โบกไม่รับ ไปเติมแก๊ส ต้องไปส่งกะ การปฏิเสธผู้โดยสาร ปัญหาหลักของการให้บริการแท็กซี่ในกรุงเทพฯ ที่มีการร้องเรียนไปยังกรมการขนส่งทางบก คิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 40%
การถูกปฏิเสธจากคนขับแท็กซี่ เชื่อว่าหลายคนคงเคยเจอสถานการณ์นี้มาแล้ว ส่วนในมุมของคนขับแท็กซี่จะมีคำตอบให้กับเรื่องนี้อย่างไร สปริงลงพื้นที่เพื่อสอบถามหาคำตอบในประเด็นดังกล่าว และพูดคุยกับคนขับแท็กซี่ถึงเรื่องเศรษฐกิจปากท้องในสถานการณ์ปัจจุบัน
“เป็นอาชีพอิสระ เราค่อนข้างสบายใจที่ได้ทำ อยากพักเมื่อไรก็สามารถหยุดขับได้ ถ้าช่วงไหนลูกค้าเยอะ เราก็ต้องรีบขับเพื่อกอบโกยรายได้ในช่วงนั้น ลูกค้าดีมาโดยตลอด มีช่วงพักหลังมานี่ส่วนแบ่งทางการตลาดต่างๆ เพิ่มขึ้น ก็แบ่งรายได้เราออกไปด้วย บวกกับพฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนไป ผู้คนนิยมใช้บริการแบบทันท่วงที จึงมีผู้คนจำนวนหนึ่งนิยมเลือกใช้บริการเรียกแท็กซี่ผ่านแอปพลิเคชัน เหล่านี้ก็ส่งผลให้รายได้แท็กซี่ลดน้อยลงไป แต่ค่าใช้จ่ายเรายังเหมือนเดิม”
“กรณีขับแท็กซี่ปรกติ เราวิ่งออกไปมีลูกค้า เราได้เงินสด กับเราขับรถแต่ต้องผ่านระบบซึ่งเปรียบเสมือนคนกลางก็ลองคิดดูว่าอะไรจะได้มากกว่ากัน แต่เวลาที่ลูกค้าเรียกเราผ่านแอปพลิเคชัน ไม่ว่าจะแอปฯ ไหน อย่างน้อยๆ เราจะโดนหักค่าบริการ 10 บาท และก่อนที่เราจะไปถึงจุดที่ลูกค้าเรียกให้ไปรับ บางครั้งกว่าที่เราจะไปถึงจุดรับลูกค้าระยะทางกว่า 10 กิโลเมตร ตรงนี้เราเป็นผู้แบกรับภาระ”
“เจอบ่อยถนนขรุขระ อยู่ระหว่างการซ่อมแซม เจอก็บ่นตลอด ช่วงล่างฉันๆ ล้อจะเป็นอะไรไหม ลองนึกสภาพรถยนต์ที่ตกหลุมแบบกระทันหัน ถ้ามีลูกค้าอยู่บนรถก็สะเทือนลูกค้าเสียอารมณ์กันไปอีก บางทีเอารถไปล้างสะอานสะอ้านเลย ขับออกมาเจอฝุ่นเอย เศษกระจกบ้าง กระเด็นใส่เต็มไปหมด”
“ต้องยอมรับว่ามีจริงๆ กรณีปฏิเสธลูกค้า เหตุผลก็น่าจะคนขับหาเงินได้น้อย แล้วเจอลูกค้าโบกไปไกลจากจุดที่แท็กซี่อยู่ หรืออยู่ไกลจากบ้านของผู้ขับ แล้วก็กังวลว่าจะกลับมาส่งรถไม่ทัน อีกอย่างคือในเวลากลางคืนลูกค้าเรียกไปในสถานที่เปลี่ยว แล้วผู้เรียกมีลักษณะไม่น่าไว้วางใจบางอย่าง ต่อให้คนขับแท็กซี่เป็นผู้ชายเขาก็กลัว”
“เจอกันมาถ้วนหน้ากับเหตุการณ์นั่งแล้วไม่มีเงินจ่าย บางคนก็ลงรถเดินหนีไปเลย เราก็ทำอะไรไม่ได้ แต่เหตุการณ์จี้ปล้นยังไม่เคยเจอกับตัวเอง ก็ขอให้อย่าให้เจอเลย เพราะเราก็เป็นผู้หญิงไม่รู้ว่าจะสู้เขาอย่างไรหากเจอสถานการณ์ดังกล่าว"
“บางทีแท็กซี่วิ่งอยู่เลนสอง กำลังจะเบี่ยงออกเลนซ้าย แต่พอดีมีลูกค้าโบก แต่ผู้ขับก็ไม่สามารถเปลี่ยนเลนได้ เพราะจะต้องเบรกกระทันหันซึ่งอันตรายมาก การที่โบกปุ๊บแล้วจะให้รถจอดปั๊บเป็นไปไม่ได้เลย เพราะรถคันหลังจะชนเอา เกิดปัญหาวิวาทกันบนท้องถนนกับกรณีนี้ก็บ่อย แล้วลูกค้าบางคนโบกรถปุ๊บ แท็กซี่ก็พยายามค่อยๆ เข้าซ้ายเพื่อจอด แต่ก็จะเลยจุดที่ลูกค้ายืนโบกไปหน่อย ลูกค้าก็โกรธเราอีก กลับกลายเป็นไม่ขึ้นรถเรา ไปโบกคันหลังต่อ”
“สิ่งแรกที่แท็กซี่ทุกคันต้องทำคือ ปรึกษาเส้นทางกันว่าจะไปทางไหน ขึ้นทางด่วนไหม ต้องถาม อย่าไปตัดสินใจแทนลูกค้า เพราะลูกค้าเป็นผู้จ่ายเงิน และต้องถามว่าควรไปทางไหนดี เพื่อที่จะได้ไม่เกิดการโต้เถียงกันเรื่องเส้นทาง ลดการทะเลาะและนำมาซึ่งการคอมเพลนจากลูกค้า เพราะหากมีการคอมเพลนเกิดขึ้นครึ่งหนึ่ง เราก็ต่ออายุรถไม่ได้”
“สั้นๆ ค่ะ สู้เท่านั้น”
ติดตามรายการอยากเห็นเมืองไทยดีกว่านี้ ทางเนชั่นช่อง 22 ทุกวัน เวลา 14.00-14.30 น. รายการที่มีเจตนาถามหาแนวทางการแก้ปัญหาของคนไทยทุกคน