ปัจจุบันนี้มิจฉาชีพมีด้วยกันหลายรูปแบบ หลายช่องทาง ทั้งแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หรือมิจฉาชีพที่หลอกลวงประชาชนผ่านช่องทางออนไลน์ เพื่อล้วงเอาข้อมูลส่วนตัวไปทำธุรกรรมและหลอกขโมยจากธนาคาร เราจะมีเทคนิคเอาตัวรอดอย่างไร ไม่ให้ตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพออนไลน์ มาดูเคล็ดลับกัน
ตั้งสติและสังเกต
ควรตั้งสติและสังเกตเมื่อได้รับข้อความแปลกๆ อย่าให้ข้อมูลใครง่ายๆ ไม่ว่าจะมาจากช่องทางใดๆ และไม่ว่าข้อความนั้นจะส่งมาจากใคร เพราะเดี๋ยวนี้มิจฉาชีพมาแบบแนบเนียนมากสามารถส่ง SMS มาในชื่อของแบงก์ หรือองค์กรที่น่าเชื่อถือ หรือเบอร์โทรที่เราคุ้นเคยได้ ดังนั้นอย่ารีบร้อน และไม่ทำธุรกรรมทางการเงินพร้อมๆ กับทำกิจกรรมอื่นๆ เพราะอาจเผลอและขาดความระมัดระวังได้
ไม่ควรกรอกข้อมูลส่วนตัวทันที
โดยปกติแล้วธนาคารมักจะไม่ส่งข้อความขอข้อมูลส่วนตัว เช่น เลขบัตรประชาชน เลขบัญชีธนาคาร เลขที่บัตรเครดิต/เดบิต วันเดือนปีเกิด Login Name รหัสผ่านต่างๆ หรือ OTP ใดๆ ผ่านช่องทางออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็น อีเมล, SMS, LINE, Facebook Messenger เป็นต้น หากไม่แน่ใจควรโทรเช็กกับ Call Center
เนื้อหาที่น่าสนใจ :
จรจัดสรร ที่พักพิงและสวัสดิภาพความเป็นอยู่ที่ดี เพื่อหมาจรในชุมชน
วันหยุดสงกรานต์นี้ จัดห้องรกให้เป็นระเบียบ ด้วยวิธีง่ายๆด้วยตัวคุณเอง
สังเกตลิ้งค์ที่แนบมากับข้อความ
ควรสังเกตลิงก์ที่แนบมาว่าเป็นเว็บไซต์ของธนาคารจริงหรือไม่ โดยเว็บไซต์ของธนาคารจะขึ้นต้นด้วย https:// เท่านั้น และมีสัญลักษณ์รูปกุญแจอยู่ด้านหน้าชื่อ รวมทั้งต้องตรวจสอบชื่อ URL ว่าถูกต้องหรือไม่ เช่น URL Official Website
ไม่ใช้ Wi-Fi สาธารณะ เมื่อต้องทำธุรกรรมออนไลน์
ไม่ควรใช้ Wi-Fi ในการทำธุรกรรมการเงินทางออนไลน์ เพราะมีช่องโหว่ให้มิจฉาชีพเจาะเอาข้อมูลสำคัญ เช่น Username, Password ในการเข้าไปขโมยเงินในบัญชีของเราได้
จำกัดวงเงินเบิกถอนต่อวัน เพื่อลดความเสี่ยงในการสูญเงินจำนวนมาก ควรจำกันวงเงินในการถอนต่อวัน
หากเผลอให้ข้อมูลรีบติดต่อธนาคาร
เมื่อเผลอให้ข้อมูลไปแล้ว ควรรีบเปลี่ยนรหัส และรีบติดต่อธนาคาร เพื่ออายัดบัญชีและแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ
แชร์ข้อมูลให้คนใกล้ชิดรู้
ควรแชร์ข้อมูลให้คนในครอบครัว คนใกล้ชิด และเพื่อน เพื่อให้รู้เท่าทันกลโกง
Cr. ธนาคารไทยพาณิชย์