svasdssvasds

สรุปให้ ดราม่าเดือดรักชนก-พิพัฒน์ ปมชำแหละงบ 'ประกันสังคม' โปร่งใสจริงหรือ

สรุปให้ ดราม่าเดือดรักชนก-พิพัฒน์ ปมชำแหละงบ 'ประกันสังคม' โปร่งใสจริงหรือ

สรุปให้ 'ไอซ์ รักชนก' ชำแหละงบประกันสังคม กองทุนใหญ่ที่สุดในไทย พบทริปดูงานต่างประเทศ นั่งเฟิร์สคลาส ที่พักราคา 5 ดาว ตั้ง Call Center งบ 100 ล้านแต่สายไม่เคยว่าง พิพัฒน์โต้เดือด ยัน “ประกันสังคม” ใช้งบโปร่งใสตรวจสอบได้ ด้านโฆษกฯ แรงงาน จวก 'รักชนก' พูดไม่หมด เจตนาไม่ดี

SHORT CUT

  • 'ไอซ์ รักชนก' ชำแหละงบประกันสังคม กองทุนใหญ่ที่สุดในไทย พบทริปดูงานต่างประเทศ นั่งเฟิร์สคลาส ที่พักราคา 5 ดาว ตั้ง Call Center งบ 100 ล้านแต่สายไม่เคยว่าง
  • 'พิพัฒน์' ตอบชัดทุกประเด็น งบทำปฏิทิน - ดูงาน เพื่อสิทธิประโยชน์ผู้ประกันตน เสถียรภาพกองทุน ยันโปร่งใส ตรวจสอบได้
  • 'รักชนก' แฉงบประกันสังคมกว่า 850 ล้าน ทำ Web App ส่อฮั้วประมูล

สรุปให้ 'ไอซ์ รักชนก' ชำแหละงบประกันสังคม กองทุนใหญ่ที่สุดในไทย พบทริปดูงานต่างประเทศ นั่งเฟิร์สคลาส ที่พักราคา 5 ดาว ตั้ง Call Center งบ 100 ล้านแต่สายไม่เคยว่าง พิพัฒน์โต้เดือด ยัน “ประกันสังคม” ใช้งบโปร่งใสตรวจสอบได้ ด้านโฆษกฯ แรงงาน จวก 'รักชนก' พูดไม่หมด เจตนาไม่ดี

กลายเป็นกระแสร้อนในโซเชียลมีเดีย จากกรณีที่ น.ส.รักชนก ศรีนอก สส. กทม. พรรคประชาชน ในฐานะกรรมาธิการศึกษาการจัดทำและติดตามการบริหารงบประมาณ ชำแหละงบประกันสังคม กองทุนใหญ่ที่สุดในไทย ได้มีการแฉทริปดูงานต่างประเทศนั่งเฟิร์สคลาสที่พักราคาระดับ 5 ดาว รวมทั้งมีการตั้งคำถามเกี่ยวกับใช้งบประมาณหลายๆ เรื่อง

ประเด็นการไปดูงานต่างประเทศ

ทริปดูงานทริปหนึ่งของ ประกันสังคม 6 วัน 5 คืน งบประมาณที่ใช้ 2.2 ล้าน สำหรับ 10 คน ค่าบัตรโดยสาร การเบิกเฟิร์สต์คลาส 160,000 บาท 2 คน ราคาตลาดต่างกันเกือบ 60,000 บาท ค่าที่พัก 16,000 บาท/วัน/คืน คือราคาระดับ 5 ดาวของญี่ปุ่น จำเป็นไหมต้องใช้จ่ายฟุ่มเพือยขนาดนี้ ค่าพาหนะในการเดินทางต่างประเทศ 35,000 บาท ต่อคน ไปดูงานทำไมไม่ใช้วิธีเหมารถ ประชาชนถามชัดๆ ดังๆ ไปดูงานแล้ว ได้อะไรกลับ

งบภาพรวม 'ประกันสังคม'

รายจ่ายประกันสังคม เพิ่มขึ้นทุกปี

  • ปี 63 4,000 ล้าน
  • ปี 64 5,281 ล้าน
  • ปี 65 5,332 ล้าน
  • ปี 66 6,614 ล้าน

งบยุทธศาสตร์ เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด ช่วง 63-64

จาก 965 ล้าน กระโดดไป 2,000 ล้านบาท Call Center 1506 มีค่าใช้จ่ายหลัก 100 ล้านในทุกๆ ปี เป็นค่าเช่าระบบ 50 ล้าน แต่คอลเซ็นเตอร์ สายไม่เคยว่าง กด 0 แล้วก็รอไปยาวๆ สุดท้ายขอข้อมูลอะไรไม่ได้

ในปี 66 โครงการใหญ่ เปลี่ยนระบบงานจากคอม เป็นเว็บแอพพ์ 550 ล้าน มีความจำเป็นหรือไม่ ?

ค่าใช้จ่ายจัดหาระบบสารสนเทศเพื่อกำหนดนโยบาย 117 ล้าน ผู้นำเสนอชี้ว่าหากผู้บริหารควรคิดเองบ้าง ไม่ใช่มาจ้างคนมากำหนด ไม่เช่นนั่นก็ไม่จำเป็นต้องมีผู้บริหารก็ได้จ้างเอกชนเอา

อีกประเด็นที่น่าสงสัย ค่าตอบแทนประจำปี (โบนัสหรือไม่ ?) 65 – 66 ปีละ 100 ล้าน ทำงานเหมาะสมกับโบนัสหรือไม่ ? สนง.ประกันสังคมมีการจัดซื้อแบบเฉพาะเจาะจงหลัก “ล้านล้านบาท” ในหลายปีที่ผ่านมา

 

 

 

งบอบรมสัมนา

เขียนโครงการเหมือนๆ กันทุกปี อบรมหัวข้อเดิมๆ กับคนกลุ่มเดิมแต่จัดทุกปี เช่น ปี 63 โครงการพัฒนาทักษะภาษาต่างประเทศ ใช้งบ 2.5 ล้าน ปี 64 ก็โครงการพัฒนาทักษะภาษาต่างประเทศ 2.5 ล้าน และทำแบบเดิมกันทุกปี การอบรมบางโครงการซ้ำซ้อน และบางโครงการถูกตั้งคำถามว่าจำเป็นหรือไม่ เช่น โครงการอบรมเทคนิคการเป็นวิทยากรมืออาชีพ โครงการพัฒนาสมรรถนะบุคลากรด้านการบริหารพัสดุ ทุกโครงการไร้เป้าหมาย ขาดการวัดผล

งบประชาสัมพันธ์ กว่า 5 พันล้าน

งบสำนักงาน 2567 5,303 ล้านบาท งบ PR ในงบสำนักงาน 336 ล้านบาท การเบิกจ่ายพอๆ กันทุกปี จึงต้องเน้นดูผลลัพธ์ ซึ่ง TOR งานประชาสัมพันธ์ไม่เคยถูกช่วง 3 ปีที่ผ่านมา

  • ปฏิทินประกันสังคม ปี 67 ใช้งบ 55 ล้าน และงบประมาณในการจัดทำปฏิทิน 8 ปีย้อนหลัง ไม่น้อยกว่า 450 ล้านบาท
  • ปี 59 ผลิตปฏิทิน ใช้วิธีกรณีพิเศษ (การจ้างผ่านหน่วยงานรัฐ) 75.91 ล้านบาท ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย จำกัด ชนะราคา
  • ปี 60 ผลิตปฏิทิน ใช้วิธีกรณีพิเศษ (การจ้างผ่านหน่วยงานรัฐ) 76 ล้านบาท ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย จำกัด ชนะราคา
  • ปี 62 ผลิตปฏิทิน ใช้วิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-Bidding) 53.45 ล้านบาท บริษัท ยูไนเต็ดโปรดักชั่น เพรส จำกัด เป็นผู้ชนะการประกวดราคา
  • ปี 64 ผลิตปฏิทิน ใช้วิธีเฉพาะเจาะจง 54.31 ล้านบาท ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย จำกัด ชนะราคา
  • ปี 65 ผลิตปฏิทิน ด้วยวิธีการคัดเลือก 54.98 ล้านบาท องค์กรสงเคราะห์ทหารผ่านศึก ชนะราคา

อะไรทำให้ต้องการผลิตในราคารวม 50-70 ล้านบาท ซึ่งเมื่อดูข้อมูลการจัดซื้อจัดจ้าง พบว่าใน 5 ปี มี 2 ปี ใช้วิธี กรณีพิเศษ มี 1 ปี E-Biding มี 2 ปีเฉพาะเจาะจง งบประมาณก้อนใหญ่แต่ไม่ใช้ e-Bidding ให้แข่งราคา และปีที่ แข่งราคา e-Bidding เป็นยอดงบประมาณที่น้อยที่สุด เมื่อเทียบกับการใช้วิธีอื่น

 

ประเด็น เทคโนโลยีสารสนเทศ

โครงการพัฒนา แอพพลิเคชั่น SSO+ งบประมาณ 276 ล้านบาท เป็นงบที่รวมถึงการจัดทำระบบ เมื่อตรวจข้อมูลจาก ACTAI พบว่า การจัดซื้อจัดจ้างมีความผิดปกติในการเสนอราคา ตัวแอพประชาชนให้เรตติ้ง 1.5 แสดงถึงความล้มเหลวของแพลตฟอร์ม ไม่คุ้มค่าเมื่อเทียบกับงบประมาณที่ใช้ไป ทุกวันนี้ยังสแกนจ่ายค่าประกันสังคมผ่านแอพไม่ได้ ต้องจ่าย 7-11 ในการเปลี่ยนผ่านจาก SSO Connect ไปยัง SSO พลัส เลือกวิธีการเปลี่ยนตั้งแต่ฐานข้อมูลยันโปรแกรม ซึ่งไม่จำเป็นต้องเริ่มใหม่ที่ต้องทำทั้งหมด สิ้นเปลืองในการใช้งบประมาณ

ประเด็น พื้นฐานประกันสังคม

คอนเทนต์ที่สำนักงานประกันสังคมทำอยู่เข้าถึงคนรุ่นใหม่ไม่ได้ คอนเทนต์ไม่ทันยุค โปสเตอร์ที่แจกให้รายละเอียดเยอะจริง แต่อ่านยากและรูปแบบไม่น่าสนใจคนไม่อยากอ่าน Tiktok เรื่องประกันสังคมที่แมสๆ ส่วนใหญ่มาจากคนนอกทำ ขั้นตอนในการเข้าถึงประกันสังคม เข้าใจยากสำหรับคนรุ่นใหม่ ย้อนแย้งกับงบประมาณ เพราะแต่ละปีงบประชาสัมพันธ์เยอะมาก แต่แม้กระทั่งคนใน กทม. ก็ไม่เคยเจอการประชาสัมพันธ์ของประกันสังคม ใช้งบกับการทำปฏิทินในปี 67 55 ล้าน วารสาร 15 ล้าน แผ่นพับ 5 ล้าน นี่คืองบ 1 ปี ที่ประกันสังคมใช้ประชาสัมพันธ์ ซึ่งหากนำเงินไปทำในสิ่งที่ได้ประโยชน์กับผู้ประกันตนจริงๆ หรือการนำไปทบเพื่อสร้างความมั่นคงให้กับกองทุนมากขึ้น อาจจะดีกว่านี้

สรุปข้อมูลจากงาน “Hack งบประกันสังคม” ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 14 ก.พ. 2568 โดยได้ระบุถึงการใช้งบประมาณในการบริหารจัดการของสำนักงานประกันสังคมที่บางส่วนเป็นหลุมดำ มีการจัดซื้อแบบเฉพาะเจาะจง และในส่วนที่มีการแข่งขันราคาก็ไม่มีความโปร่งใส พร้อมยกตัวอย่างการใช้งบประมาณในประเด็นต่างๆ ที่เธอตั้งคำถามว่ามีความคุ้มค่ามากแค่ไหน หากไม่มีบอร์ดประกันสังคมซึ่งมาจากการเลือกตั้ง ประกันสังคมก้าวหน้า ประชาชนคงไม่มีโอกาสเข้าถึงข้อมูลเหล่านี้ 

พิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน

'พิพัฒน์' ท้า 'ไอซ์ รักชนก' ซักฟอกงบประกันสังคม ยันใช้เงินโปร่งใส ประหยัด

ต่อมาวันที่ 18 ก.พ. 2568 นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้ออกมาชี้แจงการใช้งบประมาณของสำนักงานประกันสังคมว่า ค่าใช้จ่ายการเดินทางไปดูงานต่างประเทศ มีหลักปฏิบัติของแต่ละกระทรวงกำหนดชัดเจนว่า ผู้บริหารระดับไหนจะนั่งชั้นไหน ซึ่งเป็นเรื่องปฏิบัติกันตามปกติ หากเป็นเจ้ากระทรวงระดับรัฐมนตรี และสำนักปลัดกระทรวง ก็จะนั่งระดับ Firast Class ให้อยู่แล้ว หรือหากเป็นระดับปลัดกระทรวง และอธิบดีนั่งชั้น Business การจะเอาเรื่องหยุมหยิมพวกนี้ มาโจมตีผ่านสื่อ ส่วนตัวรู้สึกเฉยๆ ไม่ได้เดือดร้อนหรือกังวล เพราะสามารถอธิบายได้

งบประชาสัมพันธ์ตามหลักใช้ได้ 10% ตอนนี้ใช้ไปแค่เพียง 3%

ส่วนงบเพื่อประชาสัมพันธ์ นายพิพัฒน์ กล่าวว่า ตามหลักเกณฑ์สามารถนำเงินของประกันสังคม มาใช้ได้ 10% แต่ขณะนี้ประกันสังคมใช้งบเพื่อการประชาสัมพันธ์เพียง 3% พยายามประหยัดงบประมาณให้กับ ผู้ประกันตนทั้งมาตรา 33,  39, และ40

งบ 400 ล้าน จัดทำปฏิทิน 8 ปี ไม่ใช่ปีเดียว

สำหรับการจัดทำปฏิทินกว่า 400 ล้านบาท นายพิพัฒน์  กล่าวว่า เป็นการจัดทำปฏิทิน ระยะเวลา 8 ปี ไม่ใช่ปีเดียว ดังนั้น การพูดอะไรที่เป็นการเหมารวม และตีขลุม ทำให้เชื่อว่า ผู้พูดมีเจตนาไม่ดี ส่วนตัวไม่เคยออกมาตอบโต้ แต่วันนี้ได้จังหวะมาประชุม ครม.สัญจร ที่จังหวัดสงขลา ซึ่งเป็นบ้านของตนเอง จึงถือโอกาสขอพูดให้กับผู้ประกันตนทั้งประเทศได้ทราบ ว่าประกันสังคมมีมาตรฐานในการใช้งบประมาณอย่างประหยัด

ย้อนถามโทรไปคอลเซนเตอร์กี่ครั้ง อาจจะติดสายเพราะเป็นช่วงเดือดร้อน

ส่วนกรณีเรื่องสายด่วนโทรไปไม่เคยมีคนรับนั้น นายพิพัฒน์ ย้อนถามว่า โทรไปกี่ครั้ง อาจจะติดสายอยู่ก็ได้ เพราะช่วงเวลาที่มีความเดือดร้อนทุกคนก็พยายามโทรเข้าไป เมื่อไม่มีการรับสายก็คิดว่าไม่รับสาย แต่อาจจะเป็นสายซ้อน ซึ่งจะมีการแจ้งในสายอยู่แล้วว่า โปรดรอสักครู่ อย่าว่าแต่ประกันสังคมเลย ศูนย์ Call Center ที่เป็นศูนย์รวมก็เป็นลักษณะเดียวกัน เพราะมีช่วงเวลาที่สายแน่นมาก อาจทำให้ไม่สามารถโทรศัพท์เข้าไปแล้วรับเลยได้ ปัจจุบันมีที่ผู้ให้บริการสายด่วน 300 คู่สาย แต่มีผู้ประกันตน 25 ล้านคน จึงต้องขออภัย

ทั้งนี้ หากมีข้อสงสัย จะมาพบตนเอง เพื่อสอบถามที่กระทรวงก็ได้ หรือจะทวงถามในสภาฯ ก็พร้อมที่จะตอบ หรือจะใช้ไปอภิปรายไม่ไว้วางใจก็ยินดี ที่จะตอบคำถามทุกคำถาม เพราะมั่นใจว่า กระทรวงแรงงานและสำนักงานประกันสังคมมีความโปร่งใส

 โฆษกฯ แรงงาน โต้ "รักชนก" พูดไม่หมด ส่อเจตนาไม่ดี

นายภูมิพัฒน์ เหมือนจันทร์ โฆษกกระทรวงแรงงาน กล่าวถึงกรณีที่ น.ส.รักชนก ศรีนอก กล่าวพาดพิง นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ  ว่า น.ส.รักชนก ต่างหากที่ร้อนรนรีบออกมาตอบโต้เพราะกลัวจะเสียหน้า หลังจากที่ออกมาชี้แจงชัดเจนแล้วทุกประเด็น

การที่ สส. มีหน้าที่ตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลนั้นถูกต้อง แต่การตรวจสอบแบบมั่วๆ และพูดจาแบบคลุมเครือเอาดีใส่ตัวต่างหากที่เรียกว่ามีเจตนาไม่ดี เช่น พูดไม่หมดว่างบจัดทำปฏิทิน 400 ล้านบาทนั้นเป็นงบที่ตั้งไว้ถึง 8 ปี และกฎหมายกำหนดเพดานงบประชาสัมพันธ์ไว้ 10% แต่ประกันสังคมใช้เพียง 3% ตรงนี้กลับไม่พูด และยังมีอีกหลายเรื่องที่ไปขุดเอาข้อมูลในอดีตมาโยงกับปัจจุบันจนทำให้ประชาชนเกิดความสับสน ซึ่งดูเหมือนจะมีเจตนาดีแต่ฟังดูแล้วไม่ใช่

น.ส.รักชนก เอาผู้ประกันตนมาเป็นข้ออ้าง อยากถามกลับว่าท่านเป็นถึง สส. แต่ไม่รู้หลักเกณฑ์ ไม่ศึกษาระเบียบการเบิกจ่ายเลยหรือ เงินประกันสังคมเป็นการจ่ายสมทบ 3 ฝ่าย คือ ผู้ประกันตน นายจ้าง และรัฐบาล ทุกคนร่วมกัน

และสำนักงานประกันสังคมไม่ได้อยู่เฉย ๆ แต่ได้นำเงินไปลงทุนสร้างความมั่นคงเพื่อดูแลสิทธิประโยชน์ของผู้ประกันตนเหมือนกับอีกหลายกองทุน ส่วนเรื่องเงินซื้อตั๋วเครื่องบินแพงนั้นกฎหมายเขียนไว้ชัดเจนอยู่แล้วว่ารัฐมนตรี ผู้บริหารระดับสูง หรือบอร์ดประกันสังคม สามารถนั่งเครื่องบินชั้นไหนได้

และความจริงก็ไม่ได้นั่งเฟิร์สคลาสทุกครั้ง เรื่องนี้ น.ส.รักชนกเองควรรู้อยู่แก่ใจเพราะตัวเองก็บินไปดูงานต่างประเทศอยู่บ่อยครั้ง และยังได้รับเบี้ยประชุม ได้รับสวัสดิการอีกมากมาย

เรื่องการเปิดเผยข้อมูลของสำนักงานประกันสังคม ท่านพิพัฒน์ให้นโยบายตั้งแต่วันแรกว่าต้องทำอย่างโปร่งใส ตรงไปตรงมา ให้สังคมตรวจสอบได้ ดังนั้นประกันสังคมไม่มีการปกปิดอย่างแน่นอนและพร้อมจะชี้แจงทุกเมื่อ

สุดท้ายคือเรื่องร่างแก้ไข พ.ร.บ.ประกันสังคม กระทรวงแรงงานและสำนักงานประกันสังคมยืนยันมาตลอดว่าจะไม่มีการยกเลิกการเลือกตั้งบอร์ดประกันสังคม เพราะเป็นสิ่งที่ดีอยู่แล้ว แต่จะปรับรายละเอียดวิธีการให้ได้มาซึ่งบอร์ดประกันสังคมในกรณีเกิดเหตุไม่คาดคิด เช่น เกิดภัยพิบัติธรรมชาติทำให้เลือกตั้งไม่ได้ จะทำอย่างไรเพื่อไม่ให้การดำเนินงานติดขัด

 

\'ไอซ์\' ทิ้งบอมบ์อีกรอบ แฉงบประกันสังคมกว่า 850 ล้าน

'ไอซ์' ทิ้งบอมบ์อีกรอบ แฉงบประกันสังคมกว่า 850 ล้าน

ล่าสุด น.ส.รักชนก ได้โพสต์เฟซบุ๊กอีกครั้งระบุว่า “สืบเนื่องจากท่านรัฐมนตรีบอกว่าสิ่งที่สื่อสารก่อนหน้านี้เป็นเรื่องเล็ก และ โฆษกแรงงานบอกว่าดิฉันพูดไม่หมด จัดให้ค่ะ ต่อจากนี้ดิฉันจะพูด แต่เรื่องใหญ่ และจะพูดให้หมด ว่าใครทำอะไรกับเงินของผู้ประกันตนบ้าง”

“รากฐานโครงสร้างปัญหาเรื้อรังที่ทำให้กองทุนประกันสังคมทำงานได้แค่ ‘ตามระเบียบ ตามกฏหมาย’ แต่บริหารเงิน แบบไร้ประสิทธิภาพ ไม่สามารถสร้างประโยชน์สูงสุดให้กับผู้ประกันตนได้ และสุดท้ายกองทุนจะเจ๊ง วันนี้ขอชี้ 3 ประเด็น

ประเด็นที่ 1.สิ่งนึงที่อยู่ภายในใจผู้ประกันตนเป็นหมื่นล้านคำ คือทำไมสิทธิ์ประกันสังคมที่บังคับจ่ายเงินทุกเดือนถึงแย่กว่าสิทธิ์บัตรทอง หรือสิทธิ์ สปสช. ที่ได้ฟรี ? ผู้ประกันตนทุกท่านรู้จัก “บอร์ดแพทย์” หรือไม่ ?

ประกันสังคมประกอบด้วย บอร์ดใหญ่ บอร์ดเล็ก บอร์ดใหญ่มา 3 ฝ่าย และบางส่วนมาจากการเลือกตั้ง แต่บอร์ดเล็กมาจากการแต่งตั้งจากอำนาจของรัฐมนตรีแรงงาน โดยบอร์ดเล็กมี 3 บอร์ด หนึ่งในนั้นคือบอร์ดแพทย์ ปัญหาอยู่ตรงที่บอร์ดเล็ก มีอำนาจมาก แต่ที่มาไม่ได้ยึดโยงกับผู้ประกันตน สิ่งที่ผู้ประกันตนที่สงสัยว่าทำฟันได้ 900 รับยาใกล้บ้านก็ไม่ได้ จ่ายแพง แต่คุณภาพห่วย ใครเป็นคนคิด ใครเป็นคนทำ ก็นั่นละฮะบอร์ดแพทย์คือคนที่เคาะว่า ประกันสังคมจะให้สิทธิ์ผู้ประกันตนรักษาอะไรได้เท่าไหร่บ้างเป็นผู้กำหนดทิศทางเงิน 70,000 ล้าน ต่อปีว่าจะถูกใช้ไปกับโรคไหน ใช้ได้กี่บาทซึ่งผลงานที่ผ่านมาก็คือ ความล้าหลังของสิทธิ์การรักษาของประกันสังคม ห่วยกว่าสิทธิ์บัตรทอง

ทั้งนี้การแต่งตั้งบอร์ดแพทย์รอบใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่นาน ดิฉันหวังเป็นอย่างยิ่งว่าท่าน รมว. จะไม่กีดกันสัดส่วน จากผู้ประกันตนเพียงเพราะว่าสำนักงานประกันสังคม ถูกแฉ เรื่องการใช้งบประมาณที่ไม่โปร่งใส เพราะถ้าเกิดเหตุการณ์เช่นนั้น ดิฉันว่าผู้ประกันตนคงจะโกรธไม่น้อย

ประเด็นที่ 2. จะบอกว่าปฏิทินปีละ 70 ล้านเรื่องเล็ก ก็คงใช่ เพราะมันมีโครงการที่กลิ่นเหม็นกว่านี้ แพงกว่านี้ คือการทำ Web App เพื่อบริหารจัดการหลังบ้าน 850 ล้าน ท่าน รมว. มาตอบอันนี้ดีกว่า หรือถ้าตอบไม่ได้ ให้ท่าน รมว. ลองถาม ท่านปลัดแรงงาน “บุญสงค์”

โครงการนี้มีพิรุธ (2.1) 2 บริษัทที่มาประมูลเสนอราคาต่างกันเพียง 300,000 บาท คือ ที่ 848,888,000 และ 848,500,000 บาท ถามใครที่ไหนเค้าก็ว่าแปลกแบบนี้เรียกแข่งราคาหรอ เข้าข่ายฮั้วหรือไม่? (2.2) ราคาของทั้ง 2 บริษัท เรียกได้ว่าชิดราคากลางแบบแทบไม่ต่างเลยด้วยซ้ำ  รู้ราคากลาง?

ประเด็นที่ 3.กมธ.ติดตามงบ เคยขอชวเลขที่พิจารณากลั่นกรองงบประมาณย้อนหลัง 5ปี ผู้ประกันตนคิดดู ขนาดประชุมสภา ยังมีถ่ายทอดสด แต่ประกันสังคมไม่มีใครรู้อะไรเลย ว่าที่ผ่านมาคุยอะไรกันใครพูดเพื่อผลประโยชน์ตัวเอง ใครพูดเพื่อผู้ประกันตนวันนี้มีบอร์ดไม่ได้มาจากคณะรัฐประหารแล้วทำไมเปิดไม่ได้ ? ท่านแจ้งว่าไม่ให้เพราะว่ามีชื่อ ถ้ากังวลแค่นั้นปิดชื่อแล้วส่งมาเลยก็ยังได้ค่ะ กมธ ติดตามงบ รอเสมอ”

น.ส.รักชนก ยังระบุอีกว่า “สุดท้ายนี้ ผู้ประกันตนทุกท่านต้องทราบเอาไว้ว่า เงินที่เราประหยัดได้ 1 ล้านบาท จากโครงการที่บอกว่า ‘หยุมหยิม’ ถ้าเอาไปลงทุนผลตอบแทน 5% ต่อปี ผ่านไป 30ปี มันจะกลายเป็น 4.32 ล้านบาท ท่านคิดดูว่าถ้าประหยัดได้ 100 ล้าน 10000 ล้าน มันจะเป็นเงินมหาศาลขนาดไหน!3 ประเด็นนี้ คงไม่เล็กแล้วนะคะ และไม่ต้องห่วง เปิดหมดแน่นอน ท่านอยู่รอดูต่อไปก็แล้วกัน”

(2.3) โครงการนี้ ส่งงานช้าไม่ปรับ 193 วัน ต้องจ่าย 163ล้าน แต่กลับไม่ถูกปรับสักบาทค่าเมนเฟรมจ่ายทุกเดือน อีกอย่างน้อย 84 ล้าน ปัจจุบันเซ็นรับงาน แต่ตรวจรับไม่ได้ ใช้งานไม่ได้ สร้างความลำบากให้ข้าราชการตัวเล็กตัวน้อย รมว. กับ ประธานบอร์ดบุญสงค์ ว่าไง?

มีคนตั้งฉายาว่า เป็น “บอร์ดอีแอบ” เพราะเมื่อก่อนไม่รู้ว่าใครนั่งบอร์ดนี้บ้าง ไม่มีการเปิดเผยชื่อ ว่าใครนั่งอยู่ในบอร์ดแพทย์บ้าง เพิ่งปรากฏครั้งแรก บนเว็ปไซต์ เมื่อ 31 ม.ค. 68 นี้เอง ดิฉันอยากขอให้เปิดชื่อย้อนหลังด้วย ว่าตั้งแต่มีบอร์ดแพทย์มาใครนั่งบ้าง ซึ่งแน่นอนว่า บอร์ดแพทย์ก็ขอโครงการไปดูงานทุกปีเช่นกัน ซึ่งบางปีไปดูงานสถาบันทางการเงินด้วย ไปทำไม?ดูฉ่ำทุกปีไม่มีเว้น แต่สิทธิ์รักษาล้าหลังบัตรทองตลอด และที่ผ่านมาบอร์ดแพทย์ถูกตั้งคำถามมาตลอดว่า มีส่วนได้ส่วนเสียกับตำแหน่งที่ทำอยู่หรือไม่ ? วิจัยเอง ทำคลีนิคเอง อนุมัติโครงการเอง มีแบบนั้นหรือป่าว?

ที่มา : เฟซบุ๊ก รักชนก ศรีนอก - Rukchanok Srinork 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

related