กระทรวงพลังงาน ร่วมกับ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน), ปตท. สผ. และ บริษัท ดีเอ็มจี อีเวนท์ จำกัด จัดงานประชุมระดับอาเซียน Future Energy Asia และ Future Mobility Asia ประจำปี 2565 ระหว่างวันที่ 20-22 กรกฎาคม 2565 ที่ไบเทค บางนา ในงานมีจะการจัดแสดงนวัตกรรมพลังงานสะอาดชั้นนำของโลก
ประเทศไทยกำลังเดินหน้ากำหนด 'แผนพลังงานแห่งชาติ 2565’ เพื่อมุ่งสู่อนาคตแห่งพลังงานสะอาดที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ภายใต้แนวคิดรักษ์โลก พร้อมกับความมั่นคงและการแข่งขันด้านพลังงานเพื่ออนาคตที่ยั่งยืน โดยดำเนินงานตามนโยบาย 4D ซึ่งประกอบด้วย การลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ (Decarbonization) การผลิตไฟฟ้าแบบกระจายตัว และความยืดหยุ่นของระบบไฟฟ้า (Decentralization) การเปิดเสรีภาพพลังงานเพื่อกระตุ้นให้เกิดนวัตกรรม และการแข่งขันอย่างเป็นธรรม (Deregulation) และ Digitalization การนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ร่วมกับเทคโนโลยีด้านพลังงาน (Deregulation)
ปัจจุบันประเทศไทยกำลังก้าวสู่การเป็นฐานการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าและชิ้นส่วนยานยนต์ที่สำคัญระดับโลก โดยคณะกรรมการนโยบายรถยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ ได้อนุมัติเป้าหมายในการส่งเสริมยานยนต์ไร้มลพิษ (Zero Emission Vehicle หรือ ZEV) ซึ่งเรียกว่านโยบาย 30@30 เพื่อส่งเสริมการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศให้ได้ถึงร้อยละ 30 ของการผลิตทั้งหมดภายในปี พ.ศ. 2573
ซึ่งภายใต้นโยบายดังกล่าว มีมาตรการสนับสนุนและข้อเสนอจูงใจหลายประการในการกระตุ้นตลาดยานยนต์ไฟฟ้า อย่าง การสนับสนุนการลงทุนสร้างเครือข่ายสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า การกำหนดมาตรฐานและข้อบังคับสำหรับการขอใบอนุญาต และการพัฒนาแพลตฟอร์มข้อมูลยานยนต์ไฟฟ้า ในขณะที่อุตสาหกรรมแบตเตอรี่ ตั้งเป้าหมายที่จะพัฒนาโรงงานให้มีขนาดกำลังการผลิตอยู่ที่ 40 กิกะวัตต์ชั่วโมง (GWh) ต่อปี ภายในปี พ.ศ. 2573 รวมถึงวางแผนติดตั้งสถานี Fast Charging ให้ได้ 12,000 ยูนิตทั่วประเทศ
เนื้อหาที่น่าสนใจ :
จุดมุ่งหมายในการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานและยานยนต์พลังงานสะอาดนั้นเชื่อมโยงกันอย่างแยกไม่ออก ซึ่งนอกจากประเทศไทยแล้ว ประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ต่างกำลังผลักดันให้เกิดแนวปฏิบัติด้านพลังงานในทิศทางเดียวกัน โดยประเทศในภูมิภาคอาเซียนเตรียมมุ่งสู่การบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ในระหว่างปี พ.ศ. 2593 – 2613
การรวมตัวสุดยอดด้านอุตสาหกรรมพลังงานผู้นำระดับโลก
ภายในงานนิทรรศการและการประชุมสุดยอดในงาน Future Energy Asia เป็นงานที่รวมผู้นำด้านอุตสาหกรรมพลังงานระดับโลกกว่า 130 ท่าน ที่จะมาร่วมเป็นวิทยากรในการแลกเปลี่ยนความรู้ พร้อมผนึกกำลังเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงด้านพลังงานระดับนโยบาย
โดยเป็นการรวมตัวของกลุ่มผู้นำและผู้มีส่วนร่วมในการตัดสินใจในอุตสาหกรรมที่ทรงอิทธิพลที่สุดนับตั้งแต่เริ่มก่อตั้งในปี 2561 เช่น
- คุณอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)
- นายมนตรี ลาวัลย์ชัยกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน)
- มร. เติงกู มูฮัมหมัด เทาฟิค ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท ปิโตรนาส
- มร. อนาโตลเฟย์กิน รองประธานบริหารและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการพาณิชย์ เชเนียร์ เอนเนอร์ยี
- มร. ฟรานเซสโก ลา คาเมรา อธิบดีสำนักงานพลังงานทดแทนระหว่างประเทศ
ในส่วนของงาน Future Mobility Asia เป็นงานนิทรรศการและสุดยอดการประชุมที่ทำให้เอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นศูนย์กลางของการเจรจาและเป็นเวทีผู้นำทางความคิดด้านยานยนต์พลังงานสะอาดระดับโลกเพื่อสนับสนุนภารกิจในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยานยนต์ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ไปสู่อนาคตยานยนต์พลังงานสะอาดที่เป็นอิสระและมีความเชื่อมโยงกันผ่านการเสวนาโดยวิทยากรจากองค์กรชั้นนำระดับโลกกว่า 80 ท่าน เช่น
- มร. อาริฟิน ทาสริฟ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานและทรัพยากรแร่แห่งสาธารณรัฐอินโดนีเซีย
- มร. ทวารัฐ สูตะบุตร หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงพลังงาน
- มร. อิซาโอะ เซกิกุจิ รองประธานฝ่ายการตลาดและการขาย นิสสัน อาเซียน
- มร. ริค สเตอร์เจียน ผู้อำนวยการอาวุโส ด้านการขนส่งและเคลื่อนย้าย แดสสอล์ท ซิสเต็มส์
- มร. มรุกางค์ อินัมดาร กรรมการผู้จัดการ ตะวันออกกลางและเอเชีย ไฮซัน มอเตอร์ส
- คุณชนินทร์ ขาวจันทร์ รองเลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) และอีกมากมาย
นิทรรศการการจัดแสดงผลิตภัณฑ์ นวัตกรรม และเทคโนโลยีสุดล้ำสมัย
นิทรรศการภายในงาน Future Energy Asia และ Future Mobility Asia จัดขึ้นบนพื้นที่กว่า 14,000 ตารางเมตร พร้อมองค์กรผู้ร่วมจัดแสดงสินค้าและนวัตกรรมกว่า 150 ราย ครอบคลุมทั่วทั้งห่วงโซ่คุณค่าด้านพลังงานและยานยนต์พลังงานสะอาด โดย ฟิวเจอร์ เอนเนอร์ยี เอเชีย มีหัวใจสำคัญคือการผลักดันการเปลี่ยนแปลงด้านพลังงานของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยแบ่งโซนการจัดแสดงออกเป็น 4 โซนหลัก ได้แก่ ไฮโดรเจน, ก๊าซและ LNG, เทคโนโลยีการดักจับคาร์บอน และพลังงานหมุนเวียน โดยมีไฮไลท์สำคัญ อาทิ กลุ่มความร่วมมือทางด้านเทคโนโลยีการดักจับ การใช้ประโยชน์ และการกักเก็บคาร์บอนไดออกไซด์แห่งประเทศไทย (Thailand CCUS Technology Development Consortium) รวมถึงการจัดแสดงเทคโนโลยีคาร์บอนต่ำ, เทคโนโลยี AI และนวัตกรรมยานยนต์แห่งอนาคต โดยปตท. และ ปตท.สผ.
งาน Future Mobility Asia ได้รับการสนับสนุนจากผู้แสดงสินค้าจากองค์กรที่มีส่วนเกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมกว่า 87 ราย จากกว่า 18 ประเทศ โดยภายในงานมีกิจกรรมสร้างความเชื่อมโยงระหว่างผู้เข้าร่วมงานและอุตสาหกรรมยานยนต์พลังงานสะอาด อาทิ การจัดแสดงด้านยานยนต์พลังงานสะอาดของประเทศไทย นำโดยกระทรวงพลังงานและสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน
โซนจัดแสดงนวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้าสุดล้ำสมัย พร้อมการสาธิตและทดลองขับยานยนต์ไฟฟ้า โดยผู้เข้าร่วมจะสามารถเข้าถึงระบบนิเวศของอุตสาหกรรมยานยนต์พลังงานสะอาดได้อย่างครบวงจร ซึ่งประกอบด้วยผู้ผลิตอุปกรณ์ดั้งเดิม (OEM) สำหรับรถยนต์โดยสาร รถยนต์เพื่อการพาณิชย์, ซัพพลายเออร์หลังการขาย (Aftermarket supplies), ผู้ให้บริการแบตเตอรี่ ระบบจัดเก็บพลังงาน, โครงสร้างพื้นฐานสำหรับระบบชาร์จ และเทคโนโลยีเพื่อการอำนวยความสะดวกหลายรูปแบบ โดยมีองค์กรชั้นนำที่มาร่วมสนับสนุนและจัดแสดงนิทรรศการ อาทิ แดสสอล์ท ซิสเต็มส์, อีวีโลโม, เฮกซากอน, ไซส์, อะเมซอน เว็บ เซอร์วิสเซส, จีโอแท็บ, แม็กซิออน วีลส์, ทีอี คอนเน็คทิวิตี้, เอบีม คอนซัลติ้ง, เอฟโอเอ็มเอ็ม, เกรท วอลล์ มอเตอร์, ศูนย์วิจัยยานยนต์และระบบขนส่งอัจฉริยะ, ออนไอออน โมบิลิตี้ และอื่น ๆ อีกมากมาย
ผนึกกำลังพันธมิตรสู่ศูนย์กลางความร่วมมือด้านพลังงานและยานยนต์พลังงานสะอาดแห่งอาเซียน
ตลอด 3 วัน ของการจัดงานจะเป็นการเชื่อมโยงผู้เชี่ยวชาญด้านการค้าในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้ากว่า 10,000 ราย ผ่านสุดยอดการประชุม การสร้างเครือข่าย และการทำข้อตกลงร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจ
โดยภายในงานFuture Energy Asia ได้มีการประกาศความร่วมมือระหว่างกลุ่มความร่วมมือทางด้านเทคโนโลยีการดักจับ การใช้ประโยชน์ และการกักเก็บคาร์บอนไดออกไซด์ (CCUS) แห่งประเทศไทย ซึ่งก่อตั้งโดยหน่วยงานภาครัฐ และสถาบันการศึกษาชั้นนำระดับประเทศ เป้าหมายหลักของความร่วมมือในครั้งนี้ คือการร่วมสนับสนุนความก้าวหน้าของเทคโนโลยีดังกล่าว ตั้งแต่ขั้นตอนการวิจัยไปจนถึงการใช้งานจริงในภาคอุตสาหกรรม
สำหรับงาน Future Mobility Asia จะมีส่วนสำคัญในการร่วมเป็นสักขีพยานของพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) สองฉบับระหว่างหน่วยงานจากสิงคโปร์และไทย ได้แก่ SWAT Mobility ร่วมกับ ไปรษณีย์ไทย ดิสทริบิวชั่น เพื่อกำหนดข้อตกลงร่วมกันในการดำเนินการศึกษาการใช้ปัญญาประดิษฐ์และแมชชีนเลิร์นนิ่งในการวางแผนเส้นทาง และเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งรถไปรษณีย์ เพื่อเพิ่มผลผลิตและลดต้นทุนในการขับขี่ รวมถึงพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ ระหว่าง บ้านปูเน็กซ์ เชิดชัย และ ดูราพาวเวอร์ ในการร่วมมือกันจัดตั้งบริษัทร่วมทุนผลิตระบบแบตเตอรี่ในประเทศไทยเพื่อรองรับการเติบโตของสมาร์ท โมบิลิตี้
งานนี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 20-22 กรกฎาคมนี้ ที่ศูนย์นิทรรศการและการประชุม ไบเทค บางนา กรุงเทพฯ ฮอลล์ 98 - 99 ตัวแทนและผู้เข้าร่วมประชุมสามารถลงทะเบียนและเข้าร่วมงานได้ภายในงานหรือผ่านทาง www.futureenergyasia.com และ www.future-mobility.asia