คนไทยวางแผน “เที่ยวต่างประเทศ” สูงกว่าค่าเฉลี่ยโลก

มีการเปิดเผยผลสำรวจจาก SiteMinder ผู้ให้บริการซอฟต์แวร์ของโรงแรมชั้นนำทั่วโลก พบว่าคนไทย 49% วางแผน “เที่ยวต่างประเทศ” ในอีก12 เดือนข้างหน้า สูงกว่าค่าเฉลี่ยโลก (จะบอกว่าเป็นคนวางแผนเก่ง วางแผนไกลก็ได้นะ)

ครั้งนี้เขาได้สำรวจพฤติกรรมนักท่องเที่ยวกว่า 10,000 คนจาก12 ประเทศ ได้แก่ จีน อินเดีย ไทย อินโดนีเซีย ออสเตรเลีย ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี สเปน สหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา และเม็กซิโก 

พบว่านักท่องเที่ยวทั่วโลกวางแผนที่จะ “เที่ยวต่างประเทศ” สูงขึ้นกว่าปีก่อนมาก
โดยปี 2023 ค่าเฉลี่ยนักท่องเที่ยว 42% เทียบกับปี 2022 ที่มีสัดส่วนเพียง 20%

5 อันดับ นักท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มจะเที่ยวต่างประเทศมากที่สุด คือ เยอรมนี (55%), สหราชอาณาจักร (53%), ไทย (49%), จีน (48%) และฝรั่งเศส (47%) 

สำหรับในประเทศไทยใช้กลุ่มตัวอย่างนักท่องเที่ยวชาวไทยมากกว่า 800 คนจากคำถาม 25 ข้อในการสำรวจ สามารถแบ่งคำตอบของนักท่องเที่ยวเป็นสี่กลุ่มอายุหลัก ได้แก่ Gen Z (18-26 ปี), Gen Y (27-42 ปี), Gen X (43-58 ปี) และ Baby Boomers (59- 77 ปี)
ผลคือ พบสัดส่วนคนที่มีแผนเที่ยวต่างประเทศใน 12 เดือนข้างหน้า Gen Y มาเป็นอันดับ 1
Gen Y (27-42 ปี) – 82%
Gen X (43-58 ปี) – 75%
Baby Boomers (59-77 ปี) – 71%
Gen Z (18-26 ปี) – 69%

ซึ่งอันดับตรงนี้แตกต่างจากผลสำรวจของประเทศอื่นๆที่ อันดับที่ 2 มักจะเป็น GEN Z ที่บ้านเรา GEN Z ลงมาอยู่ในอันดับสุดท้าย และอีกผลสำรวจที่น่าตกใจก็คือ Gen Z ของไทยเป็นกลุ่มที่มักจะพกงานไปทำในระหว่างการท่องเที่ยวสูงถึง 68% แซงโค้งมาเป็นอันดับหนึ่ง ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของ Gen Z ทั่วโลกที่อยู่ที่ 50% 
ส่วนคนเอเชียยังคงเป็นชาติที่ตัดเรื่องงานออกจากเรื่องเที่ยวไม่ได้ เพราะพร้อมจะทำงานในระหว่างเที่ยวสูงที่สุด โด่งมาโดย “อินเดีย” (60%) รองมาคือ “ไทย” (57%) ตามด้วย “อินโดนีเซีย” (53%) และ “จีน” (47%)

และในยุคสมัยที่มีเทคโนโลยี และ App ต่างๆเข้ามาช่วยให้เราวางแผนทริปของเราได้ดีขึ้น ทราบหรือไม่ว่า GEN ไหนของไทย ที่ยอมให้ AI ช่วยจจัดการทริปให้มากที่สุด ! นั่นก็คือ Gen Y นั่นเอง