ทางการกาตาร์เปลี่ยนใจ สั่งห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทั้งในและรอบบริเวณสนามแข่งขันฟุตบอลโลก 2022 ทั้ง 8 แห่ง
ฟุตบอลโลก 2022 กับประเด็นการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ถือได้ว่าเป็นเรื่องที่ผู้คนจับจ้องและให้ความสนใจ เพราะ สาเหตุเนื่องมาจากการที่กาตาร์เป็นประเทศมุสลิม ซึ่งแอลกอฮอล์นั้นผิดกฎศาสนาอย่างเด็ดขาด ... ซึ่งตอนแรกมีทิศทางว่าจะสามารถ ผ่อนปรนให้สามารถขายได้ในตอนแรก แต่ทว่า พอ ฟุตบอลโลก 2022 จะเปิดฉากเริ่มขึ้นจริงๆ ความเปลี่ยนแปลงก็มาอีกครั้ง เมื่อ ทางการกาตาร์เปลี่ยนใจ สั่งห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทั้งในและรอบบริเวณสนามแข่งขันทั้ง 8 แห่ง
ทางราชวงศ์กาตาร์ เรียกร้องห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในสนามฟุตบอลโลก 2022 ซึ่งเรื่องดังกล่าว ทำให้ กาตาร์ ต้องบีบฟีฟ่า ให้แบนแอลกอฮอล์ในสนามในนาทีสุดท้าย แม้ว่าในศึกฟุตบอลโลก 2022 จะมีเบียร์เจ้าดังเป็นสปอนเซอร์ก็ตาม โดยการสั่งห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ครั้งนี้ อาจส่งผลให้เกิดการละเมิดข้อตกลง ระหว่างฟีฟ่า กับ บัดไวเซอร์ เบียร์ชื่อดัง ที่มูลค่าหลายล้านปอนด์
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ฟีฟ่า กำลังอยู่ภายใต้ความกดดันอย่างหนักในการพยายามดันแอลกอฮอล์ ให้กลับมาขายในสนามอีกครั้ง ซึ่งหากผิดสัญญาจะเกิดความเสียหายอย่างแน่นอน สื่อดังเชื่อว่าตอนนี้ บัดไวเซอร์ น่าจะไม่สามารถขายเบียร์ในสนามได้แล้ว ภายหลังราชวงศ์กาตาร์ ตัดสินใจสุดท้าย
สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือ ฟีฟ่า FIFA ทำได้เพียงออกแถลงการณ์ยอมรับในการตัดสินใจว่า "หลังการหารือระหว่างทางการของเจ้าภาพและฟีฟ่า ได้มีการตัดสินให้สามารถขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ภายในบริเวณ ฟีฟ่า แฟน เฟสติวัล, จุดท่องเที่ยวอื่น ๆ และจุดที่ได้รับอนุญาต โดยจะนำจุดจำหน่ายออกไปจากบริเวณสนามแข่งขันฟุตบอลโลก อย่างไรก็ตาม สำหรับเครื่องดื่มไร้แอลกอฮอล์รวมถึงเบียร์ไร้แอลกอฮอล์ยังคงมีจำหน่ายที่สนามแข่งขันตามเดิม ทางการของเจ้าภาพและฟีฟ่าจะพยายามทำเพื่อให้แน่ใจว่า บรรยากาศภายในและรอบสนามจะยังเป็นไปด้วยความสนุกสนาน ความเคารพ และสร้างประสบการณ์ที่น่าประทับใจแก่แฟน ๆ ทุกคน รวมถึงต้องขอบคุณผู้สนับสนุนอย่างเป็นทางการที่เข้าใจและให้การสนับสนุนไว้ ณ โอกาสนี้"
ก่อนหน้านี้ ฟีฟ่า เพิ่งยอมย้ายซุ้มเบียร์ที่เป็นสปอนเซอร์หลักให้ไปอยู่ในตำแหน่งที่เห็นได้น้อยลง หลังได้รับการร้องขอจากฝ่ายจัดการแข่งขันของประเทศกาตาร์ ขณะที่เดียวทาง นิวยอร์ค ไทม์ ได้อ้าวว่าชีค ยาสซิม บิน ฮาหมัด บิน คาลิฟา อัล-ธานี ที่อยู่ในราชวงค์กาตาร์คือผู้อยู่เบื้องหลังการเปลี่ยนแปลงนี้
ที่มา nytimes