เรื่องราวของชีวิต ธุรกิจ ศิลปะ และวิธีคิดที่ผสมผสานได้อย่างน่าสนใจ ของ บุญชัย เบญจรงคกุล ประธานกรรมการของ บมจ. โทเทิล แอ็คเซส คอมมูนิเคชั่น (DTAC) และผู้ก่อตั้ง พิพิธภัณฑ์ศิลปะไทยร่วมสมัย MOCA ที่นำมาใช้ในการแก้ปัญหา ฝ่าฟันอุปสรรค จนยืนหยัดประสบความสำเร็จมากระทั่งทุกวันนี้
หากเอ่ยชื่อ บุญชัย เบญจรงคกุล หลายคนจะนึกถึงมหาเศรษฐี ผู้แจ้งเกิดให้กับ DTAC แต่อีกบทบาทหนึ่ง เขาคือผู้ก่อตั้ง พิพิธภัณฑ์ศิลปะไทยร่วมสมัย MOCA สถานที่ที่รวบรวมผลงานศิลปะ ระดับล้ำค่าเป็นจำนวนมาก
ซึ่งจากการที่คุณบุญชัย ให้สปริงนิวส์สัมภาษณ์อย่างเต็มอิ่ม ทำให้เราเห็นถึงแง่มุมต่างๆ ที่น่าสนใจมากมาย ชายผู้ซึ่งต้องแบกหนี้กว่า 300 ล้าน ขณะอายุเพียงยี่สิบกว่าปี และในช่วงวิกฤตต้มยำกุ้ง ต้องเป็นหนี้กว่า 4 หมื่นล้าน แต่แล้วเขาก็สามารถนำพาบริษัท ให้ผ่านพ้นทุกวิกฤตมาได้
และต่อไปนี้คือ เรื่องราวของวิธีคิด การดำเนินธุรกิจ และดำเนินชีวิต อย่างมีศิลปะ โดยเขาบอกเล่าว่า รักในการวาดภาพมาตั้งแต่เด็กๆ และหมายมั่นว่า เมื่อจบชั้นมัธยม จะร่ำเรียนด้านศิลปะอย่างจริงจัง
“ผมไปบอกพ่อว่า จบกรุงเทพคริสเตียน ผมจะไปเพาะช่าง แล้ววันหนึ่งท่านก็บอกว่า พาแม่ไปเที่ยวอเมริกาหน่อย โห โปรแกรมดีมากเลยครับ สุดยอด ดูแล้วอยากไป เพราะช่วงนั้น เพลงซานฟรานซิโก กำลังดัง ฮิปปี้กำลังดัง อยากเป็นฮิปปี้ ไว้ผมยาว
“ผมไป ไปฮาวาย ไปซานฟรานซิโก ไปแอลเอ ไปนิวยอร์ก แล้วท่านก็วนกลับมาที่ชิคาโก ใกล้ๆ โรงงานโมโตโรล่า ที่คุณพ่อเป็นเอเย่นต์ พอถึงตรงนั้นปั๊บ คุณแม่ก็บอกว่า เดี๋ยวแม่จะไปต่อแล้ว ผมก็ อ้าว หมายความว่าไง แม่จะไปต่อ แม่บอกว่า บุญชัยอยู่ที่นี่แหละ
“ผมก็บอกว่า ไม่ได้เตรียมตัวมาเรียนนะ ผมไม่มียีนส์ ไม่มีอะไรเลย ผมมีแต่สูท มีแต่เสื้อผ้า รองเท้าแบบมาเที่ยวน่ะครับ แต่นั่นแหละครับ คือการที่… คุณพ่อผมจะเป็นคนมีกลยุทธ์เสมอ ในการทำอะไร ท่านจะไม่หัก หักน้ำใจคน แม้กระทั่งลูก ท่านก็จะใช้วิธีแบบนิ่มๆ”
“ท่านก็ให้ชีวิตผมน่ะ 3 ปีแรก อยู่บริษัทประกันภัย ผมก็ไม่เคยเข้าใจ แต่ว่าก็จริง ได้เรียนรู้ชีวิตเยอะมาก เพราะว่าผมไปขายประกันที่ทางเหนือ กับท่านณรงค์ วงศ์วรรณ ท่านก็บอกว่า เอาซิ ผมมีนายสถานีอยู่ 200 คน โรงบ่ม 200 แห่งทั่วภาคเหนือ แล้วก็ฝั่งลาว ถ้าคุณให้เขาโอเคในที่ประชุม ผมก็ซื้อ
“ในระหว่างนั้น เราต้องไปตามโรงบ่มต่างๆ พยายามไปขายประกัน เพื่อป้องกันลูกเห็บ กับแม่คะนิ้ง 2 อันนี้เกิดคนละเวลา เราต้องคุ้มครองเขาปีหนึ่ง 2 ช่วง
“นี่ก็เป็นบทชีวิตที่... ช่วงสุดท้ายของคุณพ่อเนี่ย 6 เดือนสุดท้ายเนี่ย ผมก็ดูแลท่านทั้งวัน ทุกวัน ได้เวลาคุยกัน แต่ผมเสียดายมากเลย เสียดายว่า เมื่อเวลาที่ผมมีโอกาสใกล้ชิดท่าน ผมกลับไปเถียงท่าน เพราะว่าแค่ท่านให้เราทำประกันภัย
“เถียงท่าน ทุกวัน แต่ท่านก็ชี้ให้เห็นว่า ไปดูที่ญี่ปุ่นซิ เขาพิมพ์กรมธรรม์ เหมือนพิมพ์ธนบัตร แต่ผมก็ยังไม่เข้าใจ เพราะว่าผมเป็นคนอายุ 24 ผมอยากไปเที่ยวกลางคืน ผมไม่อยากไปนั่งขายประกันภัย คอมมิชชั่น ขายได้หลังหนึ่ง บ้าน 3 พันบาท ผมก็ได้ 300 10 % ไม่ไหว
“แต่ที่ทางเหนือ สุดท้ายผมก็ขายได้ หลังจาก 3 เดือน กรมธรรม์ใบนั้น 2 ล้านกว่า ถือว่ากรมธรรม์ใหญ่มาก”
“เป็นคนที่เข้าใจศิลปะ ทำให้เข้าใจชีวิตดีกว่าคนอื่น ผมยกตัวอย่างให้ฟังนะครับ ซุนวู เล่าเรื่องยุทธศาสตร์ในการรบ เขายังเรียก Art of War ใช่ไหม Art of Susses , Art of Business Art ทำกาแฟ ทุกอย่าง Art หมด ศิลปะมันไม่ได้จำกัดความอยู่ที่ภาพเขียนนะ หรือประติมากรรม ต้องศิลป์น่ะ ต้องมีศิลป์น่ะ ในการทำอะไร”
“เป็นคนที่มองปัญหาและแก้ได้ ผมผ่านวิกฤต อ.สมหมาย ฮุนตระกูล ลดค่าเงินบาท ครั้งหนึ่ง แล้วก็วิกฤต ลดค่าเงินบาทต้มยำกุ้ง ผมผ่านมาได้นะ
“อันแรก (หนี้) 300 ล้าน แต่ว่าอันที่ 2 นี่ มัน (หนี้) 4 หมื่นล้าน แต่มันก็ผ่านได้ แล้วผมเป็นคนที่นั่งแกะน็อตได้ พันกันยังไงนะ นั่งแกะ
“เพราะว่าเวลาเราเรียนศิลปะ เราขึ้นเฟรมก่อน ขึ้นเฟรม ตอนสมัยผมเรียน คุณต้องไปซื้อไม้ ไม้แท่งหนึ่ง แล้วคุณต้องไปซื้อค้อน ซื้อตะปู มาตอกๆ คุณต้องไปซื้อที่ยิง ยิงข้างหลังผ้าใบ แล้วก็ไปซื้อสีเจสโซ่ สีขาว มาทาให้แห้ง แล้วถึงลงมือใช้ชาโคลสเก็ตช์ แล้วค่อยลงสี”
“ถ้าเราดูจากตรงจุดนั้น ไปถึงรูปวาดเสร็จแล้ว เราสามารถถอยหลังกลับไปได้ ว่าตอนเป็นสีขาว มันขึ้นร่างตรงไหน แล้วมันเริ่มวาดจากจุดไหน มาจุดไหน วาดจากดำ มาหาขาว หรือขาว ไปหาเข้ม ปัญหาธุรกิจ ปัญหาชีวิต ปัญหาทุกอย่าง มันคือตรงนี้
“คุณพ่อเสียชีวิตปุ๊บ มีหนี้ 300 ล้าน ทำยังไงวะ ขายอะไร หาเงินยังไง มีบริษัททอยู่ตั้งเป็น 10 กว่าบริษัท ไปทำบริษัทไหน หนี้ 300 ล้าน เราก็ต้องคิด ทีนี้เหลือธุรกิจไม่กี่อย่าง ก็นั่งคิดว่า อันไหนปิด อันไหนอยู่ มันก็คิดได้
“คือเราเป็นศิลปิน คือผมไม่ถึงขั้นเป็นศิลปินหรอก คนทำงานศิลปะ เราก็ต้องคิดใช่ไหม คิดถึงธุรกิจโทรคมนาคมของพ่อ ที่พ่อเริ่มเป็นอย่างแรก
“พอคิดถึงอันนั้นก็เลยแบบ เออ เวลาผมคิดไม่ออก ผมชอบไปพูดกับตัวเองในห้องน้ำ พูดในกระจก ตราบใดที่คนยังต้องใช้ปากพูดกับหูฟัง ธุรกิจนี้มันขายได้
“แล้วธุรกิจนี้นะอยู่ที่ว่าอึดแค่ไหน ตั้งแต่ 8 โมงเช้าถึง 4 โมงครึ่งตอนเย็น ไปได้กี่ที่ ทุกวัน ไปขายของทุกที่ ทุกหน่วยราชการขายได้หมด กองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ ตำรวจ มามหาดไทย ไปการไฟฟ้า ไปการสื่อสาร ไปองค์กรโทรศัพท์ วันหนึ่งคุณไปหมดไหม ทุกที่ต้องซื้อของ ทุกที่มีของขายได้ ผมก็กลับมาปัดฝุ่นอันนี้ แล้วก็เพิ่มพนักงาน
“ผมจำได้ไปที่สภาพัฒน์ ท่าน ผอ. ท่านก็เห็นด้วย รัฐวิสาหกิจควรจะแข่งขันกัน ได้ ผมก็คิดว่าน่าจะนำเสนอเรื่องนี้ให้เขามีการแข่งขันกัน ประชาชนจะได้ประโยชน์ แต่ว่าคุณคิดว่า จะมีคนใช้สักเท่าไหร่ล่ะ เกิน 3 พันไหม ผมบอกว่า ผมว่านะ 3 หมื่นนะครับท่าน ผอ. ทุกวันนี้ 100 กว่าล้านเบอร์ (หัวเราะ)”
“โห หนักมากครับ หนักมากเพราะว่า เราไม่ได้ประกันค่าเงินไว้ ก่อนอื่นก็ต้องนั่งตั้งสติก่อน โอเคหนี้เท่าไหร่ปล่อยไปก่อน เพราะมันแสนล้าน หมื่นล้าน ห้าพันล้าน มันไม่ต่างกัน เพราะไม่มีปัญญาจ่าย ตายไปแล้วก็จ่ายไม่ได้ ไม่มีปัญหาจ่าย
“สมมติว่าเรามีอยู่แสนล้าน ราคาหุ้น วันนี้ราคาหุ้นเรา เท่ากับลบ 5 หมื่นล้าน โทษทีครับ มันโชคร้ายยิ่งกว่าคนที่ไม่มีตังค์มากกว่า 100 บาทในกระเป๋า อันนั้นมีแค่ร้อยบาท คุณคนนั้นมีแค่ร้อยบาท แต่เราไม่มีร้อยบาท ซ้ำยังมีเจ้าหนี้ 5 หมื่นล้าน เฉพาะดอกเบี้ยของห้าหมื่นล้าน ก็ไม่ต้องหลับแล้ว
“ฉะนั้นต้องทำอย่างไร ผมก็ว่า ก่อนอื่นต้องให้เจ้าหนี้หยุดคลั่งก่อน เจ้าหนี้ต้องหยุดก้าวร้าวเรา เจ้าหนี้เรามี 50 เจ้า ต้องหยุด หยุดที่จะทำการมาแบบประชุมผู้ถือหุ้น แล้วก็ฉีกเราเป็นชิ้นๆ ไป คนนั้นจะเอาแขนไป คนนั้นจะเอานิ้วไป ต้องไม่ เราต้องให้มันนิ่งน่ะ
“ผมไปที่แบงก์ชาติ แล้วผู้ว่าฯ ท่านก็เห็นด้วยนะ ผมเห็นด้วยกับคุณนะ เพราะตอนนี้ ทุกบริษัทแตกตื่นกันหมดเลย กำลังผวา แล้วคุณจะทำยังไรล่ะ ผมบอกว่าอยากให้ท่านจัดการพบปะระหว่างลูกหนี้กับเจ้าหนี้ โดยแบงก์ชาติเป็นโต้โผว่า แบงก์เนี่ยจะเป็นคนนำลูกหนี้ทั้งหลายในเมืองไทย ให้เข้าสู่ระบบ
“ระบบที่เราพูดถึงก็คือ ยอมรับหนี้ทั้งหมด ไม่ขอลดหนี้ เพราะว่ามันไม่ใช่ความผิดของเจ้าหนี้ ไม่ขอลดดอกเบี้ย เพราะว่ามันไม่ใช่ความผิดของเจ้าหนี้ ขอเวลาเรา หนึ่งปีถึง 2 ปี เพื่อให้เราหาทางได้ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ว่า ขายกิจการบางส่วนเพื่อจะมาใช้หนี้ทุกคน ซึ่งพอเขาฟังว่าไม่ลดหนี้ ไม่ลดดอกเบี้ย เจ้าหนี้ที่มาวันนั้นเขาก็โอเค
“ต้มยำกุ้งเนี่ย ทำลายบริษัทใหญ่ กับบริษัทขนาดกลางเกือบ 100 % แต่เราก็ยังอยู่มาได้ ถามว่าหลังจากวันนั้น ปี 40 มาถึงปี 63 เนี่ย ใช้เวลากี่ปี อยู่โรงพยาบาล ปี 40 ถึงปี... อย่างน้อยก็ต้องปี 52
“เรียกว่า อยู่โรงพยาบาล 12 ปี แล้วหลังจากนั้นก็เริ่มฟื้นฟู เข้ากายภาพบำบัด มาจนกระทั่งปลายๆ ปี 56 – 57 อะไรอย่างนี้ เริ่มแข็งแรงขึ้น เริ่มแข็งแรงขึ้นเรื่อยๆ”
“เริ่มต้นอาจารย์ถวัลย์ ท่านก็บอกว่า ขอเป็นประธาน แต่ท่านก็เสียชีวิตก่อนที่จะมาเป็นประธานที่นี่ เราจะทำด้วยกัน แต่ผมจะสั่งเสียอย่างเดียวคือ ไม่ได้สั่งเสียหรอก ท่านขอสั่งงานอย่างเดียวว่า ชั้นของอาจารย์เนี่ย รูปสีแดงให้ทาผนังสีดำ โอเค ไม่เถียงอาจารย์ รูปดำของท่าน ให้ทาสีแดง แต่ก่อนยังไม่มีใครทาผนังสีดำ สีแดง ห้องขนาดนั้นนะครับ เอา แล้วแต่อาจารย์ พอแขวนขึ้นไปสวยจริงๆ”
“เช่นรูปอาจารย์ถวัลย์ มีอยู่รูปหนึ่ง ข้างบนน่ะครับ เป็นลิงหาวอยู่ ลิงบาบูนหาว เห็นเขี้ยวยาวเลย แล้วข้างบนเป็นพระพักตร์ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ดูทั่วไป คนก็นึกว่า เอาลิงมาอยู่ข้างล่างพระพุทธเจ้า
“อาจารย์บอกว่า ไม่ใช่ อันนี้เปรียบเทียบใจคน ใจคนไวเหมือนลิง แต่ถ้าเราสงบลิงเมื่อไหร่ ใจเราจะเป็นพระ”
“ช่วง 7 ปีที่ผ่านมาเนี่ย ผมอยู่ได้เพราะว่า ทัวร์มาดู 80 % เป็นคนต่างชาติมาดู ก็เหมือนเราไปเมืองนอก เราก็จะไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์ ฝรั่ง ญี่ปุ่น เกาหลี จีน เขาก็จะมาดูที่นี่ ใช่ไหมครับ พอช่วงโควิด ตายเลย
“แต่ด้วยบุญกุศลที่เราสร้างไว้ดี ก็มีคนไทยมาเมตตา มาถ่ายรูปกัน คึกคัก มาถ่ายรูปกัน ก็เป็นอะไรที่ผมสร้างบุญสร้างกุศล ก็ส่งผลทันตาเหมือนกัน
“จากธุรกิจสู่ศิลปะ จากศิลปะสู่ธุรกิจ ก็เป็นอะไรที่ผมคิดว่า ก็ครบวงจร แต่อย่างหนึ่งที่อยากจะให้เห็นว่า คนเราอย่าท้อ ถ้าเราได้ยินว่า โห จะมีพิพิธภัณฑ์ใหญ่กว่าเรา 2 เท่า ถึง 2 แห่ง แล้วอยู่กลางเมืองด้วย หลายคนอาจจะคิดว่าต้องเริ่มขายทิ้ง แล้วเปลี่ยนเป็นอาคารออฟฟิศ หรือว่าอะไร แต่ผมไม่หรอก
“ผมเชื่อมั่นในตัวเอง 1. ผมเป็นจิตรกร 2. ผมรู้เรื่องศิลปะ 3. ผมรู้จักผู้คนในวงการดี แล้วก็ 4 ผมเป็นนักคิด ฉะนั้นผมจะต้องรอดได้ ฉะนั้นผมจะต้องพาที่นี่ ไปให้รอดให้ได้”
“วันนี้เหลือแต่ว่า ผมจะทำอะไรดีๆ ไว้ให้เป็นสมบัติกับลูก ไม่ใช่เงิน เพราะว่าผมได้ดีเพราะเพื่อนพ่อ เพื่อนพ่อ 2-3 คนก็พ่อแล้ว แม้กระทั่งคนเดียวก็พอแล้ว
“ทุกคนที่ช่วยผมเนี่ย ทุกท่านที่ช่วยผมเนี่ย เพราะว่าเขาบอกว่า ผมรักคุณพ่อคุณ คุณพ่อคุณเป็นคนดี หรือว่าลุงรักพ่อนะ พ่อเขาเป็นคนดี ไม่เป็นไร ลุงช่วยเอง
“หนี้ ผมมีหนี้อยู่ 300 ล้าน แต่ผมมีลุง มีท่านเหล่านั้นอุ้มผม เพราะว่าท่านเมตตา ท่านอุ้มลูกคุณสุจินต์ ให้พ้นจากอันตราย ท่านก็จะรู้สึกดีว่า เอ่ย ถ้าคุณสุจินต์อยู่บนสวรรค์ คุณสุจินต์ก็จะเห็น แล้วก็รู้นะ ว่าเราเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน คุณสุจินต์จากไปแล้ว ผมก็ดูลูกให้ จนเขาพ้นจากปากเสือ
“ตรงนี้ถามว่า ผมจะทิ้งศัตรูไว้เต็มให้ลูก หรือผมจะทิ้งสิ่งดีงาม แบบที่พ่อทิ้งไว้ให้ผม”