ล้ำไปอีก โครงการอวกาศใหม่ของจีนกำลังผุดขึ้น มีเป้าหมายมองหาดาวฤกษ์ที่มีลักษณะคล้ายโลกและโคจรรอบดวงอาทิตย์ เพื่อขยายพื้นที่อยู่อาศัยให้กับมนุษย์
ในขณะที่สถานการณ์โลกเกิดความโกลาหลมากมายทั้งในเรื่องของสงครามรัสเซียยูเครน โควิด-19ที่ยังไม่จางใหม่ และโรคระบาดใหม่อย่างฝีดาษลิง หรือจะวิกฤตขาดแคลนอาหารที่กำลังย่างกรายเข้ามาและการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศที่รวน โลกเกิดเหตุการณ์ที่ทำให้หลายคนกังวลว่าโลกใบนี้จะยังไหวอยู่ไหม จะสมบูรณ์ได้อีกนานเท่าไหร่ ในขณะที่ประชากรมนุษย์ก็เพิ่มจำนวนมากขึ้น การขยายตัวของเมืองก็สูงลิบลิ่วในหลายประเทศ ยังไหวไม่นะ
ถ้าเราไม่มีกฎหมายหรือการควบคุมพฤติกรรมเหล่านี้ โลกใบนี้อาจจะมีประชากรล้นโลก หรือเมืองกว้างใหญ่ที่ไร้พื้นที่สีเขียวก็เป็นได้ ปัญหามลพิษต่างๆยังคงอยู่และก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จะเป็นไปได้ไหมที่เราจะหาโลกใหม่และย้ายไปอยู่ที่นั่นแทน นี่คือสิ่งที่จีนคิด และกำลังเดินหน้าวิจัยโครงการมองหาโลกใหม่ให้มนุษย์แล้ว
เมื่อไม่นานมานี้ สำนักข่าวของรัฐบาลจีนอย่าง CGNT เผยว่า จีนได้ประกาศแผนแรกในการค้นหาดาวฤกษ์ ดาวเคราะห์ดวงใหม่ที่ใกล้เคียงกับโลก เพื่อขยายพื้นที่อยู่อาศัยของมนุษยชาติ จีนได้ริเริ่มโครงการที่เรียกว่า Closeby Habitable Explanet Survey (CHES) เจ้าหน้าที่จีนได้เปิดกล้องโทรทรรศน์อวกาศขนาด 1.2 เมตร มีรูรับแสงกว้างประมาณ 1.5 ล้านกิโลเมตร เพื่อมุ่งไปยัง จุดลากรางจ์ (Lagrangian Point) (บ้านของยานอวกาศ) ที่มีแรงโน้มถ่วงควที่ระหว่างโลกกับดวงอาทิตย์ จุดลากรองจ์จะโคจรรอบดวงอาทิตย์ในอัตราเดียวกับโลก หมายความว่ายานที่จุดใดจุดหนึ่งจะยังคงอยู่ห่างจากโลกของเราอย่างไม่มีกำหนด หากอยากเรียนรู้เพิ่มเติมว่า จุดกรางจ์ คืออะไร สามารถศึกษาต่อได้ที่ >>> spaceth.co
ครั้งหนึ่งจุดลากรองจ์ L2 (เป็นที่ตั้งของ Jame Webb Space Telescope หรือ JWST กล้องโทรทรรศน์อวกาศของนาซา) เป้าหมายของกล้องโทรทรรศน์ CHES จะใช้เวลา 5 ปี ในการค้นหาโลกที่จะสามารถอาศัยอยู่ได้จากดวงดาวที่หมุนรอบดวงอาทิตย์ราวๆ 100 ดวง ภายใน 33 ปีแสงของโลก จากข้อมูลนี้ นักดาราศาสตร์หวังว่าจะมองเห็นดาวเคราะห์ นอกระบบขนาดเท่าโลกที่โคจรใกล้ๆกับเรา ซึ่ง “Earth 2.0” อาจมีศักยภาพที่ว่านั้น ที่อาจมีน้ำและอาจมีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่บ้างแล้ว
Ji Jianghui นักดาราศาสตร์จาก Chinese Academy of Sciences ซึ่งเป็นผู้วิจัยหลักขงภารกิจ CHES กล่าวกับ CGNT ว่า
“การค้นพบโลกที่น่าอยู่ใกล้เคียงกับโลกของเรานั้นจะกลายเป็นความก้าวหน้าครั้งยิ่งใหญ่สำหรับมนุษยชาติ และยังช่วยให้มนุษย์ได้เยี่ยมชมโลกฝาแฝดเหล่านั้น รวมไปถึงการขยายพื้นที่อยู่อาศัยของมนุษย์ในอนาคตด้วย”
ตามรายการดาวเคราะห์นอกระบบของ NASA พบว่า 3,854 จาก 5,030 ดาวเคราะห์นอกระบบที่เป็นที่รู้จักแล้วถูกค้นพบโดยเทคนิคที่เรียกว่า วิธีการส่งผ่านข้อมูล ซึ่งใช้ครั้งแรกในปี 1999 เพื่อค้นพบดาวเคราะห์ HD 209458b วิธีการส่งผ่านข้อมูลทำงานโดยการฝึกการมองเห็นของกล้องโทรทรรศน์ไปยังศูนย์กลางกาแลคซีและเฝ้าดูการกระพริบของแสงดาว ดวงที่เมื่อเคลื่อนผ่านหน้าดาวฤกษ์ตัวแม่ของพวกมันและจะกระพริบ จนถึงตอนนี้ มีการใช้กล้องโทรทรรศน์อวกาศเคปเลอร์ของนาซา Transiting Exoplanet Survey Satellite (TESS) และ European Space Agency's (ESA) Characterizing Exoplanet Satellite (Cheops) เพื่อตรวจจับและศึกษาดาวเคราะห์นอกระบบ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ดาวเคราะห์น้อยขนาด 4 เท่าของตึกเอ็มไพร์สเตท กำลังพุ่งเข้าหาโลกวันนี้
องค์การนาซา ปล่อยคลิปเสียง "หลุมดำ" ที่ไม่เคยมีใครได้ยินมากว่า 19 ปี
แต่วิธีการส่งผ่านอาจช้า โดยต้องผ่านดาวเคราะห์ที่โคจรอยูข้างหน้าดาวฤกษ์หลายครั้งก่อนที่นักวิทยาศาสตร์จะยืนยันการตรวจจับได้ นอกจากนี้ วิธีการนี้สามารภตรวจจับได้เฉพาะรัศมีของดาวเคราะห์นอกระบบ (ไม่ใช่มวลหรือรูปร่างของวงโคจร) และต้องอาศัยความช่วยเหลือจากกล้องโทรทรรศน์ภาคพื้นดินเพื่อยืนยันว่าสัญญาณการหรี่แสงไม่ได้เกิดจากกิจกรรมของดาวฤกษ์อื่น
กล้องโทรทรรศน์ CHES ตัวใหม่นี้ สามารถมองเห็นดาวเคราะห์นอกระบบได้เร็วและละเอียดยิ่งขึ้นโดยใช้วิธีการอื่นที่เรียกว่าการวัดทางดาราศาสตร์ ด้วยวิธีนี้ นักวิทยาศาสตร์จะมองหาความวอกแวกของดาวฤกษ์ที่เกิดจากการดึงแรงโน้มถ่วงจากดาวเคราะห์ที่โคจรอยู่ หากดาวดวงหนึ่งสั่นคลอนมากเมื่อเทียบกับดาวอ้างอิงหกถึงแปดดวงที่อยู่เบื้องหลังมัน กล้องโทรทรรศน์ CHES จะตั้งค่าสถานะไว้เพื่อทำการตรวจสอบต่อไป จากนั้นด้วยการศึกษาลักษณะเฉพาะที่ดาวโคจรไปรอบ ๆ นักวิจัยกล่าวว่าพวกเขาจะสามารถระบุมวลของดาวเคราะห์นอกระบบที่โคจรรอบดาวฤกษ์และทำแผนที่เส้นทางสามมิติรอบ ๆ ตัวมันได้
อย่างไรก็ตาม การวัดทางดาราศาสตร์เป็นสาเหตุของการโต้เถียงกันหลายครั้งในหมู่นักล่าดาวเคราะห์นอกระบบ การระบุดาวเคราะห์จากการโคจรของดาวฤกษ์ในนาทีที่ต้องใช้การวัดที่แม่นยำอย่างยิ่ง และจนถึงขณะนี้มีดาวเคราะห์นอกระบบเพียงดวงเดียวที่ได้รับการยืนยันซึ่งอาศัยเทคนิคดังกล่าว
ตามรายงานของ Planetary Society ผลบวกเท็จที่มีชื่อเสียงที่สุดวิธีหนึ่งที่เกิดจากวิธีนี้คือการอ้างสิทธิ์ในปี 1963 โดยนักดาราศาสตร์ Peter van de Kamp จากวิทยาลัย Swarthmore ผู้ประกาศการค้นพบดาวเคราะห์ดวงหนึ่งที่โคจรรอบดาวของ Barnard แต่จากการตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่าการวัดของเขามาจากการอ่านเท็จที่เกิดจากการปรับกระจกหลักของกล้องโทรทรรศน์ ไม่ได้เกิดจากการดึงดาวเคราะห์ ดาวเคราะห์นอกระบบของ Van de Kamp นั้นจึงไม่มีอยู่จริงนั่นเอง
กลับมาที่ตัวโครงการของจีน โครงการนี้ยังคงอยู่ในขั้นตอนของการตรวจสอบเบื้องต้นของความเป็นไปได้ของโครงการและข้อเสนอที่ดำเนินการโดยทีมจากสถาบันวิจัยของจีนหลายแห่ง ดังนั้นโครงการนี้จึงยังไม่แน่นอนที่จะดำเนินต่อไป แต่เราอาจไม่ต้องรอนานเกินไปสำหรับการทดสอบความสามารถของโหราศาสตร์ในการมองเห็นโลกที่ห่างไกล
ยานอวกาศ GAIA ของ ESA ซึ่งจนถึงปัจจุบันมีการระบุตำแหน่งของดาวอย่างแม่นยำ คาดว่าจะใช้การวัดทางดาราศาสตร์เพื่อค้นหาดาวเคราะห์นอกระบบที่อยู่ห่างไกลออกไป การอ่านทางโหราศาสตร์เหล่านี้บางส่วนอาจอยู่ในการเปิดเผยข้อมูลที่กำลังจะเกิดขึ้นของ ESA ซึ่งส่งกลับจากยานอวกาศ GAIA ซึ่งคาดว่าจะมาถึงในปลายปีนี้
การตัดสินใจเกี่ยวกับการระดมทุนของภารกิจ CHES นั้นคาดว่าจะเกิดขึ้นในเดือนมิถุนายน และหากได้รับเลือก ทีมงานจะพยายามสร้างกล้องโทรทรรศน์ใหม่สำหรับการเปิดตัวในปี 2026 ข้อเสนอนี้ขัดแย้งกับโครงการดาวเคราะห์นอกระบบอื่นที่เรียกว่า Earth 2.0 ซึ่งจะมีการปล่อยดาวเทียมวิธีการขนส่งจำนวนเจ็ดดวงไปยังจุด L2 Lagrange
วิทยาศาสตร์อวกาศของจีนเริ่มมีอิสระมากขึ้นแล้ว และเป็นหนึ่งในตัวเต็งของอวกาศนานาชาติที่กำลังแข่งขันกันในด้านของความก้าวหน้าทางอวกาศ การเรียนรู้ศึกษาวิจัยที่ไม่ได้จำกัดแค่บนโลกของเรา ถือว่าเป็นการมองไปยังข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง เพราะเวลาก็ก้าวเดินไปข้างหน้าเรื่อยๆอย่างไม่รอช้าเช่นกัน
ประเทศจีนได้ลงจอดโรเวอร์บนดวงจันทร์และดาวอังคาร และยังมีแผนที่จะสร้างสถานีอวกาศแห่งแรกให้แล้วเสร็จภายในสิ้นปีนี้และมีฐานดวงจันทร์ทำงานภายในปี 2029 หน่วยงานอวกาศของประเทศได้เปิดตัวยานสำรวจสสารมืด X- กล้องโทรทรรศน์รังสีเพื่อศึกษาดาวนิวตรอนและหลุมดำและดาวเทียมสื่อสารควอนตัม นอกจากนี้ จีนยังเตรียมทำลายสถิติโลกของตนเองสำหรับการเปิดตัวยานอวกาศในปีนี้ ด้วยกำหนดการเปิดตัว 60 ครั้งในปี 2565 ซึ่งมากกว่าที่เสร็จสมบูรณ์ในปี 2564 ถึง 5 ครั้ง รายงานก่อนหน้านี้ของ Live Science
สำหรับประเทศกำลังพัฒนาแบบเราๆก็คงต้องตอดูการเปลี่ยนแปลงของนานาชาติต่อไปและหวังว่าศักยภาพของคนไทยเราจะสามารถไปถึงจุดนั้นได้สักวันหนึ่ง
ที่มาข้อมูล
https://www.livescience.com/china-is-looking-for-other-earths-to-colonize