสมศักดิ์ศรีของ อิตาลี ภายใต้การคุมทีมของโรแบร์โต้ มันชินี่ คว้าแชมป์ยูโรเป็นสมัยที่ 2 ของประเทศ หลังจาก เอาชนะช่วงดวลจุดโทษ 3-2 หลังจากใน 120 นาทีเสมอกับ อังกฤษ 1-1 ที่สนามเวมบลี่ย์
.
แน่นอนว่า ก่อนเกมนัดชิงฯยูโร 2020 มีเคมเปญการเชียร์และจุดคำขวัญ  Football's Coming Home​  จากแฟนบอลอังกฤษ ที่พยายามเชียร์ให้อังกฤษได้แชมป์ ให้เปรียบเสมือน "ฟุตบอลได้กลับบ้าน" เพราะอังกฤษเป็นประเทศต้นกำเนิดของการเล่นฟุตบอล แต่เมื่อ อิตาลี เป็นแชมป์แบบนี้ ทำให้ คำขวัญ คำเชียร์นี้ ถูกแซว ถูกดัดแปลงเป็น Football is coming Rome!  หรือ ฟุตบอลกลับเมืองโรม (เมืองหลวงอิตาลี) ต่างหาก ...เรียกได้ว่า เป็นอารมณ์แสบๆของแฟนบอลฝ่ายตรงข้ามอังกฤษ ที่หยิบประโยคเชียร์นี้มาแซวกัน

2. สำหรับ เกมนี้ อังกฤษ เจ้าถิ่นได้ประตูขึ้นนำเร็วมาก และถือเป็นประตูที่ยิงเร็วที่สุดในรอบชิงฯยูโร จากผลงานของ ลุค ชอว์ ด้วยเวลาเพียง 1:57 นาที และนี่ถือเป็นประตูแรกในนามของแบ็กซ้ายทีมแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ในทีมชาติอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม อิตาลี บุกหนักในช่วงเวลาที่เหลือ และตั้งหลักได้ ก่อนที่สุดท้ายจะได้ประตูตีเสมอ จาก เลอันโดร โบนุชชี่  นาที 67  ซึ่งประตูของเลอันโดร โบนุชชี่กองหลังอิตาลีวัย 34 จากสโมสรยูเวนตุส ทำให้เขาเป็นนักเตะอายุมากที่สุด ในประวัติศาสตร์ ที่ยิงได้ในนัดชิงยูโรด้วย ด้วยวัย 34 ปี 71 วัน  ทำลายสถิติเดิมของ แบรนด์ โฮลเซนไบน์ นักเตะเยอรมัน ตะวันตก ที่ทำไว้ในยูโร 1976 ด้วยวัย 30 ปี 103 วัน ลงอย่างราบคาบ

3. ฮีโร่ของอิตาลี อีกหนึ่งคนที่น่าพูดถึง คือ จานลุยจิ ดอนนารุมมา ผู้รักษาประตูวัย 22 ปี ที่ "นิ่ง" เหลือเกิน ช่วยเซฟชีวิตอิตาลีไว้หลายครั้ง โดยเฉพาะการเซฟจุดโทษในช่วงดวลจุดโทษ ซึ่งเป็นโมเมนต์ที่ทำให้ อิตาลีคว้าแชมป์ เมื่อเขาเซฟลูกยิงจุดโทษของเจดอน ซานโช่ และ บูกาโย่ ซาก้า  , ขณะที่ มาร์คัส แรชฟอร์ด ยิงไม่ตรงกรอบไปเอง  ซึ่ง จิอันลุยจิ ดอนนารุมมา โชว์ฟอร์มเหนียวหนึบในการป้องกันประตู ตลอดทัวร์นาเมนต์ยูโร 2020 จนกระทั่งทำให้เขา เป็นนักเตะ ยอดเยี่ยมประจำทัวร์นาเมนต์นี้ ไปในท้ายที่สุด

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

• ยูโร2020 ไขความลับทำไมชุดอิตาลี ต้องเป็นสีน้ำเงินอมฟ้าและไม่ใช้สีธงชาติ

• เกาะกระแสยูโร 2020 : ไขข้อสงสัย ทำไมทีมชาติอิตาลีต้องร้องเพลงชาติสุดเสียง

• นอยเออร์ ใส่ปลอกแขนสีรุ้ง สนับสนุน LGBTQ ในยูโร 2020 ชูความเท่าเทียมทุกเพศ

4. นอกจากนี้  จานลุยจิ ดอนนารุมมา สร้างสถิติที่น่าเหลือเชื่อ โดยทั้ง 5 ครั้งที่ทีมของเขาดวลลูกที่จุดโทษโดยมีเขายืนเฝ้าเสา เขาสามารถพาทีม คว้าชัยได้ทั้งหมดทั้ง 3 ครั้งในนามสโมสร และ 2 ครั้งในนามทีมชาติอิตาลี แปลว่า เขาถูกโฉลกกับการดวลจุดโทษจริงๆ

ขุนพล อัซซูรี่ อิตาลี คว้าแชมป์ยูโร สมัยที่ 2 ได้สำเร็จ โดยทิ้งระยะห่างจากการคว้าแชมป์สมัยแรกถึง 53 ปี ซึ่งถือเป็นช่องว่างที่ยาวนานที่สุด โดยนี่ยังเป็นแชมป์เมเจอร์รายการแรกในรอบ 15 ปีของพวกเขา โดยครั้งสุดท้ายที่ได้สัมผัสแชมป์เมเจอร์ระดับชาติ คือในฟุตบอลโลก 2006

5. การเว้นระยะการรอแชมป์ยูโรยาวนาน 53 ปีของอิตาลี ถือว่า ทำลายสถิติการรอแชมป์ยูโรยาวนานของสเปนลงได้  โดยก่อนหน้านี้ สเปน เคยว่างเว้นแชมป์ยูโรห่างกัน 44 ปี กล่าวคือเคยได้แชมป์ ปี 1964 และมาได้อีกครั้งในปี 2008  

6. อิตาลี คว้าแชมป์รายการเมเจอร์ระดับชาติได้เป็นรายการที่ 6 จาก แชมป์ฟุตบอลโลก 4 ครั้ง และ แชมป์ยูโร อีก 2 ครั้ง  นั่นทำให้ ตอนนี้มี เพียง อินทรีเหล็ก เยอรมนี ที่คว้าแชมป์เมเจอร์ได้ 7 รายการเท่านั้น ที่มีจำนวนแชมป์มากกว่าพวกเขาในบรรดาชาติทั้งหมดจากภาคพื้นยุโรป

7. ผลการแข่งขันนัดนี้  ทำให้ทัพ อัซซูรี่ อิตาลี  ไร้พ่ายติดต่อกัน 34 นัดแล้ว โดยมีสถิติ ชนะ 27 เสมอ 7  และถือเป็นสถิติ "ไม่แพ้" ที่ยาวนานที่สุดที่อิตาลี ทำได้ และยังจะเพิ่มสถิตินี้ต่อไปเรื่อยๆ ในการแข่งขันนัดต่อๆไป

8. ภายใต้เกมรับของอังกฤษ ที่ปล่อยให้อิตาลีครองบอลบุกไม่หยุดหย่อน ได้สร้างสถิติน่าประหลาดใจอย่างการที่ แฮร์รี เคน ไม่มีโอกาสสับไกยิงเลยแม้แต่ครั้งเดียวให้กับอังกฤษเป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 61 เกมที่เขารับใช้ชาติ โดยอีกครั้งคือการลงมาเป็นตัวสำรองและได้เล่นไปแค่ 29 นาที ในเกมพบกับ สวิตเซอร์แลนด์ ในปี 2018

9. อังกฤษ เจ้าของฉายาสิงโตคำราม มีสถิติที่เลวร้ายในการดวลลูกที่จุดโทษอย่างมาก พวกเขาดวลลูกจุดโทษเอาชนะคู่แข่งได้เพียง 22% เท่านั้นในทัวร์นาเมนต์เมเจอร์ระดับชาติ จากการดวลจุดโทษ 9 ครั้ง ชนะแค่ 2 ครั้ง

10. ส่วน รางวัลดาวซัลโวยูโร 2020 หรือ รางวัลรองเท้าทองคำ ตกเป็นของคริสเตียโน่ โรนัลโด้ แนวรุกทีมชาติโปรตุเกส แม้จะยิงประตู 5 ลูกเท่ากับ แพทริก ชิค แต่เขาลงเล่นด้วยจำนวนเกมที่น้อยกว่า

ขอบคุณภาพจากขอบสนาม