มีการใช้เทคโนโลยี AI Voice เนรมิตรให้ "เสียง" ของนักแสดงยอดฝีมืออย่างวัล คิลเมอร์ (Val Kilmer) ที่ป่วยหนัก และไม่สามารถพูดได้ดีในชีวิตจริงอีกแล้ว (พูดได้เล็กน้อย แต่ทรมานมาก) ให้กลับมาพูดได้อีกครั้ง ในภาพยนตร์ ท็อปกันมาเวอริค Top Gun Maverick
ภาพยนตร์ Top Gun Maverick นับเป็นปรากฏการณ์ที่สร้างกระแสให้กับทั่วโลกจากการกวาดรายได้มหาศาลอยู่ในตอนนี้ และสิ่งที่น่าสนใจอีกหนึ่งประเด็นที่น่าสนใจก็คือ มีการใช้เทคโนโลยี AI Voice เนรมิตรให้ "เสียง" ของนักแสดงยอดฝีมืออย่างวัล คิลเมอร์ (Val Kilmer) ที่ป่วยหนัก และไม่สามารถพูดได้ดีในชีวิตจริงอีกแล้ว (พูดได้เล็กน้อย แต่ทรมานมาก) ให้กลับมาพูดได้อีกครั้ง ในภาพยนตร์ท็อปกันมาเวอริค
เท้าความไปในปี 1986 ในปีที่หนัง Top Gun ภาคแรกออกฉาย วัล คิลเมอร์ รับบทนักบินเจ้าของฉายา Iceman และถือเป็นหนึ่งในนักบินระดับแนวหน้า เช่นเดียวกับ ทอม ครูซ ในบท พีท "มาเวอริก มิตเชลล์ Pete "Maverick" Mitchell , ซึ่งในการกลับมาทำ หนังท็อปกันภาค 2 มีเงื่อนไขอีกเงื่อนไขหนึ่งที่สำคัญ นั่นคือ ทอม ครูซ ซึ่งเป็นโปรดิวเซอร์ภาพยนตร์เรื่องนี้ รวมถึง โจเซป โคซินสกี้ (Joseph Kosinski) ผู้กำกับ ต้องการให้ วัล คิลเมอร์ กลับมาแสดงในบทบาทของ นายพล Iceman อีกครั้ง อย่างไรก็ตาม กาลเวลาและความเปลี่ยนแปลงได้ "ทำงาน" ของมันอย่างซื่อสัตย์ และความเจ็บป่วยก็มาเยือน ชีวิตการแสดงของวัล คิลเมอร์
วัล คิลเมอร์ สูญเสียการพูดไปในชีวิตประจำตั้งแต่ปี 2014 จากการที่เขาเข้ารับการรักษามะเร็งกล่องเสียง วัล คิลเมอร์ ต้องรักษาด้วยการเจาะคอ (tracheotomy) ผลที่ตามมาก็คือ ทำให้เขาสูญเสียเสียงพูดไปเลย การที่ต้องกล่าวบทพูดในหนัง “Top Gun: Maverick” จึงต้องมีตัวช่วย นั่นก็คือการใช้นวัตกรรม สมองกลอัจฉริยะ หรือ ใช้เทคโนโลยี AI Voice เข้ามาช่วย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
สรุปให้...Top Gun : Maverick หนังยุค 80's ที่ทำให้แว่น Ray Ban ดังถึงปัจจุบัน
หนัง Gangubai Kathiawadi : ย้อนดูชีวิต คังคุไบ ผู้เรียกร้องสิทธิให้Sex Worker
โดยปี 2020 วัล คิลเมอร์ได้ร่วมงานกับทาง โซแนนติก (Sonantic) บริษัทซอฟต์แวร์ในอังกฤษเพื่อพัฒนาการใช้เอไอ (A.I.) ซึ่งเรียนรู้เรื่องเสียงจากข้อมูลที่มีอยู่ทั้งคลิปข่าว ภาพยนตร์ที่วัล คิลเมอร์เคยนำแสดงเพื่อลอกเลียนเสียงและทำให้วัล คิลเมอร์สามารถสื่อสารผ่าน กล่องเสียง ที่ถูกพัฒนาขึ้นใหม่นี้ได้อย่างมั่นใจมากขึ้น
เสียงของวัล คิลเมอร์ที่พวกเขาสร้างขึ้นมาเป็นเสียงสังเคราะห์ทั้งหมด และลอกเลียนแบบจากเสียงบันทึกเก่าของเขา แต่โดยทั่วไปแล้ว ผลลัพธ์ที่ได้ออกมามักคล้ายกับเสียงของนักแสดงอ่านบท ทางโซแนนติก (Sonantic) เห็นว่าในกรณีของคิลเมอร์จำเป็น มีความเป็นงานทำมือ มากขึ้น
เสียงของวัล คิลเมอร์ที่พวกเขาสร้างขึ้นมาเป็นเสียงสังเคราะห์ทั้งหมด และลอกเลียนแบบจากเสียงบันทึกเก่าของเขา แต่โดยทั่วไปแล้ว ผลลัพธ์ที่ได้ออกมามักคล้ายกับเสียงของนักแสดงอ่านบท ทางโซแนนติก (Sonantic) เห็นว่าในกรณีของคิลเมอร์จำเป็น มีความเป็นงานทำมือ มากขึ้น
บริษัทจึงได้ใช้ "voice engine" หรือ “เครื่องสร้างเสียง” สอนโมเดลเสียงให้พูดเหมือนที่วัล คิลเมอร์ พูด แต่เครื่องสร้างเสียงมีข้อมูลเสียงไม่พอ จึงได้คิดค้น อัลกอริธึ่มใหม่เพื่อสร้างโมเดลเสียงคุณภาพสูงจากข้อมูลเท่าที่มี เมื่อสร้างโมเดลเสียงได้แล้ว ทีมสร้างสรรค์จึงสามารถกรอกข้อความและเสียงพูดที่มีการปรับจูนได้มีคุณภาพออกมาได้
แต่ที่น่าตลก ก็คือ "เสียงของวัล คิลเมอร์" ที่ถูกสร้างด้วยเทคโนโลยี AI Voice นั้น ออกมาคมชัด และกลายเป็นเสียงพูดปกติของวัล คิลเมอร์แล้ว แต่ทว่า ทางทีมงานดีไซน์และตัวผู้กำกับ Top Gun Maverick โจเซป โคซินสกี้ (Joseph Kosinski) ต้องมาดัดให้เป็น เสียงของ วัล คิลเมอร์ ในบทบาท นายพลไอซ์แมน Iceman ที่ป่วยมะเร็ง อีกครั้ง...
Credit Youtube Sonantic
• วัล คิลเมอร์ ประวัติการแสดง ก่อนจะมาใช้ เทคโนโลยี A.I Voice ใน Top Gun Maverick
สำหรับ วัล คิลเมอร์ Val Kilmer เป็นนักแสดงวัย 62 ปี เป็นนักแสดงมากฝีมือและเคยอยู่ระดับ A-List ยุค 1990s เขาเคยก้าวขึ้นมารับบทแบทแมน ในภาพยนตร์ Batman Forever ในปี 1995 จากฝีมือการกำกับของ โจเอล ชูมัคเกอร์ (Joel Schumacher) ซึ่งเขามาเสียบแทน ไมเคิล คีตัน ที่เล่นแบทแมนเอาไว้ในปี 1989 และ แบทแมน รีเทิร์น Batman Returns ในปี 1992 แต่เป็นที่น่าเสียดายหนังแบทแมนเวอร์ชั่นนี้ได้ไม่ได้รับการตอบรับที่ดี
อย่างไรก็ตาม หากจะพูดถึงผลงานในภาพยนตร์สุดยอดของวัล คิลเมอร์ ที่เคยฝากไว้ และควรดู นั่นคือภาพยนตร์ Heat ฮีท คนระห่ำคน ภาพยนตร์ในปี 1995 จากฝีมือการกำกับของ ไมเคิล มานน์ Michael Mann , ซึ่งในภาพยนตร์เรื่องนี้ เขาได้อยู่ท่ามกลางแสดงชั้นนำของโลก อย่าง อัล ปาชิโน่ และ โรเบิร์ต เดล นีโร
นอกจากนี้ วัล คิลเมอร์ ยังมีผลงานโดดเด่น เป็นร็อกสตาร์ผู้ล่วงลับใน ภาพยนตร์ The Doors ในปี 1991 ก่อนที่เส้นทางอาชีพจะริบหรี่จากหนัง ‘The Saint’ 1997 และ ‘The Island of Dr.Moreau’ ในปี 1996 ที่ทำเงินไม่เข้าเป้าก่อนจะได้กลับมาผงาดชิงรางวัลแซตเทิร์นกับการปรากฎตัวในหนังรีเมกสุดเจ๋งในหนัง Kiss Kiss Bang Bang ในปี 2005