ลายเซ็นเป็นเครื่องยืนยันบุคคลในกรณีที่มีการติดต่อธุรกรรมหรือลงชื่อแสงดเจตนากำกับใช้ในเอกสารที่มีผลผูกพันทางกฎหมาย ปัจจุบันคนใช้งานอินเทอร์เน็ตและใช้บริการต่างๆ บนมือถือกันมากขึ้น ทั้ง การโอน-ถอนเงินออนไลน์ ช้อปปิ้งออนไลน์
และการใช้ แอพพลิเคชั่น ต่างๆ จนกลายเป็นพฤติกรรมปกติที่ต้องประสบอยู่ในทุกวัน
e-Signature จึงกลายมาเป็นลายมือชื่อของเราที่จะยืนยันและรับรู้ผลในการเชื่อมต่อเข้าถึงข้อมูลหรือบริการนั้นๆ ข้อมูลจากทาง สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ ช่วยอธิบายให้ผู้ใช้งานได้ทำความเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลกับ ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ มากขึ้น
ลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ทั่วไปต้องมีองค์ประกอบตามกฎหมายครบทั้ง 3 ข้อคือ
(1) ระบุได้ว่า เป็นของใคร
(2) รู้ว่า ลงนามไปเพื่ออะไร
และ (3) ใช้วิธีการที่เชื่อถือได้ ก็ครบองค์ประกอบ เป็น ลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ ได้
ซึ่ง รูปแบบตัวอย่าง e-Signature ที่ตามที่ พระราชบัญญัติว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2544 (ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม) รับรองผลทางกฎหมายมีเบื้องต้น ดังนี้
1.ลายเซ็นผ่านจอ
ไม่มีข้อกำหนดว่าจะต้องเป็นตัวอักษร ตัวเลข หรืออักขระ เป็นการระบุตัวบุคคลผู้เป็นเจ้าของลายชื่อกับข้อความในข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ เป็นที่นิยมมากขึ้นในการใช้เซ็นเอกสารอิเล็กทรอนิกส์เพื่อ ทำธุรกรรม หรือ เซ็นกำกับเมื่อ จ่ายผ่านบัตรเครดิต เมื่อซื้อของในห้างสรรพสินค้า
2.ชื่อท้ายอีเมล
ปกติเวลาที่เรา เขียนอีเมล ติดต่อประสานงานระหว่างบุคคลหรือองค์กร ในท้ายจดหมายจะมีทิ้งท้ายด้วยชื่อและตำแหน่งอยู่ด้วย นั่นก็ถือเป็นลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ ของคุณเช่นกัน เป็นการยอมรับและรับรองข้อความที่ผู้รับได้ผ่านอีเมล
3.การกรอก Username และ password
เมื่อเราเปิดใช้แอพ หรือ เข้าสู่เว็บไซต์ใด ที่ต้อง กรอก Username และ password เช่น อีเมล ไลน์ หรือ แอพ ช้อปปิ้งออนไลน์ ที่คุณไถดูสินค้า ถือเป็น ลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ ดังนั้น การยืมเงินผ่านข้อความแชททางไลน์ จึงสามารถใช้เป็น หลักฐานในการยืนยันการกู้ยืมเงิน ได้ เพราะผู้ใช้งานบัญชีนั้นๆ ต้องเข้าระบบผ่าน Username และ password ก่อนใช้งาน
4. “I Accept” หรือ “ฉันยอมรับ”
สังเกตเมื่อคุณเปิดเข้าใช้หน้าเว็บไซด์ใดในตอนนี้ มักจะมีข้อความให้กด “I Accept” หรือ “ฉันยอมรับ” เพื่ออ่านข้อมูลหรือใช้บริการได้เต็มรูปแบบก่อน ซึ่งเมื่อคุณคลิก “ฉันยอมรับ” ไปแล้วจะหมายถึงการยอมรับข้อตกลง ข้อกำหนด หรือเงื่อนไขในการทำธุรกรรมหรือใช้บริการแล้วนั่นเอง
5.รหัสบัตร ATM
ก่อนที่คุณจะทำการโอน ถอนเงินจากธนาคารผ่าน ตู้กดเงิน ATM จะต้องทำการเสียบและกดรหัสบัตร 4-6 หลัก เพื่อยืนยันตัวตนก่อนเข้าถึงบัญชี ซึ่งทางกฎหมายถือเป็น ลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ เช่นเดียวกัน
6.Biometric
เป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยีที่ใช้สำหรับพิสูจน์อัตลักษณ์ตัวตน เช่น ลายนิ้วมือ รูม่านตา ซึ่งในธุรกิจและองค์กรต่างๆ หันมาเลือกใช้งานกันมากขึ้น
ดังนั้นก่อนที่คุณจะกดยืนยันหรือลงชื่อลงบน เอกสารอิเล็กทรอนิกส์ ใด ควรทำความเข้าใจและ อ่านเงื่อนไข การเข้าถึงข้อมูลจากผู้ให้บริการนั้นให้ดีก่อน เพื่อจะได้ไม่ต้องกังวลเรื่องที่ข้อมูลส่วนตัวจะถูกนำไปใช้ต่อทางการตลา เบอร์ติดต่อที่ไม่พึงปรารถนาโทรเข้ามาให้หงุดหงิดใจ และเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการทำนิติกรรมหรือสัญญาซึ่งจะมีผลผูกมัดตามกฎหมายด้วยความเข้าใจผิด
ที่มาข้อมูล
สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ETDA)