19 มกราคม ที่สหรัฐฯ ถูกกำหนดให้เป็น วันป๊อปคอร์น (Popcorn Day) โดยในโลกทุกวันนี้ ป๊อปคอร์น หรือข้าวโพดคั่ว ถือได้ว่าเป็นของกิน เป็นขนมขบเคี้ยวที่อยู่คู่กับวัฒนธรรมการดูหนังในโรง ทุกเจเนอเรชั่น เติบโตมา พร้อมกับการรับรู้ว่า ป๊อปคอร์น มักจะขายอยู่หน้าโรงหนังเสมอๆ
19 มกราคม ที่สหรัฐฯ ถูกกำหนดให้เป็น วันป๊อปคอร์น (Popcorn Day) โดยในโลกทุกวันนี้ ป๊อปคอร์น หรือข้าวโพดคั่ว ถือได้ว่าเป็นของกิน เป็นขนมขบเคี้ยวที่อยู่คู่กับวัฒนธรรมการดูหนังในโรง ซึ่งเรียกได้ว่า ไม่ว่าจะ Gen ไหนๆ ทั้งเบบี้บูมเบอร์ Gen X, Gen Y , Gen Z หรือ Gen Alpha ต่างก็เติบโตมา พร้อมกับการรับรู้ว่า ป๊อปคอร์น มักจะขายอยู่หน้าโรงหนังเสมอๆ
.
สำหรับความนิยมของป๊อปคอร์น ที่ผูกโยงกับวัฒนธรรมการดูภาพยนตร์ในโรงนั้น น่าจะมาจากโดยช่วงประมาณปี 1925 ได้มีการผลิตเครื่องคั่วข้าวโพดแบบไฟฟ้าสำเร็จเป็นครั้งแรก
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
หนัง Tick, Tick... Boom! รีวิว ที่พูดถึง ความฝัน ความทะเยอทะยาน ไฟชีวิตลุกโชน
Dont Look Up หนังที่พูดดาวหางพุ่งชนโลก วันสิ้นโลก และ #ผนงรจตกม
จากนั้น ธุรกิจข้าวโพดคั่ว หรือ ป๊อปคอร์น ขยายไปยังกลุ่มผู้บริโภคมากขึ้น และแพร่หลาย ไปเป็นของกินเล่นประจำโรงภาพยนตร์มาจนถึงทุก ช่วงเวลา ณ เข็มนาฬิกาเดินอยู่ในปัจจุบันนี้ แต่ในความเป็นจริงแล้ว จุดกำเนิดและประวัติของป๊อปคอร์น (ข้าวโพดคั่ว) มีมายาวนานกกว่านั้น
.
สำหรับ ประวัติป๊อปคอร์น และ กำเนิดของป๊อปคอร์นเกิดขึ้นครั้งแรก ในดินแดนของชาวอินเดียนแดง แถบทวีปอเมริกา โดยนักโบราณคดียังพบหลักฐานทางประวัติศาสตร์ว่ามีซากข้าวโพดอยู่ในพื้นที่เมืองโบราณเป็นจำนวนมาก เช่น เมืองอินคาทางอเมริกาใต้ เมืองมายาในอเมริกากลาง และเมืองอัซเตกในเม็กซิโก ซึ่งถือเป็นการตอกย้ำว่าชาวอินเดียนแดงเป็นต้นกำเนิดของข้าวโพดคั่ว หรือ ป๊อปคอร์นในปัจจุบัน อย่างแท้จริง
.
ปัจจุบัน เทคโนโลยีของมนุษย์ ได้พัฒนาและคิดค้นจนกระทั่ง คิดป๊อปคอร์นที่ไม่ต้องใช้เครื่องคั่วอีกต่อไปแล้ว เพียงแต่ไปซื้อป๊อปคอร์นปรุงสำเร็จ นำเข้าไมโครเวฟ รอเวลา ไม่กี่นาที ช่วงเวลาไม่นานเกินรอ ก็ได้ป๊อปคอร์นทานเองที่บ้าน ได้แล้ว
.
ทั้งนี้ จากการสำรวจผู้คนในสหรัฐฯ พบว่า ป๊อปคอร์น เป็นของกินเล่นที่ป๊อปปูลาร์ยอดนิยมมาก เพราะ 9 ใน 10 คนของคนสหรัฐฯ ลงความเห็น่วา ชื่นชอบ ป๊อปคอร์น ขณะที่รสชาติยอดนิยมคือรสหวาน 40.82% , รสเค็ม 37.76 % และ รสดั้งเดิมอยู่ที่ 21.43 %