มองอนาคตธุรกิจความเชื่อออนไลน์ ที่เขยิบเข้ามาใกล้ตัว คนยุคดิจิทัล สายมูที่ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่สำหรับคนไทย ที่พึ่งทางใจ ภาพสะท้อนเศรษฐกิจ การเมือง และรัฐสวัสดิการ ที่มีศักยภาพดึงดูดชาวต่างชาติส่งออกเป็น soft power ปรับตัวด้วยการใช้ศิลปะและออกการแบบตามยุคสมัย
ความเชื่อเป็นเรื่องส่วนบุคคลที่มีเส้นแบ่งบางๆ ระหว่างความเชื่อและความงมงาย ที่บางทีก็ทับซ้อนกันอยู่ ซึ่งถ้าเป็นความเชื่อที่ไม่ขัดกับแนวคิดของคนในท้องถิ่นนั้นจนยอมรับไม่ได้ หรือ เชื่อแล้วทำให้ชีวิตเจริญรุ่งเรือง ร่ำรวย ขึ้นโดยไม่สร้างความเดือดร้อนให้ตัวเองและคนอื่นก็ถือเป็นการตัดสินใจเฉพาะบุคคลที่ตัดสินแทนกันไม่ได้
ไม่ว่าจะยุคสมัยใด คนไทยต่างก็มีความเชื่อและรูปแบบในการแสดงออกที่ปรับเปลี่ยนกันไปตามพฤติกรรมและสภาพแวดล้อมของสังคมที่เร่งรีบ และผลกระทบจากโควิด-19 ทำให้การใช้ชีวิตปกติถูกยกไปอยู่ในออนไลน์ ในช่วงสองปีที่ผ่านกระแสสายมูเตลูก ดูจะเป็นเทรนด์ที่สร้างปรากฏการณ์กับคนรุ่นใหม่ที่เข้ามาอยู่ในชีวิตประจำวันของใครหลายคน ทั้ง ศาสตร์เรื่องตัวเลข เบอร์มงคล หินกำไลเสริมดวง หรือ ที่มาแรงก็ไม่พ้น วอลล์เปเปอร์มือถือเสริมดวง ที่เป็นภาพหน้าจอมือถือของคุณหรือเพื่อนใกล้ตัวที่ใช้งานอยู่
จากเสวนาออนไลน์ เมื่อวันที่ 14 สิงหาคมที่ผ่านมาที่จัดขึ้นโดย Thailand Creative & Design Center(TCDC) ในหัวข้อ ‘มู-Talk’ โมเดลธุรกิจความเชื่อออนไลน์ที่ขายได้จริง ได้มีข้อมูลที่น่าสนใจจากวิทยากร 3 คนที่เป็นผู้ก่อตั้ง เพจ มูเตเวิร์ล ผู้นำเทรนด์ วอลล์เปเปอร์มือถือเสริมดวง ขวัญใจสายมู ในช่วงปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน ได้แก่
ได้มาแบ่งปัน insight และแนวความคิดการทำการตลาด การออกแบบ รวมถึงโอกาสทางธุรกิจที่สามารถต่อยอดธุรกิจ จนทำให้ “วอลล์เปเปอร์มือถือเสริมดวง” กลายเป็นเทรนด์ที่เข้าถึงคนรุ่นใหม่และตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์จนทำให้ธุรกิจเติบโต ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
Merit Trip ไหว้พระเสริมบุญ กับ 5 วัดดังริมเจ้าพระยา เริ่ม 15 พ.ค.นี้
หลวงพี่อุเทน วัดท่าไม้ ประวัติ เจ้าวัดดังสายมู และสติ๊กเกอร์ติดรถยอดนิยม
ข้อมูลจากผลวิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล (CMMU) เปิดเผยว่า คนไทยมากถึง 52 ล้านคน หรือคิดเป็น 80% ของประชากรเชื่อเรื่องการมู ซึ่งจะเห็นได้ว่าเป็นตลาดที่ใหญ่และมูลค่าสูงมาก
คลิป สายมูต้องดู สัมภาษณ์อาจารย์หนูเรื่อง NFT ประจำสำนัก
สรุปแนวคิดที่สำคัญจากการเสวนา ‘มู-Talk’ แบ่งออกได้เป็นดังนี้
ทีมเบื้องหลังที่ส่งเสริมกันและกัน เพจมูเตเวิร์ล กำเนิดขึ้นจากสมาชิก 5 ที่ดูแลแต่ละส่วนที่สนับสนุนเติมเต็มธุรกิจให้แก่กัน
ซึ่งทั้งหมดเกี่ยวข้องและต่อยอดทำให้ธุรกิจเกิดขึ้นเดินไปได้อย่างรวดเร็ว จนสามารถขยายธุรกิจและจัดตั้งเป็นบริษัทในปัจจุบัน
การรับฟัง insight และ data ทำให้มองเห็นโอกาสและกลุ่มเป้าหมาย
การเก็บรวมรวมข้อมูลจากคอมเมนต์ที่ได้จากลูกค้า และรายละเอียดที่ให้ลูกค้ากรอก กลายเป็นไอเดียทำให้เกิดผลิตภัณฑ์คอลเลคชั่นใหม่ๆ ได้ตลอดเวลา ทำให้สามารถสื่อสารกับลูกค้าได้เฉพาะกลุ่ม ใช้คำศัพท์ที่รู้กันในวงการนั้นๆ ทำให้รู้สึกเหมือนเป็นพวกเดียวกัน เช่น ในวงการแพทย์อยากได้วอลเปเปอร์ที่เวรเยินน้อย (ออกเวรน้อยๆ) เป็นต้น
โดยเทรนด์การค้นหาในตอนนี้มุ่งไปทำคอนเทนต์ใน TikTok เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้ารุ่นใหม่ รูปแบบการทำการตลาดแบ่งเป็น 3 แบบ ได้แก่
ข้อจำกัดและข้อควรระวังของตลาดความเชื่อออนไลน์
การทำการตลาดออนไลน์กับสินค้าที่จับต้องไม่ได้มีรายละเอียดปลีกย่อยสำหรับในแต่ละแพลตฟอร์มที่ต้องระวัง การใช้คีย์เวิร์ดต้องห้าม หรือเงื่อนไขในการลงขายสินค้าจึงจำเป็นที่จะต้องมีเว็บไซต์ของตัวเองเป็นศูนย์กลางสำหรับการค้นหาข้อมูล เป็นแผนสำรองหากเกิดเหตุไม่คาดฝันเช่น โดนบล็อคแชท ปิดเพจ เป็นต้น
ด้วยความที่เป็นเรื่องความเชื่อส่วนบุคคล ถือเป็นเรื่องละเอียดอ่อนที่แต่ละพื้นที่ แต่ละประเทศจะมีกรอบความเชื่อที่ต้องระมัดระวังไม่ให้เกิดความเข้าใจผิดหรือกลายเป็นประเด็นดราม่าซึ่งจะทำให้เสียฐานลูกค้าและภาพลักษณ์ของแบรนด์ไปด้วย
การสื่อสารกับลูกค้าสำคัญโดยเพราะธุรกิจที่ใช้ความเชื่อมาเป็นตัวนำ การใช้คำพูดติดต่อหรือสานสัมพันธ์ให้ลูกค้าประจำและลูกค้าใหม่ที่สนใจ กลับมาใช้บริการต่อเนื่องจึงมีส่วนช่วยให้เกิดความแน่นแฟ้น
ทิศทางอนาคตธุรกิจความเชื่อออนไลน์และการผลักดันให้เป็น Soft Power
ก่อนหน้านี้จากข้อมูลพบว่ามีชาวจีนเข้ามาขอพรกับพระพรหมให้มีลูก จนเกิดเป็นธุรกิจทัวร์ขอลูกก่อนที่จะเกิดโควิด-19 ซึ่งก็เป็นแหล่งสร้างรายได้เข้าประเทศ โดยพบว่าตัวเลขหมุนเวียนของธุรกิจการดูดวงเฉพาะภายในกรงเทพฯ สองปีที่แล้วมีวงเงินสูงถึงหลักหลายพันล้านบาท รวมถึงการที่โรงพยาบาลในไทยสามารถให้ผู้ปกครองเลือกวัน เวลา ผ่าคลอดมงคลได้ ก็เป็นจุดดึงดูดให้คุณแม่ที่เชื่อในเรื่องนี้เข้ามาคลอดในประเทศไทยเช่นกัน
ทั้งนี้ธุรกิจความเชื่อออนไลน์หรือการมูได้แตกยอดต่อไปเป็นบริการและสินค้าที่เข้าถึงคนได้หลากหลาย ซึ่งปรับเปลี่ยนไปตามพฤติกรรมของคนและสภาพแวดล้อมในปัจจุบัน เช่น การรับฝากไหว้เทพต่างๆ หรือ แอปจับคู่ตามดวงซึ่งตอบโจทย์คนในเรื่องความรัก
โดยคาดการณ์ว่าธุรกิจที่จับต้องไม่ได้ซึ่งผูกโยงกับความเชื่อจะยังมีอนาคตต่อ โดยเป็นการปรับเปลี่ยนจากรูปแบบเดิมในอดีต นำมาดีไซน์ให้เข้ากับคนยุคปัจจุบัน เช่นเดียวกับ วอลเปเปอร์มือถือเสริมดวง ก็ไม่ใช่เรื่องใหม่แต่เป็นการนำความเชื่อที่มีอยู่แล้วมาใส่ตัวคนผ่านอุปกรณ์ที่ทุกคนใช้ติดตัว
ปัจจัยที่สำคัญที่ทำให้ความเชื่อออนไลน์ขยายตัวเติบโต นอกจากวิถีชีวิตที่ผูกพันกับคนไทยด้วยแล้ว ยังเป็นผลสืบเนื่องมาจากสวัสดิการที่ทำให้คนเข้าถึงการรักษาจิตแพทย์ หรือนักจิตบำบัด เพื่อปรึกษาปัญหาสุขภาวะทางจิตใจได้ยากและมีค่าใช้จ่ายสูง ยิ่งในช่วงเศรษฐกิจย่ำแย่ รายได้หด คนมีปัญหาชีวิตยิ่งทำให้การดูดวงหรือ “วอลล์เปเปอร์มือถือเสริมดวง” ยิ่งขายดีและฮิตขึ้นเท่าทวีคูณ ภาพสะท้อนการเติบโตนี้ในด้านนึงก็ดูน่าเป็นห่วงที่กลายเป็นว่าช่องว่างทางเศรษฐกิจนี้เกิดจากน้ำมือรัฐที่ยังไม่สามารถเติมเต็มรองรับการผลิตจิตแพทย์ให้เพียงพอ การรักษาที่เข้าถึงคนได้ง่าย และการบริหารที่มีคนมากมายต้องหาที่พึ่งทางใจ เพราะฝากความหวังไว้กับผู้นำไม่ได้แล้วก็เป็นได้