คลิปนี้ขอแจกแพลนเที่ยว สิงคโปร์ ฉบับ 3 วัน 2 คืน เผื่อไปดูคอนเสิร์ต เทย์เลอร์ สวิฟต์ แล้วก็แวะเที่ยวสักหน่อยค่ะ
วันนี้เราจึงขอแจกแพลนเที่ยว สิงคโปร์ ฉบับ 3 วัน 2 คืน เผื่อไปดูคอนเสิร์ตแล้วก็แวะเที่ยวสักหน่อยนคะ
ระยะเวลาการบินจากไทยไป สิงคโปร์ใช้เวลา 2.20 ชม. และที่สิงคโปร์เวลาเร็วกว่าไทย 1 ชม. เราก็เลือกสายการบินที่มาถึงช่วงสายๆ จะได้เที่ยวต่อได้เลยนะคะ
จุดแรกลงเครื่องแล้วก็อย่าลืมแวะไปที่ Jewel Changi Airport ด้วยนะคะ ที่เราจะได้เห็นน้ำตกในร่มขนาดใหญ่ สวนสีเขียว และรถไฟวิ่งไปมา อย่างกับโลกอนาคต คุณสามารถเดินไปได้จากทุกเทอมินอล แต่ใกล้สุดจะเป็น เทอมินอล1 ก็ถือเป็นจุดแรกที่คุณจะได้เช็กอิน ว่ามาถึงสิงคโปร์แล้ว
Gardens by the Bay (การ์เด้นส์ บาย เดอะเบย์)
อาจจะฟังดูเก่าแล้ว แต่บอกเลย อย่างไงก็ต้องมา เพราะจุดนี้สามารถมาได้ทั้งกลางวันและกลางคืน
และมีดีมากกว่าเจ้าต้นไม้ยักษ์นะคะ ถ้าจะเข้าฟรีก็แค่โซนข้างล่างที่พอจะเดินเล่นได้ แต่ขอแนะนำให้เข้าโดมไปดูด้วยนะคะ
Flower Dome จัดแสดงดอกไม้นานาชนิดแต่ละฤดูกาล มี ไม้ดัดขนาดใหญ่และปาล์มขวด
Cloud Forest อลังการด้วยน้ำตกขนาดยักษ์ นะนำให้ขึ้นลิฟท์ไปเริ่มที่ด้านบน แล้วเดิน Sky Walk ชมบรรยากาศมาเรื่อยๆเพลินแน่นอน
Floral Fantasy ใหม่สุด โดมนี้การตกแต่งนะแฟนตาซี ใช้จินตนาการ สีสันสดใส
จากที่นี่ก็ใช้เวลาพอสมควร พอแดดร่มลมตกแล้ว ก็ได้เวลาไปมองสิงคโปร์จากมุมสูง ที่ Singapore Flyer
ตั้งอยู่ไม่ไกลกัน เดินทาง 10 นาที เป็นชิงช้าสวรรค์ชมวิวที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย ใช้เวลาต่อ1รอบ นาน 30 นาที ถ่ายรูปได้จุใจแน่ๆน
หลังจากลงมาแล้ว น่าจะเป็นพระอาทิตย์ตกพอดี คุณก็จะสามารถเดินมาจาก Singapore Flyer มาที่ Merlion Park ได้ระยะทาง 1.4 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินชิลๆก็ประมาณ15-20 นาที ถือว่าเดินชมเมืองมาเรื่อยๆ เพื่อมาเก็บภาพกับอีก 1 Highlight ที่เป็นสัญลักษณ์ สิงโตพ่นน้ำ
วันที่ 2 ถ้าใครเป็นสายสวนสนุก ก็จะหมดไปทั้งวันกับ Universal Studios Japan และที่ฝั่งเซ็นโตซซ่า ถ้าเวลาเหลืออย่าลืมแวะ S.E.A. Aquarium Singapore เป็นพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำขนาดใหญ่ที่สุดของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ส่วนแพลน 2 สำหรับสายเช็กอิน เช้าๆเราขอชวนสายถ่ายรูปไปที่ Henderson Waves (สะพานเฮนเดอร์สัน เวฟ) สะพานจะเป็นรูปคล้ายเกลียวคลื่นมีเส้นทางคดโค้งและบิดไปมาตลอดความยาว 274 เมตร และเป็นสะพานสำหรับให้คนเดินที่สูงที่สุดในสิงคโปร์ โดยมีความสูงอยู่ที่ 36 เมตร มาถึงจุดนี้แล้วก็ต้องขึ้นเขาไปดูวิวมุมสูงกันต่อที่ Mount Faber (ยอดเขา เมาท์เฟเบอร์) ที่เป็นยอดเขาที่สูงเป็นอันดับ 2 ของสิงคโปร์ จะเห็นตึกน้อยใหญ่ในเมือง
จากจุดนี้ก็มาหลบร้อนช่วงบ่ายๆ ช็อปปิ้ง หาของอร่อยกินที่ Marina Bay Sands Singapore ตึกรูปเรือ ที่ด้านล่างเป็นศูนย์การค้า โรงแรม และด้านบนชั้น 57 เป็นสระว่ายน้ำที่สวยมากๆแต่สงวนให้เฉพาะแขกในโรงแรม แต่ถ้าคุณไม่ได้พักสามารถขึ้นมาชมวิวที่ชั้น 56 จุดนี้ชื่อว่า Sand Sky Park ได้ค่ะจะอยู่ที่บริเวณหัวเรือ
ตกเย็นห้ามพลาด street food หรือที่คนสิงคโปร์เรียกว่า Hawker (ฮอว์กเกอร์) มีหลายที่มากๆแต่ถ้าที่คุ้นตาจากเรื่อง Crazy Rich Asians นั้นก็คือ Newton Food Centre และอีกที่ที่อยากแนะนำก็คือ
Lau Pa Sat หรือนิยมเรียกกันคือ Satay Street (ถนนแห่งสะเต๊ะ) คุณจะได้ลิ้มลองอาหารย่างเสียบไม้จนพุงกาง
วันที่ 3 ก่อนกลับสายมูกันหน่อย ที่แรกวัดพระธาตุเขี้ยวแก้ว หรือ Buddha Tooth Relic Temple แห่งย่านไชน่าทาวน์ ด้านนอกว่าสวยแล้ว ด้านในก็อลังการ มีถึง 5 ชั้น
และอย่าลืมไปเช็กอินที่ น้ำพุแห่งโชคลาภหรือน้ำพุแห่งความมั่งคั่ง(Fountain of Wealth)
ที่เชื่อกันว่าเป็นจุดที่มีฮวงจุ้ยที่ดีที่สุดในโลก เพราะเป็นจุดศูนย์รวมของพลังงานด้านบวก วิธีการในการรับพลังเอาไว้ด้วย มีทั้งหมด 3 ขั้นตอนดังนี้
1. ใช้มือขวาแตะยื่นเข้าไปแตะน้ำพุ
2. ตั้งใจอธิฐานหรือขอพร
3. จากนั้นให้เดินวนรอบน้ำพุตามลูกศรสีแดงให้ครบทั้ง 3 รอบ
รับพลังเสร็จแล้วก็กลับบ้านกันได้