svasdssvasds

เปลี่ยนแผน! ฝ่ายค้านยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯ คนเดียว หลังเกลือเป็นหนอน

เปลี่ยนแผน! ฝ่ายค้านยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯ คนเดียว หลังเกลือเป็นหนอน

พรรคประชาชน แกนนำฝ่ายค้าน เปลี่ยนแผนซักฟอกเหลือเพียงนายกฯ แพทองธาร ชินวัตร หลังข้อมูลรั่วไหล เตรียมยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจตามรัฐธรรมนูญมาตรา 151 วันนี้เวลา 10.00 น.

SHORT CUT

 

 

 

พรรคประชาชน แกนนำฝ่ายค้าน เปลี่ยนแผนซักฟอกเหลือเพียงนายกฯ แพทองธาร ชินวัตร หลังข้อมูลรั่วไหล เตรียมยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจตามรัฐธรรมนูญมาตรา 151 วันนี้เวลา 10.00 น.

วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 10.00 น. นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน พร้อมด้วยพรรคร่วมฝ่ายค้าน จะยื่นญัตติอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 151 เป็นรายบุคคลหรือทั้งคณะ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 151 ต่อประธานรัฐสภา ณ ห้องแถลงข่าวรัฐสภา

ก่อนหน้านี้พรรคประชาชนได้วางเป้าหมายในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมรัฐมนตรีอีก 9 คน รวมเป็น 10 คน แต่ล่าสุดมีการเปลี่ยนแปลงแผนหลังจากมีการรั่วไหลของข้อมูล โดยมีรายงานว่าบางคนในพรรคร่วมฝ่ายค้านได้เปิดเผยรายชื่อผู้ที่จะถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ

ทั้งนี้ ทีมยุทธศาสตร์พรรคประชาชนได้ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ใหม่ โดยจะมุ่งเป้าอภิปรายไม่ไว้วางใจเฉพาะ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ในฐานะนายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียวเท่านั้น 

ย้อนไปก่อนหน้านี้สำนักข่าวอิศราได้รายงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน นำโดย พรรคประชาชน ได้กำหนดวันยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 151 ต่อ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ในวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2568 โดยร่างญัตติฯ เบื้องต้นกำหนดรายชื่อรัฐมนตรีที่จะถูกอภิปราย จำนวน 10 คน

เปิดรายชื่อ 10 รัฐมนตรี ที่พรรคฝ่ายค้านอภิปรายไม่ไว้วางใจ

  1. นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี
  2. นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
  3. นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม
  4. นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
  5. นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน
  6. นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
  7. พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
  8. นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม
  9. นายทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม
  10. นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์

 

'พฤติการณ์' อันไม่อาจไว้วางใจให้บริหารราชการแผ่นดิน

นางสาวแพทองธาร ขาดภาวะผู้นำ ขาดวุฒิภาวะ และขาดความรู้ความสามารถในการบริหารราชการแผ่นดิน สมัครใจยินยอมให้ นายทักษิณ ชินวัตร ชี้นำ ชักใย ให้กระทำการ หรือ งดเว้นกระทำการอันเป็นเรื่องสำคัญของชาติบ้านเมือง แต่งตั้งบุคคลที่ขาดความซื่อสัตย์สุจริต ขาดความรู้ความสามารถให้ดำรงตำแหน่งสำคัญในรัฐบาล เพียงเพื่อให้มาเป็นนั่งร้านช่วยแสวงหาผลประโยชน์ให้กับตนและกลุ่มบุคคล นำผลประโยชน์ของชาติไปแลกเปลี่ยนกับประโยชน์ของตนเองและพวกพ้อง

บริหารเศรษฐกิจล้มเหลว ดำเนินนโยบายประชานิยมเพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง ไม่สามารถแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจได้ตามที่ให้คำมั่นไว้ต่อสภาและพี่น้องประชาชน อีกทั้งยังขาดคุณธรรมและจริยธรรมอย่างร้ายแรง กระทำการทุจริตเชิงนโยบาย มีเหตุให้เชื่อได้ว่ามีการเรียกรับผลประโยชน์จากโครงการขนาดใหญ่

การซักฟอกนายกฯ คนเดียว แตกต่างจากซักฟอก รมต.รายบุคคลอย่างไร

สำหรับการอภิปรายเฉพาะตัวนายกรัฐมนตรีนั้น ข้อดีคือสามารถอภิปรายพุ่งเป้าไปที่ตัวนายกฯ ได้ทุกเรื่อง รวมถึงการทำงานของรัฐมนตรีคนอื่นได้ด้วย สามารถอภิปรายได้ทุกกระทรวงเพื่อชี้ให้เห็นถึงความล้มเหลวของนายกรัฐมนตรี ทั้งเรื่องการแก้เศรษฐกิจล้มเหลว การปล่อยปละละเลยให้เกิดการทุจริต การแสวงหาผลประโยชน์ ถ้าไปอภิปรายรัฐมนตรีหลายคนอาจทำให้ประชาชนเกิดความสับสนในเนื้อหาความหนักเบาของข้อมูลได้ การพุ่งเป้าไปที่นายกฯ คนเดียวจะมีประสิทธิภาพมากกว่า

การอภิปรายรัฐมนตรีกับนายกฯ รวม 10 คน อาจไม่เกิดผลดีหลายประการ อีกทั้งยังอาจจะเปิดช่องให้นายกรัฐมนตรี ลอยตัวเหนือปัญหาให้คนอื่นมาตอบแทน 

อย่างไรก็ตามการอภิปรายนายกฯ คนเดียวเป็นการวัดใจพรรคร่วมรัฐบาลอีกด้วยว่าจะโหวตให้นายกฯหรือไม่ โดยเฉพาะพรรคภูมิใจไทย จะตัดสินใจโหวตอย่างไร เนื่องจากขณะนี้นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค มีเรื่องขัดแย้งกับพรรคเพื่อไทยอยู่

 

'เทพไท' ชี้พรรคส้มคิดถูก ถล่มนายกฯ คนเดียว

ด้านนายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์คลิปผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว พร้อมเนื้อหาในหัวข้อ “พรรคส้มคิดถูก ถล่มอุ๊งอิ๊งคนเดียว” โดยระบุว่าผมเพิ่งทราบข่าวว่า พรรคประชาชนพลิกเกมยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจใหม่ จากเดิมเป็นการญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล มาเป็นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียว โดยให้เหตุผลว่า ข้อสอบรั่ว ญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจหลุดไปอยู่ในมือของบุคคลภายนอก ในลักษณเกลือเป็นหนอน จึงเปลี่ยนแผนใหม่มาเป็นการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ นางสาวแพทองธารเพียงคนเดียว

ถ้าหากเรื่องนี้เป็นข้อเท็จจริง ก็เป็นเรื่องดีทำให้เรื่องร้ายกลับกลายเป็นเรื่องดีขึ้นมาแต่ส่วนตัวเห็นว่า เรื่องนี้เป็นเกมสับขาหลอกของพรรคประชาชน และทำได้แนบเนียนมาก จนทำให้หลายคนหลงประเด็นคิดว่า จะมีการอภิปรายรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล มีผู้ถูกอภิปรายจำนวนหลายคน แต่เมื่อหักมุมมาเป็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียว แบบเวทีนี้ไม่มีพี่เลี้ยง จะถูกใจคอการเมืองมากที่สุด

อภิปรายนายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียว จะเกิดผลดีทางการเมืองต่อพรรคประชาชน 7 ประการ

  1. เป็นการล็อกเป้าอภิปรายตัวนายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียว รู้ว่ายังอ่อนหัดอยู่ ตอบคำถามการอภิปรายไม่ไว้วางใจไม่ได้ ก็จะตกม้าตายกลางสภา พรรคฝ่ายค้านสามารถขึงพืด ถลกหนังได้อย่างเต็มที่
  2. สามารถอภิปรายเชื่อมโยงไปถึงตัวนายทักษิณได้อย่างเต็มที่ ถ้าญัตติไม่ไว้วางใจมีประเด็นเกี่ยวกับการครอบงำรัฐบาลของบุคคลภายนอก และการจัดตั้งรัฐบาลเพื่อประโยชน์ให้กับครอบครัวชินวัตร ซึ่งสามารถอภิปรายได้ ถ้าหากมีการเขียนไว้ในญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจด้วย
  3. ลบภาพพรรคประชาชนซูเอี๋ยกับพรรคเพื่อไทย มีดีลฮ่องกงกัน ระหว่างผู้นำจิตวิญญาณทั้ง2พรรค ทำให้สังคมกล่าวหาว่า พรรคประชาชนเป็นพรรคฝ่ายค้านไม่จริง เป็นพรรคฝ่ายคอยไม่ใช่พรรคฝ่ายค้าน
  4. สร้างความหวาดระแวงในพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกัน ถ้าอภิปรายดี มีหลักฐานชัด สามารถกดดันพรรคร่วมรัฐบาลไม่ยกมือไว้วางใจได้ โดยไม่ต้องพะวักพะวงกับการยกมือให้กันระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล เพราะไม่มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีของพรรคร่วมรัฐบาลอื่น
  5. เมื่อพรรคฝ่ายค้านขอเวลาอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ 5 วัน แต่ฝ่ายวิปรัฐบาลให้ เวลาการอภิปรายเพียง 2 วันเท่านั้น เมื่อพุ่งเป้าอภิปรายตัวนายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียว ก็สามารถชำแหละได้อย่างเต็มที่ในระยะเวลา 2 วัน
  6. เมื่อมีการอภิปรายนายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียว ก็สามารถคัดผู้อภิปรายคนสำคัญ และมีทีเด็ดในการนำเสนออภิปรายได้อย่างมีคุณภาพ สามารถอภิปรายถล่มได้อย่างแบบถึงพริกถึงขิง
  7. การเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจตัวนายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียว เป็นการสู้กันทางการเมืองในเวทีสภาผู้แทนราษฎรแบบตัวต่อตัว ใครดีใครอยู่ จะเป็นที่ถูกใจ กลุ่มฮาร์ดคอร์ หรือพวกซาดิสม์ทางการเมือง รวมถึงกองเชียร์ด้อมส้ม ที่ต้องการเห็นการแตกหักทางการเมืองระหว่างพรรคประชาชนกับพรรคเพื่อไทย

ถ้าจะให้ประเมินผลดี ผลเสียของการอภิปรายไม่ไว้วางใจตัวนายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียว กับการอภิปรายรัฐมนตรีรายบุคคลหลายคน ผมเห็นว่าการอภิปรายนายกรัฐมนตรีคนเดียวเข้าเป้ากว่า และมีผลได้เสียทางการเมืองมากกว่า ตามหลักยุทธวิธีการทหาร ต้องเด็ดหัวแม่ทัพให้ได้ก่อน ไพร่พลก็จะแตกกระสานซ่านเซ็นไปเองโดยปริยาย

ที่มา : เฟซบุ๊ก เทพไท เสนพงศ์

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

related