ทานตะวันอุตสาหกรรม พัฒนาผลิตภัณฑ์คาร์บอนต่ำ ตอบโจทย์ลดโลกร้อนหนุนสัดส่วนรายได้ที่มาจากผลิตภัณฑ์สีเขียว พร้อมมุ่งสู่การเป็นองค์กรรักษ์โลกและเติบโตอย่างยั่งยืนในทุกมิติ
การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ (climate change) ภาวะโลกร้อน นับเป็นปัญหาใหญ่ที่ทุกคนให้ความสำคัญและตระหนักถึงผลกระทบในระยะยาว โดยเฉพาะภาคธุรกิจหันมามุ่งเน้นผลิตภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อม ตอบโจทย์เทรนด์รักษ์โลกมากขึ้น
นายเอกพล พงศ์สถาพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทานตะวันอุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจำหน่ายบรรจุภัณฑ์คุณภาพระดับสากล เปิดเผยว่า “บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับเทรนด์การสร้างความยั่งยืนมาโดยตลอด และพยายามลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมให้มากที่สุด ซึ่งถือเป็นหัวใจหลักของการดำเนินธุรกิจ โดยนำเอานวัตกรรมและเทคโนโลยีมาใช้ในการพัฒนาประสิทธิภาพการผลิต รวมไปถึงการมองหาวัตถุดิบทางเลือกใหม่ ควบคู่ไปกับการดำเนินโครงการหลายรูปแบบ ให้สอดรับกับไลฟ์สไตล์รักษ์โลกของผู้บริโภคที่เห็นชัดเจนขึ้น
นอกจากนี้ในปัจจุบันการลงทุนอย่างยั่งยืน มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทั้งในฝั่งของผลิตภัณฑ์ และความต้องการลงทุน แม้จะมีโจทย์ท้าทายว่าจะทำอย่างไรให้สินค้ารักษ์โลกที่มีต้นทุนสูง สามารถจำหน่ายในราคาใกล้เคียงกับผลิตภัณฑ์ทั่วไป และสามารถแข่งขันในด้านราคาได้ เพื่อดูแลสิ่งแวดล้อมในระยะยาว ทานตะวันอุตสาหกรรม พร้อมผลักดันสินค้ารักษ์โลกให้สามารถเข้าถึงทุกๆ คนอย่างเท่าเทียม ควบคู่ไปกับการส่งเสริมให้ผู้บริโภคใช้พลาสติกให้ถูกวิธี ใช้ซ้ำให้บ่อย และจัดการหลังการใช้ให้ถูกต้อง เพื่อไม่ให้พลาสติกถูกทิ้งอยู่ในสิ่งแวดล้อม”
ทานตะวันอุตสาหกรรม เดินหน้าตอกย้ำการพัฒนาธุรกิจให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง ชี้เทรนด์รักษ์โลกเปลี่ยนวิถีผู้บริโภคในอนาคต ปรับเพิ่มสัดส่วนผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมออกสู่ตลาด โดยมีกลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อม อาทิ SUNBIN ถุงขยะจากเม็ดพลาสติกรีไซเคิล 100% ที่เริ่มผลิตและจำหน่ายตั้งแต่ไตรมาส 1 ปี 2564 ได้กระแสตอบรับเป็นอย่างดี นอกจากนี้ ยังมีหลอดดูดน้ำพกพา SUNECO Straw สามารถนำกลับมาใช้ซ้ำ และ SUNBIO ผลิตภัณฑ์สลายตัวได้โดยธรรมชาติ 100% เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เป็นต้น ล่าสุดส่งผลิตภัณฑ์ SUNSTRAW Green PE หลอดลดโลกร้อน รายแรกและรายเดียวที่ได้รับรองฉลากเขียว จากสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย มีส่วนช่วยลดการเกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในชั้นบรรยากาศ หนุนแก้ปัญหาผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจากก๊าซเรือนกระจก
“ปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนยอดขายต่างประเทศราว 80 - 85% ขณะที่ในประเทศมีสัดส่วนรายได้ 15-20% ซึ่งเติบโตขึ้นเป็นลำดับ โดยบริษัทฯ มีการปรับกลยุทธ์เน้นหาลูกค้าใหม่ในตลาดยุโรป อเมริกา และภูมิภาคอื่นเพิ่มมากขึ้นด้านตลาดในประเทศฟื้นตัวและเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากปีก่อน โดยบริษัทฯ เน้นสร้างการรับรู้ผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์
ของบริษัทฯ ในกลุ่มเป้าหมายเพิ่มมากขึ้น และขยายช่องทางการจำหน่ายให้หลากหลาย ทั้งห้างสรรพสินค้า ร้านค้าปลีก ร้านสะดวกซื้อ และช่องทางออนไลน์ในมาร์เก็ตเพลส รองรับพฤติกรรมการซื้อสินค้าของผู้บริโภคในทุกๆ กลุ่ม” นายเอกพลกล่าว
ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังคงสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ ผ่านการออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่แตกต่าง ภายใต้แนวคิดการรักษ์โลกและประหยัดพลังงาน เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดและมอบทางเลือกให้ลูกค้ามากขึ้น พร้อมเดินหน้าหาตลาดใหม่ทั้งในและต่างประเทศ เพื่อเอื้อธุรกิจเติบโตในระยะยาว และเสริมความแข็งแกร่งของแบรนด์ SUN ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น