"นายกแพทองธาร" ยัน เป็นลูก ไม่ใช่เป็นคู่แข่ง "ทักษิณ"

ท่ามกลางกระแสข่าวการปรับเปลี่ยนคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่คุกรุ่น นายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร ได้ออกมาชี้แจงถึงความสัมพันธ์ระหว่างการทำงานของรัฐบาลและบทบาทของนายทักษิณ ชินวัตร บิดาของเธอ พร้อมยืนยันว่ายังไม่มีแผนปรับ ครม. แต่อย่างใด

ยืนยันไม่มีปรับ ครม. - เน้นประเมินผลงาน

นายกรัฐมนตรีได้เปิดเผยว่า การพบปะพูดคุยกับรัฐมนตรีแต่ละกระทรวงเป็นเพียงส่วนหนึ่งของแผนการทำงานปกติ โดยในเดือนนี้จะมีการเชิญรัฐมนตรีจากสองกระทรวงมาหารือ เพื่อติดตามความคืบหน้าของนโยบายต่างๆ และการทำงานในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา ทั้งนี้ รัฐมนตรีทุกท่านได้รับทราบเรื่องนี้ตั้งแต่ต้นปี 2567 แล้ว
 

ปรับค่าไฟประเด็นร้อนการเมือง

ค่าไฟฟ้าเป็นประเด็นร้อนทางการเมืองในประเทศไทยมาโดยตลอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่เศรษฐกิจซบเซาและประชาชนเดือดร้อนจากค่าครองชีพที่สูงขึ้น ล่าสุด นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ประกาศบนเวทีปราศรัยหาเสียงนายก อบจ. เชียงรายว่ารัฐบาลของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะมีนโยบายลดค่าไฟฟ้าลงเหลือหน่วยละ 3.70 บาท ภายในปี 2568 

ส่วนในเรื่องลดให้เหลือ 3.70 บาท ที่มีส่วนต่างมีมากถึง 0.45 สตางค์ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าต้องมีการตกลงกัน และต้องพูดคุยกับหลายฝ่าย ต้องดูและตัดในส่วนที่ไม่จำเป็นออกไป เรื่องค่าไฟที่มีการซ้ำซ้อนกันต้องคุยกันทุกภาคส่วน เพื่อตกลงกันในการลดค่าไฟได้ ซึ่งต้องใช้เวลา แต่ก็เป็นเป้าหมายของรัฐบาล ขอประชาชนไม่ต้องห่วง และเป็นเรื่องแรก ๆ ในการจัดลำดับความสำคัญของปีนี้ในการพูดคุย

อีกประเด็นเรื่องค่าไฟคือการพูดคุยกับ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ตัวเลข 3.70 บาทถามว่ามีโอกาสเป็นไปได้หรือไม่ ก็มีโอกาสเป็นไปได้ แต่ต้องมีการหารือกันต่อ แต่จากตัวเลขที่เป็นอยู่ทุกวันนี้จะต้องค่อย ๆ ลดลงมาเรื่อย ๆ เรื่องดี ๆ ต้องตั้งให้เป็นไปได้แล้วมันจะค่อย ๆ เป็นไปได้

อย่างไรก็ตามที่น่างสังเกตคือ นายพีระพันธุ์ ที่มาประชุม คณะรัฐมนตรี (ครม.) ไม่ตอบประเด็นนี้ใด พร้อมเดินหนีนักข่าว ในขณะที่ น.ส.แพทองธาร ยืนยันว่า การปรับลดค่าไฟเป็นสิ่งที่รัฐบาลเน้นย้ำอยู่แล้วว่าเราต้องการจะลดค่าไฟให้ถูกลง เพราะจะเป็นค่าครองชีพพื้นฐานของพี่น้องประชาชน เพื่อจะให้แข่งขันได้ในเวทีโลก ก็เป็นสิ่งสำคัญ เพราะเป็นการลดต้นทุน หากรัฐบาลสามารถคุยและเจรจาในการลดต้นทุนได้ ทุกฝ่ายร่วมมือกันก็จะเกิดประโยชน์กับประเทศ เพราะฉะนั้น รัฐบาลมุ่งเน้นเรื่องนี้ ไม่ว่าจะเป็นการลดต้นทุนหรือการลดค่าใช้จ่ายของประชาชน ส่วนตัวเลข 3.70 บาท ถือเป็นตัวเลขเป้าหมายที่อยากจะทำให้ได้

สองสไตล์การทำงาน: พ่อ-ลูก

แพทองธารยอมรับว่าสไตล์การทำงานของเธอแตกต่างจากนายทักษิณ โดยเธอเน้นการพูดคุยปรึกษาหารือก่อนดำเนินการใดๆ และให้ความสำคัญกับความมีเสถียรภาพในการทำงาน ขณะที่นายทักษิณมักจะแสดงวิสัยทัศน์และความคิดเห็นอย่างตรงไปตรงมา แต่การนำไปปฏิบัติจริงนั้นขึ้นอยู่กับฝ่ายบริหาร

มุมมองต่อการแสดงความเห็นของอดีตนายกฯ

นายกรัฐมนตรีมองว่าการที่นายทักษิณแสดงความคิดเห็นในที่สาธารณะเป็นเรื่องปกติ และถือเป็นข้อมูลที่มีประโยชน์ เธอย้ำว่าในฐานะลูก ไม่ได้มองว่าเป็นการแข่งขันกับบิดา และพร้อมรับฟังความคิดเห็นที่เป็นประโยชน์จากทุกฝ่าย ทั้งฝ่ายค้าน นักวิชาการ และรัฐมนตรี

การทำงานของรัฐบาลภายใต้การนำของแพทองธารยังคงเดินหน้าตามแนวทางของตนเอง แม้จะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงอิทธิพลของนายทักษิณ แต่นายกรัฐมนตรีก็ยืนยันว่าการตัดสินใจทั้งหมดขึ้นอยู่กับการพิจารณาถึงประโยชน์ของประเทศเป็นสำคัญ พร้อมย้ำชัดว่ายังไม่มีแผนปรับ ครม. ในขณะนี้

อ้างอิง

กรุงเทพธุรกิจ 1 / กรุงเทพธุรกิจ 2 / Nation /