svasdssvasds

ตึกประกันสังคมถึงค่าโง่คลองด่าน กลโกงซื้อถูกขายหลวงแพง

ตึกประกันสังคมถึงค่าโง่คลองด่าน กลโกงซื้อถูกขายหลวงแพง

ตึกประกันสังคมถึงค่าโง่คลองด่าน วงจรเดิมๆ ของการทุจริตเชิงนโยบายที่ใช้ช่องทางเพื่อหาผลประโยชน์เข้ากระเป๋าของตนเอง

SHORT CUT

  • คดีคลองด่านคือการทุจริตเชิงนโยบาย โครงการนี้มีมูลค่าสูงถึง 22,900 ล้านบาท และมีการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขสัญญาที่เอื้อประโยชน์แก่ผู้รับเหมา เช่น การย้ายที่ตั้งโครงการและการถอนตัวของบริษัทที่มีประสบการณ์
  • โดยเป็นการมีการกว้านซื้อที่ดินจากชาวบ้านในราคาหลักหมื่นบาทต่อไร่ แล้วนำไปขายต่อให้กรมควบคุมมลพิษในราคาหลักล้านบาทต่อไร่
  • สะท้อนให้เห็นถึงกลโกงของนักการเมืองที่ใช้ช่องทางนโยบายรัฐในการหาผลประโยชน์ให้ตนเอง

ตึกประกันสังคมถึงค่าโง่คลองด่าน วงจรเดิมๆ ของการทุจริตเชิงนโยบายที่ใช้ช่องทางเพื่อหาผลประโยชน์เข้ากระเป๋าของตนเอง

กลายเป็นเรื่องฉาวโฉ่อีกครั้งเมื่อมีการเปิดที่มาของตึก SKYY9 Centre ตึกย่านพระราม 9 ที่ขายให้กับกองทุนประกันสังคม 7 พันล้าน ทั้งๆ ที่มูลค่าจริงมีราคาเพียง 3 พันล้านบาท โดยมีข้อมูลว่าเป็นบุตรชายของนักการเมืองเบอร์ใหญ่ อักษรย่อ "ส.เสือ"

ตึกประกันสังคมถึงค่าโง่คลองด่าน กลโกงซื้อถูกขายหลวงแพง

หากมองย้อนไปในอดีตเรื่องการกว้านซื้อทรัพย์สินที่มูลค่าถูกของนักการเมืองผู้มีอำนาจแล้วนำมาขายให้หลวงหรือหน่วยงานราชการแพงนั้นเคยเกิดขึ้นมาหลายครั้งหลายหน โดยคดีที่โด่งดังที่สุดคงไม่พ้นคดี "ค่าโง่คลองด่าน" ในจังหวัดสมุทรปราการ

ตึกประกันสังคมถึงค่าโง่คลองด่าน กลโกงซื้อถูกขายหลวงแพง

โครงการจัดการน้ำเสียคลองด่าน จังหวัดสมุทรปราการ เป็นโครงการที่มีมูลค่าสูงถึง 22,900 ล้านบาท ซึ่งกลายเป็นที่รู้จักในฐานะ 'มหากาพย์การทุจริตในประเทศไทย' โครงการนี้เริ่มต้นขึ้นในปี 2541 เมื่อชาวบ้านในตำบลคลองด่านเริ่มสังเกตเห็นป้ายโครงการจัดการน้ำเสีย ด้วยความสงสัยและความกังวลว่าโครงการนี้จะส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตและแหล่งทำมาหากินของพวกเขา ทำให้ชาวบ้านรวมตัวกันเพื่อต่อต้านโครงการ เรื่องราวนี้ไม่ได้เป็นเพียงการต่อต้านโครงการของรัฐ แต่เป็นการต่อสู้ของประชาชนกลุ่มเล็กๆ ที่สามารถล้มโครงการขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยความไม่ชอบมาพากลได้

จุดเริ่มต้นและการรวมตัวของชาวบ้านปมค่าโง่คลองด่าน

ในปี พ.ศ. 2541 ชาวบ้านในคลองด่านเห็นป้ายโครงการจัดการน้ำเสีย และเริ่มสงสัยว่าเหตุใดจึงต้องมีบ่อบำบัดน้ำเสียในพื้นที่ของตน

ดาวัลย์ จันทรหัสดี: แม่ค้าขายอาหารตามสั่ง กลายเป็นแกนนำสำคัญในการต่อต้านโครงการ เธอเริ่มจากการตั้งคำถามว่าทำไมต้องนำน้ำเสียจากโรงงานอุตสาหกรรมมาทิ้งที่คลองด่าน ซึ่งเป็นพื้นที่เกษตรกรรมและแหล่งประมงที่สำคัญ

ชาวบ้านรวมตัวกันและเดินทางไปยื่นหนังสือที่ทำเนียบรัฐบาล โดยใช้รถบัสกว่า 10 คัน มีชาวบ้านร่วมเดินทางกว่าพันคน

ตึกประกันสังคมถึงค่าโง่คลองด่าน กลโกงซื้อถูกขายหลวงแพง

การหาข้อมูลและการเผยแพร่ข้อมูลปมค่าโง่คลองด่าน

ดาวัลย์เริ่มศึกษาข้อมูลของโครงการอย่างละเอียด โดยเฉพาะข้อมูลทางวิชาการเกี่ยวกับการไหลของกระแสน้ำในทะเลคลองด่าน เธอไปที่ห้องสมุดมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์เพื่อค้นหางานวิจัยที่เกี่ยวข้อง

เธอพบว่าการปล่อยน้ำจืดที่ผ่านการบำบัดแล้วลงสู่ทะเล จะส่งผลกระทบต่อความเค็มของน้ำ ซึ่งจะทำให้หอยแมลงภู่ไม่สามารถเติบโตได้

ดาวัลย์นำข้อมูลที่ได้ไปเผยแพร่ในรายการโทรทัศน์ของ ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง และงานประชุมต่างๆ เธอโต้แย้งข้อมูลของกรมควบคุมมลพิษด้วยข้อมูลทางวิชาการ ทำให้ได้รับความสนใจจากสังคม

ดาวัลย์ยังได้ร่วมมือกับกลุ่ม NGOs เพื่อยื่นเรื่องต่อธนาคารพัฒนาเอเชีย (ADB) ซึ่งเป็นสถาบันการเงินที่สนับสนุนโครงการ เพื่อให้หยุดให้เงินสนับสนุนโครงการ

การตรวจสอบสัญญาและการพบความผิดปกติของโครงการบ่อบัดน้ำเสียคลองด่าน

ดาวัลย์ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองเพื่อให้เปิดเผยสัญญาโครงการ ในที่สุด กรมควบคุมมลพิษต้องเปิดเผยสัญญาออกมา ทำให้ดาวัลย์ได้เห็นความผิดปกติในสัญญา

การถอนตัวของบริษัท N: ดาวัลย์พบว่าบริษัท นอร์ทเวสท์ วอเทอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (N) ซึ่งเป็นบริษัทที่มีประสบการณ์ในการทำระบบบำบัดน้ำเสีย ได้ถอนตัวออกไปจากกิจการร่วมค้า NVPSKG ก่อนที่จะมีการเซ็นสัญญา การถอนตัวของบริษัท N ทำให้กิจการร่วมค้า NVPSKG ขาดคุณสมบัติในการรับงานนี้

การเปลี่ยนแปลงพื้นที่โครงการ: เดิมทีโครงการจะตั้งอยู่ 2 ฝั่งของแม่น้ำเจ้าพระยา แต่ต่อมาได้มีการเปลี่ยนแปลงให้รวมฝั่งและย้ายที่ตั้งมาอยู่ที่ตำบลคลองด่าน การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้ต้องเพิ่มระยะทางในการวางท่ออีก 20 กิโลเมตร ทำให้งบประมาณสูงขึ้น

ตึกประกันสังคมถึงค่าโง่คลองด่าน กลโกงซื้อถูกขายหลวงแพง

การปั่นราคาที่ดิน: มีขบวนการซื้อขายที่ดินในคลองด่าน โดยมีการตั้งบริษัทมาซื้อขายต่อกันเป็นทอดๆ จนทำให้ที่ดินที่เคยซื้อมาจากชาวบ้านในราคาหลักหมื่นบาทต่อไร่ กลายเป็นที่ดินราคาหลักล้านบาทต่อไร่ เมื่อขายให้กรมควบคุมมลพิษ

โดย The Matter ให้ข้อมูลว่า 

ที่ดินที่คลองด่านส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ป่าโกงกาง ในช่วงแรกมีเอกชนเข้ามากว้านซื้อที่ดินบริเวณนี้จากชาวบ้าน โดยอ้างว่าจะใช้สร้างสนามกอล์ฟ ในราคาไร่ละ 20,000-60,000 บาท ชื่อ ‘บริษัท เหมืองแร่ลานทอง จำกัด’ หนึ่งในกรรมการบริษัทคือ ‘วัฒนา อัศวเหม’ ซึ่งกำลังดำรงตำแหน่ง รมช.กระทรวงมหาดไทย มีอำนาจกำกับดูแล ‘กรมที่ดิน’ ในช่วงที่อนุมัติโครงการบ่อบำบัดน้ำเสีย

ต่อมา บริษัทเหมืองแร่ลานทองฯ ขายที่ดินต่อให้ ‘บริษัท ปาล์มบีช ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด’ มีข้อมูลระบุว่า การเปลี่ยนสถานะที่ดินจาก สค.1 และ นส.3 ก.ให้เป็นโฉนดเกิดขึ้นในช่วงนี้ แม้ว่าพื้นที่บางส่วนจะมีสภาพเป็นคลอง เป็นป่าชายเลน เป็นทะเลโคลน ซึ่งต้องเป็นสมบัติของทางราชการตามกฎหมาย

มาถึงปี พ.ศ.2538 ที่ ครม.อนุมัติโครงการ ที่ดินบริเวณนี้ จึงถูกขายต่อให้ ‘บริษัท คลองด่านมารีนแอนด์ฟิชเชอรี่ จำกัด’ ในราคากว่า 250,000 บาท/ไร่

เมื่อถูกเลือกเป็นพื้นที่ดำเนินโครงการ กรมควบคุมมลพิษจึงขอให้ธนาคาร 2 แห่ง ประเมินราคาที่ดินบริเวณนี้ แต่ได้รับการปฏิเสธ เพราะเป็นที่ดินที่ไม่ค่อยมีการซื้อขาย

จนมาถึงเดือนมกราคม พ.ศ.2541 สำนักงานที่ดินจังหวัดสมุทรปราการประเมินราคาที่ดินแปลงนี้ไว้ที่ 480,000 บาท/ไร่ เท่ากันทุกแปลง ทั้งแปลงที่ติดถนนหรือแปลงที่มีสภาพเป็นทะเลโคลนก็ถูกประเมิน ‘ในราคาเท่ากัน’

เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ.2541 กรมควบคุมมลพิษซื้อที่ดินบริเวณนี้จากบริษัทคลองด่านมารีนแอนด์ฟิชเชอรี่ จำนวน 1,903 ไร่ ราคาสูงขึ้นไปถึง 1,030,000 บาท/ไร่ !

ต่อมามีข้อมูลที่ระบุได้ว่า บริษัทคลองด่านมารีนแอนด์ฟิชเชอรี่ฯ มีผู้ถือหุ้นกลุ่มเดียวกับ ‘บริษัท เกตเวย์ ดิเวลลอปเมนท์ จำกัด’ หรือ G ใน NVPSKG กลุ่มผู้รับเหมาโครงการ ทำให้ราคาจากการขายที่ดิน 1,903 ไร่นี้ หากนับตั้งแต่ต้น จะมีมูลค่าสูงขึ้นนับพันล้านบาท

ประเด็นการปั่นราคาที่ดินมาจากหลักหมื่นต่อไร่ มาเป็นหลักล้านบาทต่อไร่ เพื่อมาขายให้กับกรมควบคุมมลพิษ ส่งผลให้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตัดสินจำคุก วัฒนา อัศวเหม อดีต รมช.กระทรวงมหาดไทย (ดูแลกรมที่ดิน) เป็นเวลา 10 ปี ฐานใช้ตำแหน่งหน้าที่โดยมิชอบข่มขืนใจหรือจูงใจบังคับซื้อที่ดินจากราษฎร รวมประมาณ 1,900 ไร่ และใช้อำนาจข่มขืนใจหรือจูงใจให้เจ้าหน้าที่สำนักงานที่ดินจังหวัดสมุทรปราการ สาขาบางพลี และเจ้าพนักงานฝ่ายปกครอง ออกโฉนดที่ดิน 5 แปลงโดยไม่เป็นไปตามระเบียบและกฎหมาย

การตรวจสอบและการดำเนินคดีโดยภาครัฐปมบ่อบำบัดน้ำเสีย

ในปี 2546 นายประพัฒน์ ปัญญาชาติรักษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้หยิบยกโครงการคลองด่านขึ้นมาทบทวนใหม่และแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบการทุจริต

ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองตัดสินจำคุก นายวัฒนา อัศวเหม อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นเวลา 10 ปี ฐานใช้ตำแหน่งหน้าที่โดยมิชอบ อย่างไรก็ตาม นายวัฒนาได้หลบหนีออกนอกประเทศไปก่อนที่ศาลจะมีคำพิพากษา

อนุญาโตตุลาการมีคำสั่งให้กรมควบคุมมลพิษจ่ายเงินส่วนที่เหลือพร้อมดอกเบี้ยให้เอกชนอีกรวม 9,600 ล้านบาท หรือที่สื่อมวลชนเรียกกันว่า 'ค่าโง่คลองด่าน'

โครงการคลองด่านเป็นกรณีศึกษาที่สำคัญเกี่ยวกับการทุจริตเชิงนโยบายและการต่อสู้ของภาคประชาชน การต่อสู้ของดาวัลย์ จันทรหัสดีและชาวบ้านคลองด่านเป็นตัวอย่างของการรวมพลังเพื่อตรวจสอบและคัดค้านโครงการที่ไม่โปร่งใส แม้ว่าโครงการนี้จะสร้างความเสียหายให้กับรัฐเป็นอย่างมาก แต่ก็เป็นบทเรียนสำคัญที่ทำให้สังคมตระหนักถึงความสำคัญของการมีส่วนร่วมของประชาชนในการตรวจสอบการทำงานของภาครัฐ และถึงแม้จะมีคำสั่งให้จ่าย "ค่าโง่คลองด่าน" แต่การต่อสู้ยังไม่จบสิ้น ตราบใดที่ความจริงยังไม่ปรากฏและผู้กระทำผิดยังไม่ได้รับโทษ

อ้างอิง

TheMatter / Thai / MGR / การเมือง /
 

related