Oho! แอปพลิเคชั่นไอเดียคนไทย ที่ได้เห็นปัญหาขยะอาหารเหลือทิ้งและต้องการแก้ไขด้วยการสร้างแอปพลิเคชั่นที่ให้ทุกคนสามารถร่วมกันแก้ไขปัญหาได้พร้อมกันแบบง่ายๆในราคาประหยัด ที่ได้ประโยชน์ทั้งผู้ค้าและลูกค้ารวมถึงช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมอีกด้วย
ปัญหา Food Surplus หรืออาหารส่วนเกินเหลือทิ้ง ซึ่งสถิติระบุว่า 1 ใน 3 ของอาหารที่เรากินอยู่ทุกวัน ถูกทิ้งทั้งที่ยังกินได้ และในขณะที่เราทิ้งอาหารที่ยังกินได้ มีประชากรทั่วโลกกว่า 87,000,000 คน ต้องเผชิญกับความหิวโหย ข้อมูลจาก “Food Wastage Footprint : Impacts on Natural Resources” โดยองค์กรอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ
ในประเทศไทยมักมีค่านิยม ซื้อของกินให้เหลือ ดีกว่าขาด ทำให้อาหารถูกทิ้งเป็นจำนวนมากและกลายเป็นขยะอาหารในที่สุด และส่วนใหญ่การจัดการขยะไม่ดีพอทำให้เกิดปัญหาสิ่งแวดล้อม ข้อมูลจากกรมควบคุมมลพิษ ระบุว่าในปี 2560 มีขยะอาหารคิดเป็นร้อยละ 64 ของปริมาณทั้งหมด หรือ 254 กิโลกรัมต่อคนต่อปี แต่ไทยมีการนำขยะอาหารไปใช้ประโยชน์น้อยมาก เนื่องจากเทศบาลส่วนมากไม่มีการแยกขยะและในส่วนของกทม. สามารถรีไซเคิลขยะอาหารได้เพียง 2% เท่านั้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
ทาง SpringNews ได้มีโอกาสสัมภาษณ์ทีมสตาร์ทอัพของแอปพลิเคชั่น Oho! โดยได้รับฟังแนวคิดจาก Co-Founder คุณวริทธิ์ธร มังกรทองสกุล (รุจ) และคุณสมิทธ์ ชัยชาญชีพ (เซฟ) รวมถึงฝ่ายมาร์เก็ตติ้ง เมธพร ทุกูลพาณิชย์ (กรีน) ศุภณัฐ ไทยยานันท์ (เอก) และได้สรุปความน่าสนใจของแอปพลิเคชั่นมาดังนี้
ภายใต้แนวคิด "Create lasting solutions to food waste"
ปัจจุบันธุรกิจร้านค้าไม่ว่าจะเป็น ซุปเปอร์มาร์เก็ต,ร้านอาหาร,ธุรกิจโรงแรม ไม่ว่าจะมียอดขายสูงแค่ไหน ก็มักจะมีปัญหา Food waste หรือขยะอาหารเหลือทิ้งและสินค้าหมดอายุ ซึ่งทุกร้านแม้จะทำการติดป้ายเหลืองหรือลดราคาแล้ว ก็พบเจอทั้งปัญหาจำหน่ายสินค้าไม่หมด หรือแม้จะลดราคาในช่องทางออนไลน์ก็ไม่ตอบโจทย์มากพอ
ในฝั่งลูกค้าที่ต้องการซื้อสินค้าราคาถูก ก็มักจะเจอปัญหาทั้งค่าเดินทาง บางครั้งเดินทางไปก็ไม่ทัน ทำให้เสียทั้งเวลาทั้งค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ซึ่งแอปพลิเคชั่น Oho! จะมาช่วยตอบโจทย์ทั้งสองฝ่ายได้แบบง่ายๆ ทำให้ทั้งผู้ค้าและลูกค้าสามารถช่วยกันลด Food Waste ไปได้พร้อมๆกับประหยัดเงินในกระเป๋าอีกด้วย
ภายใต้คอนเซปต์ที่น่าสนใจ คือ ลูกค้า ได้อาหารดี ราคาประหยัด = ผู้ค้า ไม่มีสินค้าเหลือทิ้ง ลดต้นทุน และทั้งคู่ยังได้ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมโลกไปพร้อมๆกัน
คุณสมิทธิ์ ได้ยกตัวอย่างโมเดลธุรกิจของ Oho! Application ไว้ว่า อย่างเช่นร้านโดนัท สิ่งที่ร้านโดนัทต้องการคือรักษาความสดใหม่ คุณภาพดี แต่เมื่อสินค้าจำหน่ายไม่หมด จึงต้องนำไปทิ้ง แต่แทนที่จะทิ้งหากนำมาจำหน่ายในแอปพลิเคชั่น Oho! ที่จะลดราคาตั้งแต่ 25%-70% ในแอปพลิเคชั่น จะช่วยให้ไม่ต้องเสียสินค้าที่คุณภาพดีไปโดยใช่เหตุ
Oho! แอปพลิเคชั่นสัญชาติไทยที่มีแนวคิดต้องการที่จะเป็น Tech Solution ในการแก้ปัญหาขยะอาหาร หรือ Food Surplus อย่างยั่งยืนและต้องการพัฒนาแพลตฟอร์มที่จะช่วยส่งเสริมสินค้าและอาหารที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยเริ่มจากการสร้างแพลตฟอร์ม Sustainable Food Outlet เพื่อเชื่อมต่อร้านอาหารเข้ากับผู้ใช้ให้มีประสิทธิภาพ เพื่อเพิ่มรายได้และลดต้นทุนให้แก่ร้านค้า พร้อมกับเปิดโอกาสให้ผู้บริโภคได้เข้าถึง โปรโมชั่นต่างๆได้ง่ายและมีส่วนร่วมในการลดโลกร้อนและขับเคลื่อนโลกที่สะอาดขึ้น ผ่านการทานอาหารทุกจานกับ Oho!
ทุกออเดอร์ของ Oho! จะช่วยลด Co2 หรือคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึงออเดอร์ละประมาณ 1.25 กิโลกรัม
ในอนาคต Oho! วางแผนที่จะพัฒนาระบบการแก้ปัญหาอาหารเหลืออย่างครบวงจร แบ่งเป็นออกเป็น 2 ส่วนคือปัญหาต้นน้ำ และปลายน้ำ
Oho! application เป็นทางออกปลายน้ำโดยจะเป็นแพลตฟอร์มที่จะช่วยให้ร้านอาหารได้ทำ โปรโมชั่น, Trial Menu เพื่อเพิ่มยอดขายและยังสามารถลดต้นทุนจากการลดปริมาณวัตถุดิบที่มีมากเกินความจำเป็นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ในขณะที่ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงข้อมูลโปรโมชั่น ได้ง่ายและซื้อเมนูได้ทันทีผ่านแพลตฟอร์ม Oho! และเรายังมีโครงการ Partner ที่จะรวบรวมวัตถุดิบที่มีปริมาณมากเกิน จากโรงงานและฟาร์มมาปรุงอาหารที่ Cloud Kitchen เพื่อแจกจ่ายและจำหน่ายให้กับชุมชน เพื่อที่จะแก้ปัญหา Food Surplus และลดภาระค่าใช้จ่ายให้กับสังคมโดยรวมอีกด้วย
ปัจจุบัน Oho! ได้เปิดให้ใช้แล้ว จะมีร้านค้าต่างๆเข้ามาเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง โดยมีร้านอาหารและเครือโรงแรมเจ้าใหญ่มาร่วมโครงการกับ Oho! ไม่น้อยกว่า 600 สาขา และ 300 บริษัท เช่น Flash Coffee, บุญตงกี่, ฮั่วเซ่งฮง ติ่มซำ รวมถึงห้างสรรพสินค้าชั้นนำอย่าง Gourmet Market ร้านเบเกอรี่ยอดนิยมอย่าง Tiengna Viennoiserie, Yellow Spoon และร้านอาหารจากโรงแรมในเครือ Centara และ Marriott