สมาพันธ์สภาวิชาชีพฯ 11 อาชีพ สรุปแนวทางการประกอบอาชีพ เตรียมปรับตัวรับ New Normal หลังจบวิกฤตโควิด 19 โดยเฉพาะอาชีพ แพทย์ ทนายความ สถาปนิก และวิศวกร
4 อาชีพ ที่ต้องเปลี่ยนแปลงแน่นอน สมาพันธ์สภาวิชาชีพแห่งประเทศไทย ได้ผนึก 11 อาชีพ ร่วมถกข้อสรุปแนวทางการประกอบอาชีพยุค New Normal หลังโควิด 19 จบ
สมาพันธ์สภาวิชาชีพแห่งประเทศไทย ซึ่งประกอบด้วย แพทยสภา สภาการพยาบาล สภาทนายความ สภาเภสัชกรรม ทันตแพทยสภา สภาวิศวกร สภาสถาปนิก สัตวแพทยสภา สภาเทคนิคการแพทย์ สภากายภาพบำบัด และสภาวิชาชีพบัญชีฯ ได้ร่วมกันจัดงานเสวนา ในหัวข้อ "การเตรียมตัวรับ New Normal หลังวิกฤตไวรัสโควิด 19" ผ่านระบบ Cisco Webex ขึ้น
ยุค New Normal เป็นปรับเปลี่ยนหลายอย่าง ทั้ง ทักษะและกระบวนการทำงาน ความต้องการจ้างงาน สวัสดิการฉุกเฉิน กฎระเบียบมาตรฐานอาชีพใหม่ การใช้เทคโนโลยีมาเป็นส่วนหนึ่งในการทำงาน ฯลฯ สิ่งเหล่านี้จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเรียนรู้เพื่อความอยู่รอด
4 อาชีพ ที่มีการเปลี่ยนแปลงแน่นอน
1. แพทย์ ยุคใหม่คนจะหันมาใช้ระบบสุขภาพออนไลน์ เพื่อผู้ป่วยดูแลสุขภาพตนเองจากที่บ้านอย่างมีประสิทธิภาพ และได้รับการรักษาที่ต่อเนื่อง
2. ทนายความ ต้องพร้อมรับ e-Filing อำนวยความสะดวกประชาชน ยื่นฟ้องร้อง สืบพยาน พิจารณาคดีความผ่านระบบ VDO Conference โดยไม่ต้องขึ้นศาล
3. สถาปนิก ต้องกำหนดมาตรฐานงานออกแบบใหม่ ป้องกันการแพร่กระจายเชื้อ และส่งเสริมการเข้าถึงบริการของผู้คน
4. วิศวกร ต้องปรับตัว ต่อยอดความรู้พัฒนาเทคโนโลยี ต่อยอดความรู้ผลิตนวัตกรรมสู้โควิด 19 และพร้อมรองรับโรคอุบัติใหม่ในอนาคต
ศาสตราจารย์ ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ประธานคณะกรรมการบริหารสมาพันธ์สภาวิชาชีพแห่งประเทศไทย และ อธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) ระบุว่า COVID-19 ถือเป็นโรคอุบัติใหม่ที่ได้สร้างความเปลี่ยนแปลงต่อทุกสรรพสิ่งทั่วโลก ทั้งกระบวนการทำงานของวิชาชีพต่างๆ และพฤติกรรมของผู้คนที่เปลี่ยนสู่สิ่งใหม่ (New Normal) ที่ให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพทวีคูณ อาทิ การเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดและฆ่าเชื้อ การเว้นระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) รวมถึงการทำกิจกรรมต่าง ๆ ผ่านระบบออนไลน์จากที่บ้าน ทั้งการสั่งอาหาร ชมภาพยนตร์แบบไลฟ์สตรีม เพื่อเป็นการป้องกันการแพร่ระบาดที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต
งานเสวนาดังกล่าว จัดขึ้นเพื่อหาข้อสรุปถึงแนวทางการปรับตัวประกอบอาชีพทั้ง 11 สาขาวิชาชีพควบคุม ในยุคที่พฤติกรรมผู้คนเปลี่ยน อาทิ ทักษะและกระบวนการทำงานที่ต้องปรับ เพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อไวรัสและโรคอุบัติใหม่ในอนาคต ความต้องการจ้างงานที่มีศักยภาพสูงและพร้อมปรับตัวรับสถานการณ์ สวัสดิการฉุกเฉินสำหรับบุคลากรทางการแพทย์กรณีได้รับผลกระทบจากโควิด 19 กฎระเบียบมาตรฐานอาชีพใหม่ที่ให้ความสำคัญกับสุขอนามัยประชาชนเป็นหลัก การใช้เทคโนโลยีมาเป็นส่วนหนึ่งในการทำงาน เพื่ออำนวยความสะดวกประชาชนในการเข้าถึงบริการและความรู้ ฯลฯ
ข้อสรุปจากงานเสวนา พบว่า มี 4 แนวทางในการปรับตัว สำหรับการประกอบวิชาชีพเพื่อรองรับ New Normal หลังโควิด 19 ที่น่าสนใจ ดังนี้
แพทย์ยุคใหม่ใส่ใจ Health Tech
ด้วยพฤติกรรม New Normal ของผู้คน ที่เลือกใช้ชีวิตประจำวันที่บ้านมากขึ้น แต่ยังให้ความสำคัญกับสุขภาพอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น บุคลากรทางการแพทย์ ทั้งแพทย์ พยาบาล และเภสัชกร จึงจำเป็นต้องเรียนรู้เทคโนโลยีด้านสุขภาพ หรือระบบสุขภาพออนไลน์ อาทิ Telenursing Telemedicine Telepharmacy เพื่อนำมาสนับสนุนการทำงาน และพร้อมเสิร์ฟความรู้สุขภาพถึงบ้านประชาชน ที่ครอบคลุมการให้คำปรึกษาด้านสุขภาพ การจัดส่งใบสั่งยา การนัดหมายและติดตามอาการผู้ป่วย เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถดูแลตัวเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ และได้รับการรักษาที่ต่อเนื่อง
ทนายความยุคใหม่ ต้องพร้อมรับ e-Filing
สภาทนายความ เป็นอีกหนึ่งหน่วยงานที่มีการปรับปรุงระบบการทำงานอย่างต่อเนื่อง โดยที่ผ่านมา ศาลยุติธรรม กระทรวงยุติธรรม ได้พัฒนาระบบ e-Filing System ระบบยื่นฟ้อง และส่งคำคู่ความ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชน ให้สามารถยื่นฟ้องร้อง ยื่นเอกสารสำคัญ สืบพยาน รวมถึงพิจารณาคดีความผ่านระบบ VDO Conference โดยไม่ต้องเดินทางไปขึ้นศาล นอกจากนี้ สภาทนายความ ยังมีสายด่วน 1167 พร้อมให้คำปรึกษาด้านกฎหมาย มาตรการ ข้อควรปฏิบัติ และสิทธิที่ประชาชน รวมถึงผู้ประกอบการพึงได้
สถาปนิกต้องกำหนดมาตรฐานงานออกแบบใหม่
สถาปนิกยุค New Normal จะต้องให้ความสำคัญกับเกณฑ์ออกแบบใหม่ใน 6 ด้านสำคัญ คือ ความหนาแน่น การเว้นระยะห่างทางสังคม การจัดโซนนิ่ง การสัญจร ระบบถ่ายเทอากาศ และการลดการสัมผัส โดยอิงข้อมูลจาก ศูนย์ออกแบบและพัฒนาเมือง (UddC-CEUS) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สู่การทำงานร่วมกับวิศวกรในการปรับปรุงโครงการงานออกแบบสถานที่ต่างๆ ในอนาคต เช่น ร้านค้าแผงลอย ตลาดอาหาร ศูนย์อาหาร ฯลฯ ที่ผู้คนสามารถเข้าใช้บริการได้อย่างสะดวกสบาย และไม่เสี่ยงต่อการติดเชื้อ
วิศวกรไทยต้องปรับตัวต่อยอดความรู้พัฒนาเทคโนโลยี
เทคโนโลยีด้านวิศวกรรม ถือเป็นกลไกหนึ่งในการร่วมแก้ไขปัญหาในหลากมิติ ดังนั้น วิศวกรยุคใหม่ ต้องพร้อมปรับตัว เรียนรู้ และบูรณาการความรู้สู่การประดิษฐ์นวัตกรรมสู้โควิด 19 ตลอดจนรองรับโรคอุบัติใหม่อื่นๆ ในอนาคต เช่น การพัฒนา Co-Bot หุ่นยนต์ทำงานร่วมกับทีมแพทย์ เทคโนโลยีไร้สัมผัส (Touchless Technology) โดรนเทคโนโลยี (Drone Technology) ในการจัดส่งเวชภัณฑ์และอาหาร หรือห้องตรวจเชื้อพิเศษ เพื่อลดเลี่ยงการสัมผัสกับผู้ป่วยโดยตรง รวมถึงการคิดค้นแนวทางการจัดการขยะติดเชื้อ ภายใต้กระบวนการวิศวกรรมสิ่งแวดล้อม ฯลฯ
ศาสตราจารย์ ดร.สุชัชวีร์ กล่าวทิ้งท้ายว่า สมาพันธ์สภาวิชาชีพแห่งประเทศไทย มุ่งยกระดับมาตรฐานสภาวิชาชีพในระดับสากล ผ่านขบวนการแห่งความร่วมมือ และความเข้มแข็งที่สภาวิชาชีพแต่ละแห่ง เสริมสร้างและสานสัมพันธ์อันยิ่งใหญ่ต่อกัน เพื่อ ประโยชน์สูงสุด ต่อการพัฒนาวิชาชีพและสังคมไทยในอนาคต
สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วน 1303 หรือ ติดตามความเคลื่อนไหวของสภาวิศวกรได้ทาง สภาวิศวกร - Council of Engineers Thailand หรือ เว็บไซต์ www.coe.or.th และไลน์ไอดี @coethai