จากกระแสต่างๆ ทำให้คนจำนวนไม่น้อยเกิดความกังวลเกี่ยวกับการฉีดวัคซีนโควิด 19 ตัดสินใจไม่ได้ว่าจะฉีดหรือไม่ฉีด หรือถ้าฉีดควรฉีดวัคซีนยี่ห้อไหนดี รวมไปถึงความกังวลเกี่ยวกับผลข้างเคียงจากการฉีดวัคซีน
ประเภทวัคซีนโควิด 19
ประเภทที่ 1. Inactivated Vaccine คือ วัคซีนเชื้อตาย เป็นการเอาอนุภาคไวรัสทั้งตัวมาทำให้ตายก่อน แล้วจึงนำไปสร้างวัคซีน ทำให้ภูมิคุ้มกันของผู้ที่ได้รับ จะไม่ได้แค่โปรตีนที่อยู่บนผิวไวรัสเท่านั้น (Spike Protein) แต่จะได้จากส่วนอื่นของโครงสร้างไวรัสด้วย ข้อดีคือ เป็นวิธีการสร้างภูมิคุ้มกันที่ปลอดภัยใช้กันมานานที่สุด ข้อจำกัดคือ ผลิตได้ช้า และต้องฉีด 2 เข็ม ถึงจะได้ประสิทธิภาพเต็มที่ เช่น Sinovac และ Sinopharm
ประเภทที่ 2. Viral Vector Vaccine คือ การตัดต่อพันธุกรรม ส่วนหนึ่งไปใส่ในไวรัสชนิดที่ไม่เป็นอันตราย โดยสามารถแบ่งตัวเพิ่มจำนวนในร่างกายคนได้ เสมือนการติดเชื้อตามธรรมชาติ กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันให้สร้าง anti body ข้อดีคือ เป็นวิธีการสร้างภูมิคุ้มกันที่ปลอดภัยใช้มาหลาย 10 ปี ข้อจำกัดคือ ผลิตได้ช้า เช่น Astra Zeneca และ Sputnik V
ประเภทที่ 3. mRNA Vaccine เป็นการผลิตวัคซีนด้วยเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด มีหลักการคล้ายกับ Viral Vector Vaccine โดยการเอา mRNA มาเพื่อสร้าง Spike Protein ออกมาแล้วนำเอา mRNA ไปใส่ในตัวพาอื่นๆ เช่น Lipid Nanoparticle ข้อดีคือ ผลิตง่าย รวดเร็ว ขั้นตอนการผลิตไม่ยุ่งยาก และราคาไม่สูงมาก ข้อจำกัดคือ เป็นเทคโนโลยีใหม่ ทำให้ข้อมูลเกี่ยวกับความปลอดภัยในระยะยาว และประสบการณ์การใช้ยังมีไม่มาก เช่น Pfizer และ Moderna
ประเภทที่ 4. Protein-based vaccine คือ การสกัดเอา Spike Protein บางส่วนของเชื้อไวรัสมาสร้างเป็นวัคซีน โดยไม่ทำให้เกิดโรค เนื่องจากเป็นแค่ส่วนเล็กๆ ของเชื้อ เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย ข้อดีคือ ผลิตได้ง่าย มีประสบการณ์การใช้มาก่อน ข้อจำกัดคือ อาจต้องใช้สารเสริมฤทธิ์ (adjuvant) เพื่อให้การตอบสนองทางภูมิคุ้มกันดี เช่น Novavax และ Sanofi
การฉีดวัคซีนไม่ใช่การรักษา แต่เป็นการสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย ใช้ต่อต้านไวรัสโควิด-19 ต่อให้ฉีดวัคซีนแล้วก็ยังสามารถติดได้อยู่ แต่อาการจะไม่รุนแรง ที่สำคัญช่วยลดโอกาสในการเสียชีวิตลงได้ และไม่ว่าจะเป็นวัคซีนประเภทไหน ยี่ห้ออะไร ก็ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย และสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ได้
ต้องทำอย่างไร จึงจะกลับมามีชีวิตเหมือนตอนที่ไม่มีโควิด-19
“ทุกคนอยากถอดแมสก์” “อยากมีรายได้เหมือนเดิม” “อยากเห็นพ่อค้าแม่ขายกลับมาขายของมีรายได้จุนเจือครอบครัวเหมือนเก่า” “อยากเห็นสภาพชีวิตความเป็นอยู่กลับมาใกล้เคียงกับก่อนที่จะมีโควิด”
ในฐานะที่ทำงานเกี่ยวกับโรคระบาดและโรคติดเชื้อมากว่า 45 ปี ไม่เคยมีครั้งไหนในประวัติศาสตร์โลกที่มีการระบาดรุนแรง และเกี่ยวข้องกับทุกคนได้ขนาดครั้งนี้เลย นพ.ทวี โชติพิทยสุนนท์ ผู้ทรงคุณวุฒิ คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ด้านโรคติดเชื้อ กล่าว
การฉีดวัคซีน จึงเป็นทางที่จะพาพวกเราเดินไปถึงจุดที่ใกล้เคียงกับก่อนสถานการณ์ก่อนโควิดได้ เพราะวัคซีนช่วยสร้างภูมิคุ้มกันต่อสู้กับเชื้อโรค ถึงแม้ป่วยก็จะป่วยไม่หนัก ไม่ต้องเข้าห้อง ICU ไม่ต้องใส่ท่อช่วยหายใจ
การฉีดวัคซีนนอกจากเพื่อตัวเราเอง ยังเพื่อคนในครอบครัว โดยเฉพาะคนหนุ่มสาวที่ต้องออกไปทำงานนอกบ้าน พอกลับบ้านอาจนำเชื้อไปสู่ครอบครัว คุณพ่อ คุณแม่ ผู้สูงอายุหลายคนอาจสงสัยว่า ไม่เคยออกจากบ้านเลยทำไมถึงติดโควิด ก็อาจจะมาจากคนในบ้านนี่แหละ ดังนั้นการฉีดวัคซีนจะช่วยป้องกันคนในบ้านขึ้นมาอีกระดับ
นพ.ทวี โชติพิทยสุนนท์ กล่าวเพิ่มเติมว่า การตั้งเป้าฉีดวัคซีนให้ได้ 70% ภายในสิ้นปีเป็นสิ่งที่ถูกต้อง ต้องมีเป้าหมายเพื่อให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ เกิดภาวะที่คนส่วนใหญ่มีภูมิคุ้มกันโรค ซึ่งจะช่วยป้องกันการแพร่ระบาดของโรคไม่ให้เกิดขึ้นอีกได้ในอนาคตด้วย เมื่อชุมชนหรือสังคมไหนมีภูมิคุ้มกันหมู่ คนในสังคมที่ยังไม่มีภูมิคุ้มกันก็จะได้รับการปกป้องรวมหมู่ไปโดยอัตโนมัติ เพราะพาหะนำเชื้อไม่สามารถส่งต่อให้กับผู้อื่นจนเกิดการระบาดได้ แต่สำหรับผู้ที่ไม่มีภูมิคุ้มกันก็ยังมีความเสี่ยงสูงที่จะติด หากมีเชื้อเล็ดลอดเข้ามาในหมู่ หรือในชุมชน สังคม
ติดตามได้ในรายการอยากเห็นเมืองไทยดีกว่านี้ ทุกวันอาทิตย์เวลา 14.00 - 14.30 น. ทางเนชั่นทีวีช่อง 22 และสปริงออนไลน์