เชื้อกลายพันธุ์ C.36.3 หรือที่ถูกเรียกว่า โควิดสายพันธุ์ไทย จากการเปิดเผยว่าอังกฤษ มีข้อมูลที่น่าสนใจมาก อาทิ เชื้อนี้ไม่เคยระบาดในไทยเลย เพียงแต่พบที่ไทยเป็นที่แรกเท่านั้น แต่การรับรู้ข้อมูลทุกด้านทุกมุม ก็น่าจะทำให้ ไทยมีการรับมือที่ดีขึ้น หากต้องเจอในประเทศ
• C.36.3 พบที่ไทย แต่ไม่ได้ระบาด
หลังจากที่สื่อไทยเผยข้อมูลว่า สำนักงานสาธารณสุขอังกฤษ (PHE) ได้มีการแถลงข่าวว่าได้ตรวจพบ ไวรัสโควิดกลายพันธุ์ ซึ่งหนึ่งในนั้น มี หลายสื่อในอังกฤษใช้ nickname หรือชื่อเรียกเล่นๆ ว่า "Thai variant" หรือ โควิดสายพันธุ์ไทย ด้วยเหตุผล คือสายพันธุ์นี้ถูกรายงานเป็นครั้งแรกจากเมืองไทยนั่นเอง แต่ความจริงแล้ว สายพันธุ์ C.36.3 ยังไม่เคยระบาดในไทยเลย เพียงแต่มีการพบเชื้อที่ไทยเป็นที่แรก ซึ่งมาจากชายอียิปต์ ที่เข้ามาอยู่ใน สถานกักกันตัวของรัฐ (SQ)
ดังนั้น เพื่อเป็นความที่เข้าใจตรงกัน คำว่า โควิดสายพันธุ์ไทย เป็นเพียงการเรียกเพื่อสะดวกในการสื่อสารของสื่ออังกฤษ ที่พบเชื้อตัวนี้ที่แรกในไทยเท่านั้น ไม่ได้มีการระบาดของเชื้อกลายพันธุ์ตัวนี้ในไทยเลย
ทั้งนี้ ศ.ดร.วสันต์ จันทราทิตย์ หัวหน้าศูนย์จีโนมทางการแพทย์ รพ.รามาธิบดี ม.มหิดล ให้ความเห็นว่า เป็นการเก็บตัวอย่างถอดรหัสสารพันธุกรรมเชื้อโควิด-19 ที่พบในไทยแล้วเก็บเข้าฐานข้อมูลของโลก ที่บันทึกไว้เป็นฐานข้อมูลกลางว่าเคยพบรหัสพันธุกรรมนี้ในไทย ซึ่งการเปิดเผยข้อมูลของสาธารณสุขอังกฤษไม่ผิด แต่ไม่ใช่สายพันธุ์ไทย เนื่องจากเราตรวจพบเชื้อดังกล่าวจากผู้ที่เดินทางมาจากประเทศอียิปต์ และเข้ากักตัวในสถานกักกันตัวของรัฐ (SQ) ตั้งแต่เดือน ม.ค.64 โดยผลการถอดรหัสพันธุกรรมพบเชื้อสายพันธุ์ C.36.3 ซึ่งไม่ใช่สายพันธุ์ท้องถิ่นที่ระบาดในไทย แต่พบใน SQ และได้รับการรักษาหาย ถือว่าเชื้อถูกทำลายไปใน SQ
• แค่เรียกตามสถานที่พบ
ทั้งนี้ นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ชี้แจงว่าสายพันธุ์ C.36.3 ที่ถูกเรียกว่า โควิดสายพันธุ์ไทย ที่ สำนักงานสาธารณสุขอังกฤษ รายงานในตารางว่า ‘Thailand ex Egypt’
โดยหลักการแล้ว คือ หากต้นตอมาจากอียิปต์ไม่ควรเรียกสายพันธุ์ไทย ก็เหมือนกับที่ประเทศญี่ปุ่นพบสายพันธุ์บราซิล (P.1) ซึ่งในตารางเขียนว่า Japan ex Brazil ก็เรียกว่าสายพันธุ์บราซิล เบื้องต้นควรจะเรียกว่า ‘สายพันธุ์อียิปต์’ แทน
เชื้อ C.36.3 กระจายแล้ว 34 ประเทศ
ตามรายงานของ สำนักงานสาธารณสุขอังกฤษ ระบุว่า พบผู้ติดเชื้อ C.36.3 ในประเทศไทยจำนวน 1 ตัวอย่าง แต่ในขณะที่ปัจจุบันมีรายงานการพบสายพันธุ์นี้ใน 34 ประเทศ เช่น เยอรมนี (148 ตัวอย่าง) สหรัฐฯ (144) อังกฤษ (109) สวิตเซอร์แลนด์ (62) อียิปต์ (33)
นอกจากนี้ สำนักงานสาธารณสุขอังกฤษ ระบุให้ โควิดสายพันธุ์ไทย เป็นสายพันธุ์ที่อยู่ในระหว่างสอบสวน (VUI คือ สายพันธุ์ที่อยู่ระหว่างการสอบสวน) ร่วมกับอีก 8 สายพันธุ์ ซึ่งหนึ่งในนั้น มีสายพันธุ์จากฟิลิปปินส์
โดยที่ อังกฤษ ประกาศให้มีการสอบสวน มีดังนี้ P.2 บราซิล ,A.23.1 with E484K อังกฤษ , B.1.525 อังกฤษ,B.1.1318 อังกฤษ, P.3 ฟิลิปปินส์, B.1.617.1 อินเดีย, B.1.617.3 อินเดีย, AV.1 อังกฤษ , C.36.3 ไทย (จากนักเดินทางอียิปต์)
ทั้งนี้ ในเบื้องต้น ยังไม่มีสิ่งบ่งชี้ว่าสายพันธุ์นี้ทำให้โรคอาการรุนแรงขึ้น หรือ ทำให้วัคซีนลดประสิทธิภาพลง และที่อังกฤษ ใช้วัคซีน วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า, วัคซีนไฟเซอร์ และวัคซีนโมเดอร์น่า ในการรับมือเชื้อสายพันธุ์ C.36.3
• น่าห่วงน้อยกว่าสายพันธุ์หลัก
โดย นายแพทย์ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา หัวหน้าศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ให้ข้อมูลเพิ่มเติม โควิดสายพันธุ์ไทย C.36.3 คือสายพันธุ์ C ซึ่งน่าห่วงน้อยกว่าสายพันธุ์ ซึ่งเป็นสายพันธุ์แม่ของ สายพันธุ์อังกฤษ สายพันธุ์แอฟริกาใต้ หรือสายพันธุ์บราซิล
• ความจริงคืออาวุธที่ทรงพลัง
สำหรับกระแสข่าวไวรัสโควิดกลายพันธุ์ที่ถูกเรียกเป็นชื่อเล่นว่า "สายพันธุ์ไทย" นี้อาจจะส่งผลร้ายและเป็นการผลเสียต่อประชาชนในประเทศนั้นๆ และสร้างความกังวลใจให้กับประชาชนในไทย ที่ถูกปั๊มตราว่า เป็นต้นตอ "โควิดสายพันธุ์ไทย" และสิ่งนี้อาจจะส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจ การท่องเที่ยว และเศรษฐกิจของไทย จากการถูกเรียกครั้งนี้
เหมือนกับที่ก่อนหน้านี้ เคยมีกรณีดราม่า ระหว่าง อินเดียกับสิงคโปร์ ซึ่ง ทางการสิงคโปร์เรียกทูตอินเดียเข้าพบเพื่อประท้วงข้อกล่าวหาที่ไร้มูลความจริงของ อาร์วินด์ เคจริวาล มุขมนตรีประจำกรุงนิวเดลีของอินเดียที่ระบุว่า เชื้อโคโรนาไวรัสกลายพันธุ์ของสิงคโปร์เป็นอันตรายต่อเด็กอินเดีย ทั้งยังเรียกร้องให้รัฐบาลอินเดียแบนเที่ยวบินจากสิงคโปร์ ทั้งที่ ทางการสิงคโปร์ยังยืนยันว่าไม่มีเชื้อกลายพันธุ์สายพันธุ์สิงคโปร์ตามที่มุขมนตรีกล่าวอ้างเลย
นับเป็นเรื่องราวที่อ่อนไหว ในสถานการณ์โควิดระบาดไปทั่วโลกแบบนี้
แต่อย่างน้อย จากประเด็นการพบการกลายพันธุ์ของเชื้อ C.36.3 ที่ถูกเรียกว่า โควิดสายพันธุ์ไทย อยู่ตอนนี้ ก็เป็นการสะท้อนว่า สำนักงานสาธารณสุขอังกฤษมีระบบเฝ้าระวังสายพันธุ์ใหม่และรายงานต่อสาธารณะเป็นประจำทุกสัปดาห์ รายงานความจริงให้ประชนชนได้รับรู้...เพราะการ รับรู้ข้อมูลที่แท้จริง มันคืออาวุธที่ทรงพลังที่สุด ในการรับมือวิกฤตโควิด19