ศาลเลื่อนอ่านอุทธรณ์ "หมอนิ่ม" จ้างวานฆ่า "เอ็กซ์ จักรกฤษณ์" เป็นครั้งที่ 2

พญ.นิธิวดี ภู่เจริญยศ หรือหมอนิ่ม อายุ 41 ปี อดีตภรรยาของเอ็กซ์ จักรกฤษณ์ พณิชย์ผาติกรรม อดีตนักกีฬายิงปืนทีมชาติไทย พร้อมด้วย น.ส.สุรางค์ ดวงจินดา อายุ 75 ปี มารดาของ พญ.นิธิวดี เดินทางมาศาล จังหวัดมีนบุรี ถ.สีหบุราณุกิจ เพื่อฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ในคดีที่ หมอนิ่ม จ้างวาน นายสันติ หรืออี๊ด ทองเสม ให้จัดหามือปืน คือ นายจิรศักดิ์ หรือจี กลิ่นคล้าย และนายธวัชชัย หรืออ้น เพชรโชติ มือปืนมาลอยยิง เอ็กซ์ จักรกฤษณ์ จนเสียชีวิต

โดยก่อนหน้านี้ ศาลเคยนัดอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ครั้งแรก เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม61 ที่ผ่านมา แต่เนื่องจากครั้งนั้นได้รับแจ้งจากศาลอุทธรณ์ว่ายังทำคำพิพากษาไม่เสร็จสิ้น ประกอบกับ "นายสันติ ทองเสม" หรือทนายอี๊ด อาชีพทนายความ จำเลยที่ 4 ส่งทนายความแถลงต่อศาล แจ้งว่ารถเสียอยู่ที่จังหวัดภาคใต้ระหว่างเดินทางไปทำภารกิจ จึงเดินทางมาศาลไม่ทันตามเวลานัดครั้งแรก ศาลจังหวัดมีนบุรี จึงเลื่อนนัดการอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ออกไป 1 เดือนเศษ โดยนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์รอบที่ 2 ในวันนี้ ขณะที่ศาลได้กำชับทนายความจำเลยด้วยว่า ให้จำเลยมาศาลตามนัดพร้อมฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ด้วย

ซึ่งในวันนี้ศาลได้เบิกตัว “นายจิรศักดิ์ หรือจี” จำเลยที่ 1 ซึ่งถูกกล่าวหาเป็นมือปืน และ “นายธวัชชัย หรืออ้น” จำเลยที่ 5 ผู้ขี่รถจักรยานยนต์ พามือปืนก่อเหตุ ซึ่งศาลชั้นต้นจำคุกตลอดชีวิตที่ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำบางขวางมาเพื่อฟังคำพิพากษา

แต่ปรากฏว่า "นายสันติ หรือ ทนายอี๊ด" จำเลยที่ 4 ศาลชั้นต้นให้ประกันชีวิตสถานเดียวซึ่งได้ประกันตัวชั้นอุทธรณ์ 1 ล้านบาท ไม่ได้เดินทางมาศาลในวันนี้ โดยไม่มีแจ้งเหตุขัดข้อง

กระทั่งเวลา 10.50 น. ศาลจังหวัดมีนบุรี พิจารณาแล้วเห็นว่า "นายสันติหรือทนายอี๊ด" จำเลยที่ 4 ไม่มาศาลโดยไม่แจ้งเหตุ พฤติการณ์เชื่อว่าน่าจะหลบหนี จึงมีคำสั่งให้ออกหมายจับเพื่อติดตามตัวมาฟังคำพิพากษาภายใน 1 เดือน พร้อมนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์อีกครั้ง (ครั้งที่ 3) ในวันที่ 7 สิงหาคม นี้ เวลา 09.00 น.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คดีนี้อัยการยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 31 มี.ค.57 บรรยายพฤติการณ์สรุปว่า ระหว่างเดือน สิงหาคม - วันที่ 19 ตุลาคม 56 จำเลยที่ 2 - 4 ได้ร่วมกันจ้างวานใช้ นายจิรศักดิ์ จำเลยที่ 1 กับพวกที่อยู่ระหว่างหลบหนี ให้ฆ่านายจักรกฤษณ์หรือเอ็กซ์ พณิชย์ผาติกรรม อดีตนักกีฬายิงปืนทีมชาติไทย ซึ่งต่อมาจำเลยที่ 1 กับพวกได้ใช้อาวุธปืนออโตเมติก ยี่ห้อลูเกอร์ รุ่นโตกาเรฟ ขนาด7.62 ม.ม. ยิงนายจักรกฤษณ์หลายนัด ถูกที่หน้าอก หัวใจ ปอด จนถึงแก่ความตายสมดังเจตนาของพวกจำเลย ก่อนหลบหนีไป ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนสอบสวนติดตามจับกุมจำเลยได้ ชั้นสอบสวนนายจิรศักดิ์ และน.ส.สุรางค์ จำเลยที่ 1-2 ให้การภาคเสธ ส่วน พญ.นิธิวดี อดีตภรรยานายจักรกฤษณ์ และนายสันติ ทนายความ จำเลยที่ 3 - 4 ให้การปฏิเสธ ต่อสู้คดี เหตุเกิดที่แขวง – เขตมีนบุรี กทม. และที่อื่นเกี่ยวพันกัน

ขณะที่คดีสืบพยานเสร็จสิ้น เมื่อเดือน กันยายน 59 ที่ผ่านมา ซึ่งตลอดเวลาการพิจารณาคดี “นายจิรศักดิ์ หรือจี” จำเลยที่ 1 ซึ่งถูกกล่าวหาเป็นมือปืน และ “นายธวัชชัย หรืออ้น” จำเลยที่ 5 ผู้ขี่รถจักรยานยนต์ พามือปืนก่อเหตุ ไม่ได้ประกันตัว

ส่วนนางสุรางค์ มารดาของหมอนิ่ม , พญ.นิธิวดีหรือหมอนิ่ม และนายสันติหรือทนายอี๊ด จำเลยที่ 2-4 ได้ประกันตัวไปคนละ 500,000 บาท

โดย "ศาลจังหวัดมีนบุรี" ซึ่งเป็นศาลชั้นต้น ได้มีคำพิพากษาคดีไปเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม59 โดยเห็นว่า พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบประกอบคำเบิกความของพยาน และภาพจากกล้องวงจรปิด กับข้อมูลการใช้โทรศัพท์ มีน้ำหนักมั่นคงฟังได้ว่า จำเลยที่ 1,3,4,5 ทำผิดตามฟ้อง

ให้ประหารชีวิต “นายจิรศักดิ์” มือปืน จำเลยที่ 1 และ “นายธวัชชัย”คนขี่ รถ จยย. จำเลยที่ 5 ฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน แต่สุดท้ายเหลือโทษจำคุกตลอดชีวิต เนื่องจากศาลเห็นว่าตามทางนำสืบและคำให้การของทั้งสองในชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาอยู่บ้าง

ขณะที่ส่วนของ “พญ.นิธิวดีหรือหมอนิ่ม” จำเลยที่ 3 และ “นายสันติหรือทนายอี๊ด” จำเลยที่ 4 นั้น ศาลชั้นต้นให้ประหารชีวิตสถานเดียว ฐานร่วมกันเป็นผู้ใช้ให้ฆ่าโดยไตร่ตรองฯ ส่วน นางสาวสุรางค์ มารดาหมอนิ่ม ศาลยกฟ้อง

ซึ่งการตัดสินในชั้นต้น ศาลยังสั่งให้จำเลยที่ 1,3,4,5 ร่วมกันชดใช้เงิน 2.5 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีนับตั้งแต่วันยื่นคำร้องเมื่อเดือน กันยายน57 ให้กับ "นายมานพ" โจทก์ร่วม และ "นางสมคิด" ผู้ร้อง ซึ่งเป็นบิดา-มารดาของผู้ตายด้วย

ซึ่งต่อมามีการอุทธรณ์คดี โดยระหว่างการยื่นอุทธรณ์ “พญ.นิธิวดีหรือหมอนิ่ม” จำเลยที่ 3 และ “นายสันติหรือทนายอี๊ด” จำเลยที่ 4 ก็ได้ประกันตัวไป ซึ่งศาลตีราคาประกันคนละ 1 ล้านบาท พร้อมกำหนดเงื่อนไขห้ามเดินทางออกนอกประเทศเว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาล