ไทยแพ้ยูเออี และ 5 เหตุผลที่ช้างศึกกระเด็นตกรอบคัดเลือกคัดบอลโลก

    1.  ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ช่วงเวลาแห่งวิกฤตโควิด-19 ส่งผลต่อทีมชาติไทยไม่น้อย เพราะ เกมทีมชาติต้องเว้นไปนานถึง 1 ปีกับ 7 เดือน ซึ่งหากย้อนไปในเวลานั้น ทีมไทยกำลังตั้งทรงได้ ขณะที่ ยูเออี ณ เวลานั้นกำลัง ฟอร์มตกแบบน่าเกลียด หากมีการแข่งขันอย่างต่อเนื่องตามโปรแกรมเดิมที่วางไว้  ช้างศึกทีมชาติไทย อาจเสมอกับพวกเขานอกบ้าน และโอกาสที่พวกเขาจะตกรอบมีค่อนข้างสูง แต่เมื่อเวลาทิ้งห่างเนิ่นนานมา ทำให้ ยูเออี ตั้งหลักใหม่ได้ 
    ขณะที่ ผลงานไทยในการเจออินโดนีเซีย เมื่อคืนวันพฤหัสบดีที่ 3 มิถุนายน ซึ่งหากเล่นในบ้านของไทยจริงๆ อาจจะทำให้ลูกทีมของอากิระ นิชิโนะมีความได้เปรียบมากกว่านี้ ซึ่งแมตช์นั้น มีความจำเป็นต้อง "ชนะ" แต่สุดท้ายทำได้แค่ "เสมอ" นั่นจึงส่งผลสะท้อนมายังเกมกับยูเออี เมื่อคืนที่ผ่านมาซึ่งไทยไม่มีทางเลือกอื่นใดเลยนอกจากชนะสถานเดียวและสุดท้ายก็ทำไม่ได้

    2. ผลงานของ อากิระ นิชิโนะ ช่วงหลัง ดร็อปตกลงไปมาก  สวนทางกับการได้สัญญาใหม่ไป 

โดยใน 11 นัดล่าสุดที่ อากิระ นิชิโนะ กุนซือญี่ปุ่นทำไว้คือ ชนะแค่นัดเดียว นั่นคือ ชนะ ยูเออี 2-1 เมื่อวันที่  15 ต.ค. 2020 ที่สนามธรรมศาสตร์ รังสิต  ที่เหลืออีก 10 นัด แบ่งเป็น แพ้ 5 เสมอ 5  นั่นหมายความ นี่คือช่วงเวลาที่ เป็นกราฟผลงานขาลงของ อากิระ นิชิโนะ อย่างชัดเจน  โดยมีนัดสำคัญที่โดดเด่นที่สุด นั่นคือชนะยูเออี เมื่อ 15 ตุลาคม 2019 หลังจากนั้นทีมชาติไทยก็ไม่ชนะใครเลยในเกมอย่างเป็นทางการ 
    สรุป  11 นัดหลัง ผลงานของนิชิโนะคือ ชนะ 1 เสมอ 5 แพ้ 5 นัด ยิงได้  11 เสีย 18 ประตู 

3. การขาดหายไปของ 2 ตัวหลักที่เล่นในเจลีก ญี่ปุ่น อย่าง ชนาธิป สรงกระสินธ์ แนวรุกจาก คอนซาโดเล ซัปโปโร  และ ธีราทร บุญมาทัน แบ็กซ้ายจาก โยโกฮาม่า เอฟ มารินอส ก็ส่งผลต่อศักยภาพโดยรวมของทีม เพราะหากมี 2 ผู้เล่นคีย์แมนก็น่าจะทำให้ทีมชาติไทย ช้างศึกปึ้ก 100 มากขึ้น โดยทั้ง 2 คน ต้องถอนตัวจากทีมชาติ  เนื่องด้วยปัญหาวิกฤตโควิด-19 เพราะหากมาเล่นให้ทีมชาติไทย ที่ยูเออี การเดินทางกลับเข้าสู่ประเทศญี่ปุ่นอีกครั้งที่ต้องกักตัว 14 วันซึ่งส่งผลต่อการค้าแข้งในเจลีกกับต้นสังกัดของทั้ง 2 คน
    นอจกากนี้ ทีมชาติไทย ยังขาด ธีรศิลป์ แดงดา และ ธนบูรณ์ เกษารัตน์ ที่มีอาการบาดเจ็บ จนส่งผลให้เดินทางมาเล่นไม่ได้ด้วย 
    อีกทั้งการจัดตัวผู้เล่นของอากิระ นิชิโนะมีคำถามมากมาย อาทิ การเล่นของกองหลังประสานงานกันไม่ดี , ขณะที่ เจริญศักดิ์ วงษ์กรณ์ ที่เป็นจอมแอสซิสต์ในไทยลีกแต่กลับไม่มีโอกาสเลยในสองนัดที่เจอกับอินโดนีเซียกับยูเออี , ขณะที่ เอกนิษฐ์ ปัญญา ซึ่งทั้งฤดูกาลในไทยลีก ได้เล่นครบ 90 นาที แค่ 4 แมตช์ ออกสตาร์ตเป็นตัวจริงทันทีในเกมนี้ 

4. ในทางกลับกัน , เวียดนามซึ่งเป็นอีกหนึ่งคู่แข่งของไทยในสาย ทำผลงานได้ดี ภายใต้การคุมทีมของ ปาร์ค ฮังโซ เพราะไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม พวกเขากำลังจะเข้ารอบ 12 ทีมสุดท้ายโซนเอเชียเป็นครั้งแรก และ เวียดนาม คู่แข่งสำคัญในอาเซียน ก็แสดงให้เห็นถึงพัฒนาการที่ดีมาในหลายๆ ทัวร์นาเมนต์ช่วงหลัง อาทิ การเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายในศึกเอเชียน คัพ เมื่อปี 2019  ขณะที่ทัวร์นาเมนต์นี้ ไทย ตกรอบ 16 ทีมสุดท้าย นั่นก็สะท้อนเป็นสถิติชัดเจนว่า เวียดนาม เดินไปได้ไกลกว่าไทยแล้ว 

    5. ไม่ว่าจะสถานการณ์ของช้างศึก ทีมชาติไทย จะแย่ลงเพียงใด แต่ไทยต้องทำผลงาน ชนะ นัดสุดท้าย ซึ่งจะเจอกับมาเลเซีย วันที่ 15 มิถุนายนให้ได้ เพื่อรักษาอันดับ 3 ของกลุ่มไว้ เพื่อที่จะได้สิทธิ์เข้ารอบคัดเลือกรอบ 3 ของศึกฟุตบอลเอเชียน คัพ 2023 ดังคำกล่าวของลีซอ ธีรเทพ วิโนทัย อดีตกองหน้าทีมชาติไทย ที่ให้กำลังใจกับช้างศึก ซึ่งน่าจะเป็นคำที่เป็นตัวแทนของแฟนบอลช้างศึกได้เป็นอย่างดี นั่นคือ ล้มได้ก็ต้องลุกเป็น สู้ต่อไปไทยแลนด์ #แพ้ก็แพ้ด้วยกันชนะก็ชนะด้วยกัน
 

   ...ข้อตำหนิติติงในผลงานจากแฟนบอลที่มีต่อทัพช้างศึกนั้น ก็เป็นไปเพราะความหวังดี..อยากเห็นการพัฒนา และอยากเห็น ทัพช้างศึกสร้างรอยยิ้มให้แฟนบอลไทยอีกครั้ง...