ยาบ้า ยาเสพติด นอกจากเป็นอันตรายกับร่างกายผู้เสพแล้วยังเป็นภับสังคม เพราะเราไม่สามารถมองผิวเผินแล้วรู้ได้ว่าใครบ้างเป็นผู้มีสารเสพติดในร่างกาย นอกจากตรวจพิสูจน์ด้วยวิทยาศาสตร์ แต่ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ทุกคนสามารถขอตรวจได้
ยาบ้า กลับมาสร้างความสูญเสียให้กับสังคมอีกครั้ง จากข่าว คนขับรถทัวร์สองชั้น สายสระบุรีชนตอม่อสะพานต่างระดับ เป็นเหตุทำให้ มีผู้เสียชีวิต 8 คน บาดเจ็บ 22 คน เมื่อวันที่ 12 มีนาคมที่ผ่าน พนักงานสอบสวนได้เปิดเผยว่า พบเสพสารเสพติดเมทแอมเฟตามีนในร่างกาย ทำให้เห็นว่า ยาเสพติด ก่อให้เกิดเหตุการณ์ที่มีผู้บริสุทธิ์ต้องสังเวยชีวิตไปอย่างน่าเศร้า เพราะความไม่รับผิดชอบต่อสังคมของคนขับคนเดียว
แล้วเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกคนสามารถขอตรวจหา สารเสพติด ประชาชนได้หรือไม่ ขอบข่ายอำนาจที่กฎหมายกำหนดไว้มีอะไรบ้าง
ให้ พนักงานสอบสวน รวบรวมหลักฐานทุกชนิดเท่าที่สามารถจะทำได้ เพื่อประสงค์จะทราบข้อเท็จจริง และพฤติการณ์ต่างๆ
อันเกี่ยวกับความผิดที่ถูกกล่าวหา เพื่อจะรู้ตัวผู้กระทำความผิดและพิสูจน์ให้เห็นความผิดหรือความบริสุทธิ์ของผู้ต้องหา
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เติ้ล ธนพล เล่าชีวิตในเรือนจำหลังต้องโทษ 3 เดือน ทำให้รู้จักคำว่าพอ
"อนุทิน" ลงนาม ปลดล็อก "กัญชา" จากยาเสพติด ประชาชนปลูกได้ไม่จำกัด
มาตรา 131/1 ในกรณีที่จำเป็นต้องใช้พยานหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ เพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริงตามมาตรา 131 ให้พนักงานสอบสวนมีอำนาจให้ทำการตรวจพิสูจน์บุคคล วัตถุ หรือเอกสารใด ๆ โดยวิธีการทางวิทยาศาสตร์ได้
ต้องทำการขีดเส้นใต้สีแดงใหญ่ๆ ไว้ที่คำว่า 'พนักงานสอบสวน'
ตามกฎหมายระบุไว้ว่าเป็น “ข้าราชการตำรวจซึ่งมียศตั้งแต่ชั้นนายร้อยตำรวจตรีหรือเทียบเท่า นายร้อยตำรวจตรีขึ้นไป มีอำนาจสอบสวน” ดังนั้นผู้ที่สามารถขอทำการตรวจฉี่คุณได้ต้อง เป็นตำรวจทีมียศ ร้อยตรีขึ้นไปเท่านั้น
ถ้าเราเจอตำรวจที่มียศต่ำกว่าร้อยตำรวจตรี ขอตรวจฉี่ ให้รู้ไว้เลยว่าเจ้าหน้าที่คนนั้นไม่มีสิทธิหรือบังคับให้ตรวจปัสสาวะหาสารเสพติด เราได้ (ซึ่งถ้าไม่ยินยอมผลเสียจะเกิดกับผู้ที่จะถูกตรวจเอง)
มาตรา 58/1 เขียนระบุถึงเกณฑ์ที่เจ้าหน้าที่สามารถใช้อำนาจเพื่อขอตรวจได้ตามเงื่อนไขนี้ ในกรณี จำเป็นและมีเหตุอันควร เชื่อได้ว่ามีบุคคลหรือกลุ่มบุคคลใดเสพยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 ประเภท 2 หรือประเภท 5 อันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ในเคหสถาน สถานที่ใด ๆ หรือยานพาหนะให้พนักงานฝ่ายปกครอง หรือตำรวจ หรือพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้ มีอำนาจตรวจ หรือทดสอบ หรือสั่งให้รับการตรวจหรือทดสอบว่าบุคคลหรือกลุ่มบุคคลนั้นมียาเสพติดให้โทษดังกล่าวอยู่ในร่างกายหรือไม่พนักงานฝ่ายปกครอง หรือตำรวจ หรือพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้ ตำแหน่งใด ระดับใด หรือชั้นยศใด จะมีอำนาจหน้าที่ตามที่ได้กำหนดไว้ตามวรรคหนึ่งทั้งหมด หรือแต่บางส่วน หรือจะต้องได้รับอนุมัติจากบุคคลใดก่อนดำเนินการ ให้เป็นไปตามที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดด้วยความเห็นชอบของคณะกรรมการ โดยทำเอกสารมอบหมายให้ไว้ประจำตัวพนักงานฝ่ายปกครอง หรือตำรวจ หรือพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้ได้รับมอบหมายนั้น
แต่ก็มีข้อยกเว้น ในกรณีที่เจ้าหน้าตำรวจมียศต่ำกว่าร้อยตรี สามารถใช้อำนาจเพื่อขอตรวจได้ดังนี้
เรื่องกำหนดอำนาจหน้าที่ของพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจ หรือพนักงานเจ้าหน้าที่เพื่อปฏิบัติการตามกฎหมายว่าด้วยยาเสพติดให้โทษข้อ 1 กำหนดให้บุคคลดังต่อไปนี้ มีอำนาจหน้าที่ในการปฏิบัติการตามมาตรา 58/1 แห่ง พรบ ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522
ประกาศกรมการขนส่งทางบก พ.ศ. 2553
ให้อำนาจข้าราชการตำรวจตั้งแต่ร้อยตรีขึ้นไปที่จะสามารถขอตรวจบุคคลต้องสงสัย ซึ่งจะตรวจได้เฉพาะคนขับขี่เท่านั้น ไม่สามารถตรวจคนที่นั่งมาด้วยได้ เช่น ตั้งด่านขอตรวจคนขับรถบรรทุก สามารถขอตรวจเฉพาะคนขับรถ
เช่น ในกรณีตั้งด่าน หัวหน้าสถานีต้องทำหนังสือมอบหมายตามแบบฟอร์มที่กำหนด
เพื่อมอบอำนาจเฉพาะกิจเป็นครั้งคราวตามมาตรา 58/1 ดังกล่าว ซึ่งใน ขณะ ปฏิบัติหน้าที่เจ้าหน้าที่หน้าด่านต้องแสดงบัตรหรือประชาชนสามารถขอดูบัตรก่อนได้
แต่ในกรณี เจ้าหน้าที่ผู้ถือบัตรของ สํานักงานปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) อย่างถูกต้อง ทำการขอตรวจปัสสาวะ แต่เราไม่ยินยอมมีความผิดฐานขัดคำสั่งเจ้าพนักงาน มีโทษจำคุก 6 เดือน โดยบัตร ปปส จะมีอายุ 2 ปี ซึ่งต้องได้รับรองความประพฤติจากผู้บังคับการ ก่อนยื่นทำการออกบัตรหรือต่อบัตรเมื่อหมดอายุ
โดยช่วงเวลาที่สามารถตรวจพบสารเสพติดในปัสสาวะของยาเสพติดแต่ละประเภทก็แตกต่างกันตามความถี่ของผู้เสพ
เช่น ยาบ้า หรือ แอมเฟตามีน