ลิโอเนล เมสซี กัปตันทีมชาติอาร์เจนตินาคว้ารางวัลลูกบอลทองคำ หรือ บัลลงดอร์ 2023 ไปครอง โดยเป็นสมัยที่ 8 ของเมสซี่ ในค่ำคืน 30 ตุลาคม 2023 ที่ผ่านมา และเขาคือ นักฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกฟุตบอลยุคใหม่
คงไม่มีอะไรสุดยอดไปกว่ากว่านี้อีกแล้ว กับความยิ่งใหญ่ของ ลิโอเนล เมสซี่ กัปตันทีมชาติอาร์เจนตินาคว้ารางวัลลูกบอลทองคำ หรือ บัลลงดอร์ 2023 ไปครอง โดยเป็นสมัยที่ 8 ของเมสซี่ ในค่ำคืน 30 ตุลาคม 2023 ที่ผ่านมา และเขาคือ นักฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกฟุตบอลยุคใหม่
สำหรับ ลิโอเนล เมสซี่ ได้รางวัล บัลลงดอร์ ถือว่าไม่ใช่เรื่องเซอร์ไพรส์ใดๆ เพราะก่อนหน้านี้ เขาเคยได้มา 7 ครั้งแล้ว , และมี กระแสข่าวว่า กัปตันทีมชาติอาร์เจนติน่า จะได้รางวัลนี้ เป็นเดือนแล้ว
ผลงานอันยอดเยี่ยมของ ลิโอเนล เมสซี่ ในวัย 36 ปี ที่ได้รางวัลบัลลงดอร์ อยู่ที่การพาทีมชาติอาร์เจนติน่า คว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 2022 ไปครองได้อย่างยิ่งใหญ่ และเป็นบัลลงดอร์สมัยที่ 8 ของเจ้าตัว ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดตลอดกาล ท่ามกลางความยินดีของครอบครัวที่เดินทางมาร่วมยินดีด้วยในครั้งนี้ อย่างไรก็ตาม มีกระแสดราม่าเล็กๆ กับ เพราะอีกกระแสหนึ่ง ก็หนุนว่า เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ Erling Haaland กองหน้าทีมชาตินอร์เวย์ ของสโมสรแมนฯซิตี้ ที่ได้ 3 แชมป์ได้ พรีเมียร์ลีก, เอฟเอคัพ และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ก็ควรได้รางวัลปีนี้เช่นกัน
สำหรับ กติกาของโหวตบัลลง ดอร์ ปี 2023 และ เกณฑ์การให้คะแนน
• คนที่มีสิทธิ์โหวต คือนักข่าวจากชาติที่มีฟีฟ่าเวิลด์แรงค์กิ้ง อันดับ 1-100 ของโลกเท่านั้น ดังนั้นปีนี้ จึงไม่มีนักข่าวไทยที่โหวตได้ เพราะไทยอยู่อันดับ 112 ของโลก
• การนับผลงาน จะนับระหว่างเดือน สิงหาคม 2022 ถึง มิถุนายน 2023 นับเป็นซีซั่น (2022-23) ไม่ได้นับเป็นปีปฏิทิน แปลว่าผลงานของเมสซี่ที่ได้แชมป์ลีกส์ คัพ กับอินเตอร์ ไมอามี่ ก็จะไม่ถูกนับรวมด้วย
• ถ้านับจำนวนประตู ที่ยิงได้ในฤดูกาล 2022-23 เมสซี่ยิงได้ 41 ลูก ฮาแลนด์ยิงได้ 56 ลูก
• เมเจอร์โทรฟี่ รายการใหญ่ๆ "คิงลีโอ" ลิโอเนล เมสซี่ได้แชมป์ฟุตบอลโลก 2022 และ แชมป์ลีกเอิง ส่วนเออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ได้ พรีเมียร์ลีก, เอฟเอคัพ และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก
• ความสำเร็จส่วนตัว เมสซี่ได้เป็น MVP ในฟุตบอลโลก 2022 ส่วนฮาแลนด์ ได้ดาวซัลโวพรีเมียร์ลีก อังกฤษ, นักเตะยอดเยี่ยมทุกสถาบันของฟุตบอลอังกฤษ, ดาวซัลโวยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก และ รางวัลรองเท้าทองคำ
หากวิเคราะห์กันแบบตามเนื้อผ้าแล้ว คือ ลิโอเนล เมสซี่ แนวรุกอาร์เจนตินา โดดเด่นมากในฟุตบอลโลก ส่วนกับสโมสรก็ธรรมดา ส่วนเออร์ลิ่ง ฮาแลนด์โดดเด่นมากในระดับสโมสร แต่ทีมชาติไม่เด่น เพราะนอร์เวย์ไม่ได้ไปฟุตบอลโลก
ดังนั้น คำถามสำคัญ คือ แล้วทำไมลิโอเนล เมสซี่ได้รางวัลนี้ในปี 2023 คำตอบก็เห็นชัดอยู่แล้ว เพราะเขาคือ MVP ของฟุตบอลโลก และพาอาร์เจนติน่าคว้าแชมป์ได้สำเร็จ ถ้าเรามองในมุมว่าฟุตบอลโลกคือ "ที่สุด" ของโลกลูกหนัง บทสนทนานี้ก็ควรจะจบ ไม่ต้องพูดต่อกันแล้ว
อย่างไรก็ตาม การถกเถียงก็ยังคงมีอยู่ถึงตรงนี้ ว่าเมสซี่ สมควรได้รับบัลลงดอร์ที่ 8 มากไหม นั่นเพราะบรรทัดฐานของการโหวตรางวัลเปลี่ยนไปตลอด และก็บังเอิญที่แทบทุกครั้ง คนที่ได้ประโยชน์จากเรื่องนี้ คือลิโอเนล เมสซี่
อย่างไรก็ตาม จากบทสรุป บัลลงดอร์ 2023 แล้ว เชื่อว่า นี่อาจจะเป็นครั้งสุดท้าย ที่ ลิโอเนล เมสซี่ ได้บัลลง ดอร์ เป็นครั้งสุดท้าย เหตุผลก็คือ ด้วยวัยที่เขาล่วงเลยสู่บั้นปลายชีวิตการค้าแข้งอยู่แล้ว และการที่เขาย้ายไปค้าแข้งสหรัฐฯ ก็ถือว่า อยู่ ไกลปืนเที่ยง และ ไกลจากแสงสปอร์ตไลท์ วงการฟุตบอลแล้ว , ส่วนบัลลง ดอร์ 2023 อันดับ 2 เป็นของ เออร์ลิง ฮาลันด์ กองหน้าชาวนอร์เวย์ ที่พาแมนเชสเตอร์ ซิตี้ คว้า 3 แชมป์เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา ส่วนอันดับ 3 เป็น คีลิยัน เอ็มบัปเป้ กองหน้าชาวฝรั่งเศส ของเปแอสเช
8 สมัย : ลิโอเนล เมสซี่ ปี 2009, 2010, 2011, 2012, 2015, 2019, 2021, 2023
5 สมัย : คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ปี 2008, 2013, 2014, 2016, 2017
3 สมัย : มิเชล พลาตินี่ ปี 1983, 1984, 1985
3 สมัย : โยฮัน ครัฟฟ์ ปี 1971, 1973, 1974
3 สมัย : มาร์โก้ ฟาน บาสเท่น ปี 1988, 1989, 1992
2 สมัย : ฟรานซ์ เบคเคนบาวเออร์ ปี 1972, 1976
2 สมัย : โรนัลโด้ 1997, 2002
2 สมัย : อัลเฟรโด้ ดิ สเตฟาโน่ 1957, 1959
2 สมัย : เควิน คีแกน 1978, 1979
2 สมัย : คาร์ล-ไฮนซ์ รุมเมนิเก้ 1980, 1981
1 สมัย : หลุยส์ ซัวเรส 1960 , ยูเซบิโอ 1965 , บ๊อบบี้ ชาร์ลตัน 1966 , เรย์มงด์ เกป้า 1958, แกรด มุลเลอร์ 1970, ซีเนอดีน ซีดาน 1998, จิอันนี่ ริเวร่า 1969 , รุด กุลลิท 1987 , โลธ่าร์ มัทเธอุส 1990, โรแบร์โต้ บาจโจ้ 1993 , ฮริสโต้ สตอยคอฟ 1994, อังเดร เชฟเชนโก้ 2004 , จอร์จ เบส 1968 , อัลเลน ซิมอนเซ่น 1977 , โรนัลดินโญ่ 2005 , สแตนลี่ย์ แมทธิว 1956 ,โอมาร์ ซิโวรี่ (1961) , โจเซฟ มาโซปุส 1962, เลฟ ยาชิน 1963 , เดนิส ลอว์ 1964, ฟลอเรียน อัลแบร์ 1967 , โอเล็ก บล็อกกิน 1975, เปาโล รอสซี่ 1982 , อิกอร์ เบลานอฟ 1986, ฌอง-ปิแอร์ ปาแปง 1991,จอร์จ เวอาห์ 1995, มาเธอัส ซามเมอร์ 1996, ริวัลโด้ 1999, หลุยส์ ฟิโก้ 2000,ไมเคิล โอเว่น 2001,พาเวล เน็ดเว็ด 2003,ฟาบิโอ คันนาวาโร่ 2006,กาก้า 2007,ลูก้า โมดริช 2018, คาริม เบนเซม่า 2022
รางวัลดาวรุ่งยอดเยี่ยมแห่งปี หรือรางวัลโกปา โทรฟี ก็ไม่พลิกโผเช่นกัน หลังตกเป็นของ จูด เบลลิงแฮม กองกลางวัย 20 ปี จากสโมสรเรอัล มาดริด
โดยจูด เบลลิงแฮม ทำผลงานโดดเด่นกับโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ตั้งแต่ฤดูกาลก่อน โดยยิงไป 14 ประตู จาก 42 เกม ก่อนย้ายมายังเรอัล มาดริด ในฤดูกาลนี้ และโชว์ฟอร์มได้ยอดเยี่ยมกว่าเดิม หลังยิง 13 ประตู จาก 13 เกม กับทีมราชันชุดขาว
ขณะที่ เออร์ลิง ฮาลันด์ กองหน้าทีมชาตินอร์เวย์ของสโมสรแมนฯ ซิตี้ ได้รับรางวัลแกร์ด มุลเลอร์ หรือดาวยิงสูงสุดประจำฤดูกาลที่ผ่านมา หลังยิงไปทั้งหมด 56 ประตู จากการลงสนาม 57 นัด และยังมีอีก 9 แอสซิสต์ พาทีมเรือใบสีฟ้าคว้าทริปเปิลแชมป์ได้สำเร็จด้วย
ส่วน สโมสร แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ยังได้รับรางวัลทีมชายแห่งปี 2023 จากการที่มีผู้เล่นได้รับการเสนอชื่อชิงบัลลงดอร์ชายถึง 7 คน ส่วนทีมหญิงแห่งปีเป็นทางด้านบาร์เซโลนา ที่คว้าดับเบิลแชมป์ทั้งลาลีกาหญิงและยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกหญิง
ส่วนรางวัลบัลลงดอร์ฝ่ายหญิงตกเป็นของ ไอตานา บอนมาตี กองกลางวัย 25 ปี จากบาร์เซโลนา กับผลงานสำคัญคือการพาทีมชาติสเปนคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 2023 ที่ ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์เป็นเจ้าภาพ
ขณะที่รางวัลยาชินหรือผู้รักษาประตูยอดเยี่ยม เป็นของ เอมิเลียโน มาร์ติเนซ แห่งทีมชาติอาร์เจนตินาและสโมสรแอสตัน วิลล่า
ส่วนรางวัลโซคราเตส ซึ่งมอบให้กับผู้ทำประโยชน์แก่สังคม ตกเป็นของ วินิซิอุส จูเนียร์ นักเตะเรอัล มาดริด ที่มีมูลนิธิเพื่อให้โอกาสกับเด็กๆ ในบราซิลบ้านเกิด
ข่าวที่เกี่ยวข้อง