มนต์รักทรานซิสเตอร์ สุดยอดหนังไทย พัฒนาจากงานเขียนนวนิยาย วัฒน์ วรรลยางกูร

• ทำความรู้จัก นวนิยาย มนต์รักทรานซิสเตอร์

ภาพยนตร์ มนต์รักทรานซิสเตอร์ ออกฉายในปี  2544 หรือปี 2001 โดยเป็นผลงานการกำกับของ เป็นเอก รัตนเรือง ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นผู้กำกับไทยแห่งยุค ที่สร้างงานศิลปะอันทรงคุณค่าให้วงการภาพยนตร์ไทยในเวลาต่อๆมา ... ในความเป็นจริงแล้ว ภาพยนตร์ มนต์รักทรานซิสเตอร์ ถูกพัฒนามาจากนวนิยายในชื่อเดียวกัน ชื่อ มนต์รักทรานซิสเตอร์ ซึ่งเป็นงานเขียนของ "วัฒน์ วรรลยางกูร" เจ้าของรางวัลศรีบูรพา ประจำปี พ.ศ.2550  ที่เพิ่งโบกมือลา จากโลกที่โหดร้ายนี้ไปเมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2565 ตามเวลาในฝรั่งเศส ประเทศสุดท้ายที่เขาใช้ชีวิตลี้ภัยทางการเมือง 

ความจริงแล้ว นวนิยาย มนต์รักทรานซิสเตอร์ ถูก  "วัฒน์ วรรลยางกูร" เขียนขึ้นมาตั้งแต่ปี  พ.ศ. 2524 ก่อนจะถูกนำสร้างเป็นในเวอร์ชั่นภาพยนตร์ปี พ.ศ. 2544 

นั่นหมายความว่าในช่วงเวลา 20 ปีผ่านไป นับตั้งแต่ "วัฒน์ วรรลยางกูร"  เขียนนวนิยายเรื่องนี้  บทนวนิยายที่สุดแสนแคลสสิก ได้เดินทางข้ามกาลเวลา และได้ถ่ายทอดออกสู่สาธารณชนในวงกว้างในรูปแบบภาพยนตร์ และการที่ปล่อยเวลาบ่มเพาะถึง 20 ปี แต่ก็ยังสามารถนำกลับมาเล่าใหม่ได้  นั่นก็น่าหมายความว่า ภายในเรื่องราวของ มนต์รักทรานซิสเตอร์ ย่อมมีอะไรบางอย่างที่แฝงเร้นไว้ และมันได้กลายเป็นสาส์นสะท้อนชีวิต และมันไม่เคย "เชย" ไม่ว่าจะหยิบยกมาเล่าในเวลาไหนก็ตาม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

• วัฒน์ วรรลยางกูร เปิดประวัติ นักเขียนรางวัลศรีบูรพา เสียชีวิตที่ฝรั่งเศส

• สรพงศ์ ชาตรี เสียงพากย์ วู้ดดี้ ใน Toy Story : จุดเปลี่ยนหนัง แอนิเมชั่น ของโลก

• 4KINGS อาชีวะ ยุค 90 เสียงเล่า ขอแค่ให้เข้าใจ "เด็กช่าง" เพราะทุกคนก็มีหัวใจ

• เรื่องราวความรักของแผน-สะเด่า ในมนต์รักทรานซิสเตอร์

เรื่องย่อ มนต์รักทรานซิสเตอร์ เป็นเรื่องราวความรักของชาย-หญิง ที่อยู่ในชนบท ถูกเล่าผ่านบทเพลงลูกทุ่ง ซึ่งเป็น "ราก"ของวิถีชีวิตคนไทย  โดย “แผน”  (ในเวอร์ชั่นภาพยนตร์แสดงโดย ศุภกร กิจสุวรรณ) หนุ่มบ้านนอกที่ชอบร้องเพลงตามงานวัด ได้พบเจอ “สะเดา” (เวอร์ชั่นภาพยนตร์แสดงโดย‘อุ้ม’ – สิริยากร พุกกะเวส ) ก่อนจะแต่งงานกัน 

โดย ทรานซิสเตอร์ คือของขวัญแต่งงานที่ แผน มอบให้สะเดา แต่ ในระหว่างที่สะเดาท้อง เขากลับถูกเรียกไปเกณฑ์ทหาร นั่นหมายถึงจุดหักเหสำคัญของเรื่อง โดยระหว่างที่เป็นทหารเกณฑ์ แผนได้ประกวดร้องเพลงไปด้วย จนได้รางวัลรองอันดับหนึ่ง เขาจึงตัดสินหนีทหารไปทำตามฝัน ทำให้สะเดา กระวนกระวายที่แผนขาดการติดต่อไปจนคลอดลูกชาย แล้วสุดท้าย ชีวิตของทั้ง แผน และ สะเดา ก็ต้องเจอจุดเปลี่ยนและดำดิ่งไปกับความทุกข์ทนของชีวิตของคนชนบท

ชีวิตของแผนและสะเด่า ใน มนต์รักทรานซิสเตอร์ ไม่ใช่เรื่องง่าย ดูเหมือนโลกจะไม่ใจดี กับไอ้แผนและสะเดาเท่าไหร่นักเลย...แต่มันก็คือ กระจกสะท้อนความจริงที่เกิดขึ้นกับคนไทย โดยเฉพาะคนชายขอบ จำนวนมาก

 

• มนต์รักทรานซิสเตอร์ : ตัวแทนของการไขว้คว้าหาสิ่งดีที่กว่าในชีวิต 

มนต์รักทรานซิสเตอร์ กลายเป็นหนังที่เป็น ป๊อปคัลเจอร์หนึ่งของวงการหนังไทย มันคือตัวแทนของผู้คนจำนวนมากในสังคม  มันเป็นเรื่องเล่าของ หนุ่มสาวลูกทุ่ง ที่ทำงานในท้องนา และพกพาวิทยุทรานซิสเตอร์ไปบนหลังควาย เฝ้าฟังบทเพลงลูกทุ่งยอดฮิตผ่านทางเครื่องวิทยุทรานซิสเตอร์ แล้วใฝ่ฝันทิ้งบ้าน ทิ้งนา ไปเป็นดารานักร้องในวงดนตรีลูกทุ่งที่เดินสายไปตามงานวัดท้องถิ่นชนบท เพื่อที่จะมีเงินเยอะๆ มีเงินเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง

มนต์รักทรานซิสเตอร์ สามารถเล่าเรื่องคนชั้นล่างของสังคมได้อย่างแนบเนียน และกลายเป็นภาพฝันแทนอารมณ์ให้หวนหาอดีตสำหรับคนอยู่ในยุคสมัยนั้น ที่ยังสับสน และไม่รู้จะไปทางไหนดีกับชีวิต กับช่วงพิษเศรษฐกิจฟองสบู่แตก และหนังก็ยังคงอารมณ์ขันในแบบตลกร้ายที่เป็นมุมมองเสียดสีสังคมไว้  

ขณะเดียวกันก็เป็นอารมณ์ขันที่พุ่งทะลุเข้าถึงหัวใจของผู้คนได้ง่ายๆ  เรียกได้ว่าครึ่งเรื่องแรก ผู้ชมอาจจะยิ้มอารมณ์ดี ไปกับมุกการจีบกัน คิดถึงกันระหว่างแผนกับสะเดา , ส่วนในครึ่งเรื่องหลัง ผู้ชมอาจจะ จมดิ่งอยู่กับห้วงอารมณ์ทุกข์ทน พร้อมกับตั้งคำถามว่า ทำไมชีวิตคนชายขอบ จึงเข้าไม่ถึง ความสะดวกสบายแบบนี้ ชีวิตผู้คนชนบท ต้องจบลงในเรื่องราวด้วยความทรมานใจแบบนี้...จริงๆเหรอ ?  ความทุกข์ทรมานที่ผู้คนในชนบทต้องเผชิญชะตากรรมมันจะเป็นแบบนี้เหรอ ? 


มนต์รักทรานซิสเตอร์ ทั้งในเวอร์ชั่น นวนิยายของวัฒน์ วรรลยางกูร และในเวอร์ชั่นภาพยนตร์ของ เป็นเอก รัตนเรือง เป็นภาพสะท้อนที่ชัดเจนมากๆ ของความเป็นคนที่ไม่เท่ากัน ความเหลื่อมล้ำ ความยากจน ความเป็นชนชั้นของแต่ละ อาชีพในสังคม การมองหาสิ่งที่ดีกว่า...

ความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้ ก็คือ ใครๆในโลก ต่างต้องการ ผลักดันให้ชีวิต ไปเจอสิ่งที่ดีกว่าเดิม...

 Credit : Youtube สันติ แต้พานิช