svasdssvasds

เปิดเหตุผลทำไมระบบบำนาญ "เนเธอร์แลนด์" ดีที่สุดในโลก

เปิดเหตุผลทำไมระบบบำนาญ "เนเธอร์แลนด์" ดีที่สุดในโลก

เปิดเหตุผลทำไมระบบบำนาญ "เนเธอร์แลนด์" ดีที่สุดในโลก ส่วนไทยเถียงไม่จบเรื่องกองทุนประกันสังคมไร้ความโปร่งใส

SHORT CUT

  • เนเธอร์แลนด์ได้รับการยอมรับว่าเป็นประเทศที่มีระบบบำนาญที่ดีที่สุดในโลก โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากแหล่งเงินทุนที่หลากหลาย, การคำนวณที่เป็นธรรม, และกฎระเบียบที่แข็งแกร่ง
  • ขณะเดียวกันเนเธอร์แลนด์กำลังเผชิญกับความท้าทายจากจำนวนประชากรสูงอายุที่เพิ่มขึ้น ซึ่งต้องการนโยบายภาครัฐที่ส่งเสริมและพัฒนาผู้สูงอายุในด้านต่างๆ รวมถึงการบริการด้านการดูแลและสวัสดิการ
  • เนเธอร์แลนด์กำลังปฏิรูประบบบำนาญไปสู่แนวทางเฉพาะบุคคลมากขึ้น และมองหาการนำเทคโนโลยี เช่น AI มาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความยั่งยืนของระบบในระยะยาว

เปิดเหตุผลทำไมระบบบำนาญ "เนเธอร์แลนด์" ดีที่สุดในโลก ส่วนไทยเถียงไม่จบเรื่องกองทุนประกันสังคมไร้ความโปร่งใส

เนเธอร์แลนด์ได้รับการยอมรับในระดับสากลว่าเป็นประเทศที่มีระบบบำนาญที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของโลก จากการจัดอันดับล่าสุดของ Mercer CFA Institute ประจำปี 2566 เนเธอร์แลนด์กลับมาครองอันดับ 1 อีกครั้ง เกณฑ์ที่ Mercer ใช้ประเมินประกอบด้วย ความเพียงพอ (Adequacy) ความยั่งยืน (Sustainability) และความซื่อตรง (Integrity)

SPRiNG พาไปสำรวจในรายละเอียดถึงปัจจัยที่ทำให้ระบบบำนาญของเนเธอร์แลนด์ประสบความสำเร็จอย่างโดดเด่น, ความท้าทายที่ระบบกำลังเผชิญ, การปรับตัวเพื่อรองรับสังคมผู้สูงอายุ, และผลกระทบจากปัจจัยภายนอก

ปัจจัยที่ทำให้เนเธอร์แลนด์มีระบบบำนาญที่ดีที่สุด

ความหลากหลายของแหล่งเงินทุน: เนเธอร์แลนด์มีแหล่งเงินทุนหมุนเวียนที่หลากหลายและมีการระดมทุนบำนาญที่แตกต่าง ทำให้ระบบมีความมั่นคงและยืดหยุ่นในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและสังคม

การคำนวณที่แม่นยำและเป็นธรรม: การคำนวณผลประโยชน์ที่เป็นธรรมสร้างความมั่นใจและความไว้วางใจให้กับผู้เข้าร่วมระบบ

กฎระเบียบที่แข็งแกร่ง: กฎระเบียบที่ดีช่วยให้ระบบดำเนินงานได้อย่างราบรื่นและโปร่งใส

ความท้าทายและแนวโน้ม

จำนวนประชากรสูงอายุที่เพิ่มขึ้น: ปัจจุบัน ร้อยละ 20.2 ของประชากรในเนเธอร์แลนด์มีอายุมากกว่า 65 ปี ซึ่งเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 12.8 ในปี 1990 และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีกในอนาคต ความท้าทายนี้ทำให้รัฐบาลต้องมีนโยบายที่ส่งเสริมและพัฒนาผู้สูงอายุในด้านต่างๆ

การปฏิรูประบบบำนาญ: เนเธอร์แลนด์กำลังดำเนินการปฏิรูประบบบำนาญจากโครงสร้างโดยรวม (Collective Structure) ไปสู่แนวทางเฉพาะบุคคล (Individual Approach) มากยิ่งขึ้น ถึงแม้จะมีการเปลี่ยนแปลงนี้ รายงานของ Mercer CFA Institute คาดการณ์ว่าระบบบำนาญของเนเธอร์แลนด์จะยังคงให้ผลประโยชน์ที่ดี

แรงกดดันจากภายนอก: ระบบบำนาญทั่วโลกกำลังเผชิญกับแรงกดดันจากปัจจัยต่างๆ เช่น หนี้สินภาครัฐ, อัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น, และการเติบโตของ Gig Economy นอกจากนี้ อัตราการเกิดที่ลดลงยังสร้างแรงกดดันต่อเศรษฐกิจและระบบบำนาญในระยะยาว

การปรับตัวเพื่อรองรับสังคมผู้สูงอายุ

นโยบายภาครัฐ: รัฐบาลมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมและพัฒนาผู้สูงอายุในด้านต่างๆ เช่น ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพและการสาธารณสุข, การคุ้มครองทางสังคม, และการเตรียมความพร้อมของสังคม

การบริการด้านการดูแลผู้สูงอายุ: การพัฒนาระบบการดูแลผู้สูงอายุที่มีคุณภาพเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อให้ผู้สูงอายุสามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีคุณภาพ

ระบบสาธารณสุขและสวัสดิการ: การเข้าถึงบริการสาธารณสุขและสวัสดิการที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้สูงอายุ

บทบาทของเทคโนโลยี

Artificial Intelligence (AI): David Knox จาก Mercer CFA Institute กล่าวว่า AI มีศักยภาพในการช่วยปรับปรุงระบบบำนาญให้ดียิ่งขึ้น โดยการนำข้อมูลที่ดีไปสู่กระบวนการตัดสินใจที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนด้านการเงินในระยะยาวที่มีประสิทธิภาพ

ระบบบำนาญของเนเธอร์แลนด์ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในระบบที่ดีที่สุดในโลก เนื่องมาจากปัจจัยสนับสนุนที่หลากหลาย เช่น แหล่งเงินทุนที่มั่นคง, การคำนวณที่เป็นธรรม, และกฎระเบียบที่แข็งแกร่ง อย่างไรก็ตาม เนเธอร์แลนด์ยังคงต้องเผชิญกับความท้าทายจากสังคมผู้สูงอายุและการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ การปรับตัวและพัฒนาระบบอย่างต่อเนื่องเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้ระบบบำนาญของเนเธอร์แลนด์ยังคงมีความยั่งยืนและสามารถตอบสนองความต้องการของผู้สูงอายุในอนาคตได้ นอกจากนี้ การนำเทคโนโลยีอย่าง AI มาใช้ในการจัดการระบบบำนาญอาจเป็นกุญแจสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพและความยั่งยืนของระบบในระยะยาว

อ้างอิง

DITP

related