ถอดรหัสที่มาชุดนางงามเมียนมาและป้ายข้อความสะท้อนรุนแรงคณะรัฐประหาร

• Pray for Myanmar เรียบง่ายแต่ทรงพลัง

กระแสนางงามมิสยูนิเวิร์สสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ถือว่าร้อนแรงมากและสิ่งที่ร้อนแรงและเป็นที่พูดถึงไม่แพ้เรื่องผลการประกวดนั่นก็คือเรื่องชุดประจำชาติยอดเยี่ยมซึ่งตกเป็นของเมียนมา
    โดยจะเรียกว่า ชุดนี้เป็นชุด "แก้ขัด" ก็ไม่ผิดจากความเป็นจริงเนื่องจากทีแรก "ธูซาร์ วินท์ ลวิน" นางงามเมียนมาไม่ได้เตรียมชุดนี้มาใส่ แต่เหตุสุดวิสัยที่ "ธูซาร์ วินท์ ลวิน" นางงามเมียนมาทำชุดที่เตรียมไว้ ซึ่งนั่นก็คือ ชุดที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก "ตุ๊กตาล้มลุก" หายไประหว่างการเดินทางจากเมียนมามาที่สหรัฐ ทำให้เธอต้องหาชุดใหม่ ซึ่งได้รับความช่วยเหลือจากชาวเมียนมาในสหรัฐ  จัดหาชุดใหม่ ซึ่งชุดที่ได้นั้น คือชุดที่ “อองซาน ซูจี” เคยสวมใส่ สร้างความประทับใจไปทั่วโลกมาแล้ว

    สำหรับชุดนี้เป็นชุดที่สะท้อน ความเป็นวัฒนธรรมของชนเผ่าชิน ซึ่งเป็นชนเผ่าพื้นเมือง มีเขตอยู่ทางตะวันตกของเมียนมา และมีเขตติดต่อทั้งบังคลาเทศและอินเดีย โดยรายละเอียดของชุดคือ มีสีแดงที่เป็นเอกลักษณ์  มีเครื่องประดับลูกปัดระโยงระยาง มีเครื่องหัวเป็นเครื่องประดับสวยงาม

    นอกจาก ความเป็นเอกลักษณ์ของชุดเผ่าชิน คงปฏิเสธความจริงไม่ได้ว่า "หมัดฮุก" เด็ดของ "ธูซาร์ วินท์ ลวิน" นางงามเมียนมา นั่นคือป้ายข้อความ "Pray for Myanmar" ให้โลกทั้งโลก และนานาชาติเห็นถึงปัญหาในบ้านเมืองของเธอ เพราะนี่คือสาส์นสำคัญ ที่โลกไม่ควรลืมความรุนแรงที่เกิดขึ้นจากการปฏิวัติรัฐประหารเมียนมา ภายใต้การนำของนายพลอาวุโสมิน อ่อง หล่าย นับตั้งแต่ต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และมีผู้เสียชีวิตเกือบ 800 คนไปแล้ว เลือดนองเต็มแผ่นดิน...
    "Pray for Myanmar"  คือข้อความที่เรียบง่ายและทรงพลัง...

• เสียงเรียกร้องที่แลกมาด้วยหมายจับ?

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ "ธูซาร์ วินท์ ลวิน" นางงามเมียนมา กู่ก้องร้องตะโกนออกมาจากถ้อยคำป้ายข้อความ  "Pray for Myanmar" นั้นได้ส่งผลร้ายต่อเธอ เพราะด้วยข้อความที่เธอกล่าวว่า  "คนของเมียนมา กำลังจะตายและถูกทหารยิงทุกวัน ฉันอยากจะเรียกร้องให้ทุกคนพูดถึงเรื่องราวเมียนมา ในฐานะมิสยูนิเวิร์สเมียนมานับตั้งแต่ที่มีการรัฐประหาร ฉันจะพูดออกมาให้ได้มากที่สุดเท่าที่ฉันจะทำได้" นั่นก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้เธอ กลายเป็นศัตรูกับคณะรัฐประหารเมียนมาทันที
    ปัจจุบัน มีกระแสข่าวลือว่าเธอโดนหมายจับจากคณะรัฐประหารเมียนมา แต่ยังไม่มีการยืนยันอย่างเป็นทางการจากฝั่งเมียนมา ในทันทีที่เธอได้รับรางวัล ชุดประจำชาติยอดเยี่ยม จากเวทีมิสยูนิเวิร์ส และเธอคงไม่ได้เหยียบบ้านเกิด ที่เมือง ฮ่าค่า ในรัฐชินไปอีกนาน
    ที่ผ่านมา  "ธูซาร์ วินท์ ลวิน"  ในบางครั้งเธอก็ออกมาเดินประท้วงด้วยเหมือนกัน ก่อนที่จะมาประกวดมิสยูนิเวิร์ส โดยเรียกร้องให้ปล่อยตัว อองซานซูจี ที่ถูกคุมตัวอยู่ในบ้านพัก รวมถึงการไม่เอารัฐบาลที่มาจากกองทัพ และเธอยังได้บริจาคเงินส่วนตัวให้กับหลายๆครอบครัวที่ต้องสูญเสียคนอันเป็นที่รักไปจากการถูกปราบปรามโดยกองทัพ
    เรื่องราวที่เกิดขึ้นกับ  “ธูซาร์ วินท์ ลวิน” นางงามเมียนมา จะคล้ายกับกรณีของ “ฮาน เลย์” มิสแกรนด์เมียนมา ที่เดินทางเข้ามายังประเทศไทย เพื่อเข้าร่วมการประกวดมิสแกรนด์อินเตอร์เนชั่นเนล ก่อนจะแสดงออก และพูดถึงสถานการณ์ในเมียนมา ทำให้เธอถูกออกหมายจับและไม่สามารถกลับไปยังประเทศบ้านเกิดได้
    ชะตากรรมของนางงามทั้ง 2 เวทีของเมียนมา ไม่แตกต่างกันเลย และตราบใดที่คณะรัฐประหารยังเป็นใหญ่ในแผ่นดิน ทั้ง 2 สาวงามคงไม่มีทางกลับไปที่เมียนมา

• บทบาทของคนดัง

นอกจากนี้ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว มีภาพ นางสาว ทาร์ เทดเทด (Htar Htet Htet ) มิสแกรนด์เมียนมาประจำปี 2013 ปรากฏว่าเธอมีบทบาทในการต่อสู้กับคณะรัฐประหารเมียนมาด้วย
    โดยเธอได้หลบหนีออกจาก ย่างกุ้งช่วงปลายเดือนเมษายน พร้อมกับเพื่อนกลุ่มหนึ่ง มายังพื้นที่ซึ่งอยู่ในการควบคุมของกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยง (KNU) เพื่อเข้าร่วมกับองค์กรป้องกันแห่งชาติกะเหรี่ยง (KNDO) ซึ่งทำหน้าที่ฝึกพลเรือนและนักศึกษากลุ่มหนึ่งที่เรียกตัวเองว่า United Defense Force (UDF) ซึ่งเข้ารับการฝึกอาวุธและยุทธวิธีการรบเพื่อต่อสู้กับกองทัพทหารเมียนมา

นี่เป็นเวลาเกือบ 4 เดือนเต็มแล้วที่ความรุนแรงและเลือดประชาชนได้หลั่งริน ทั่วพื้นดินเมียนมา แผ่นดินที่มีความหลากหลายทางชาติพันธุ์ถึง 135 ชาติพันธุ์ และชนเผ่าชิน (ชุดที่  "ธูซาร์ วินท์ ลวิน" นางงามเมียนมาใส่) ก็เป็นหนึ่งในผู้ที่เสียหายประสบเคราะห์กรรม  สิ่งที่พวกเธอ รวมถึง “ฮาน เลย์” หรือนายแบบดังอย่าง ไป่ ทาคน ออกมาเรียกร้องเพื่อประชาธิปไตยในประเทศต้องเจอกับฝันร้าย...

• คว่ำบาตรได้ผลหรือไม่ ?     

ส่วนท่าทีนานาชาติ , ทั้งสหรัฐอเมริกา อังกฤษ และแคนาดาได้ประกาศมาตรการคว่ำบาตรรอบใหม่ต่อเมียนมา โดยพุ่งเป้าไปที่ทหารเมียนมา เพื่อเพิ่มแรงกดดันต่อกองทัพเมียนมาต่อไป อย่างไรก็ตาม มีนักวิเคราะห์มองว่า การคว่ำบาตรไม่ได้สำคัญ หรือไม่ได้สร้างความเปลี่ยนแปลงเลย เพราะกองทัพไม่คิดจะเปลี่ยนใจต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่แล้ว

ขณะที่ นานาชาติก็พยายามส่งเสียงกดดันไปยังคณะรัฐประหารเมียนมา อาทิ สำนักงานข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติเรียกร้องให้นานาชาติเพิ่มแรงกดดันไปยังรัฐบาลทหารของเมียนมา โดยระบุว่า รัฐบาลทหารยังคงปราบปรามผู้เห็นต่างอย่างรุนแรง แม้จะมีข้อตกลงให้รัฐบาลทหารเมียนมาระงับการใช้ความรุนแรงและให้เริ่มการเจรจาก็ตาม

ส่วน สหภาพยุโรป หรืออียู ออกมาตรการคว่ำบาตรผู้บัญชาการทหารเมียนมา 10 นาย โดนอายัดทรัพย์สิน และระงับวีซ่า รวมถึงไม่อนุญาตให้นักลงทุนหรือธนาคารสามารถทำธุรกิจกับ 2 บริษัทยักษ์ใหญ่ของกองทัพได้ ตั้งแต่ปลายเดือนเมษายน
    
    สิ่งที่เกิดขึ้นมาทั้งหมด ในทุกด้านทุกมุม ทุกมิติ แม้จะเป็นเรื่องเสี่ยงชีวิตของคนที่ออกมาพูด แต่ทั้งหมดก็เพื่อให้ประชาคมโลก ได้เห็นว่า เมียนมา ต้องการประชาธิปไตยที่แท้จริง...