“อังคณา” จี้ “ทักษิณ” ขอโทษปมปราศรัยเหยียดสีผิว-เชื้อชาติชาวแอฟริกา เตือนเสี่ยงทำประเทศไทยถูกนานาชาติตั้งคำถาม ขัดหลักการสิทธิมนุษยชน
นางอังคณา นีลไพจิตร สว. ฐานะอดีตกรรมการสิทธิมนุษยชน (กสม.) กล่าวเรียกร้องให้นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ฐานะผู้ช่วยหาเสียงเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงรายให้กับ นางสลักจฤษฎดิ์ ติยะไพรัช ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย ขอโทษ หลังจากพูดบนเวทีหาเสียงที่ จ.เชียงราย ช่วงหนึ่งกล่าวถึงความสวยและเปรียบเทียบกับผู้หญิงผิวสี
รวมถึงขอให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ เตือนนายทักษิณ ฐานะบิดา ให้ระวังคำพูดเนื่องจากการพูดลักษณะที่เหยียดสีผิวนั้นอาจทำให้มีผลกระทบกับหลักการของสหประชาชาติ และนโยบายของพรรคเพื่อไทยที่สนับสนุนความเสมอภาคได้ อย่างไรก็ดีแม้ว่านายทักษิณไม่มีตำแหน่งใดทางบริหารแต่เป็นที่รู้กันอย่างกว้างขวางว่านายทักษิณเป็นผู้มีอิทธิพลของพรรคเพื่อไทย
ส่วนการปราศรัยดังกล่าวสะท้อนเรื่องใดในตัวนายทักษิณหรือไม่นั้น นางสาวอังคณา เห็นว่า นายทักษิณเป็นคนปากเร็ว พูดเร็ว และไม่กังวลผลกระทบ แต่เรื่องที่เป็นหลักการพื้นฐาน นายทักษิณ ควรต้องระมัดระวัง เพราะเรื่องดังกล่าว ถือเป็นการเหยียดสีผิว และเชื้อชาติ ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญ มิเช่นนั้นที่นายกรัฐมนตรี ไปให้คำมั่นจะเป็นอย่างหนึ่ง แต่คนเบื้องหลังพรรคการเมืองของนายกรัฐมนตรี กลับพูดอีกอย่างหนึ่ง
แม้ในทางกฎหมายนายทักษิณจะไม่ได้มีตำแหน่งใดในพรรค แต่ในทางปฏิบัติ นายทักษิณ ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่า นายทักษิณมีบทบาทในพรรคการเมือง ซึ่งอาจทำให้ประเทศไทย ถูกตั้งคำถามได้ เพราะเป็นการพูดในสาธารณะชน ที่นายทักษิณ หาเสียงให้กับพรรคเพื่อไทยอย่างเปิดเผย ซึ่งเรื่องดังกล่าว ถือเป็นเรื่องร้ายแรงมากในสากล พรรคเพื่อไทย อาจสนับสนุนการสมรสเท่าเทียม และความสำคัญทุกเพศ แต่หากหลักการสีผิว และเชื้อชาติ ยังถูกเหยียดหยาม อาจจะไปลบล้างสิ่งที่รัฐบาลพูดมาโดยตลอดในการไม่เลือกปฏิบัติได้
ในฐานะสมาชิกวุฒิสภามองการเคลื่อนไหวช่วยหาเสียงของนายทักษิณอย่างไรนั้น นางสาวอังคณา มองว่า เป็นสิทธิของนายทักษิณ ที่จะสนับสนุนพรรคการเมืองใด โดยเฉพาะพรรคที่นายทักษิณมีส่วนสร้างขึ้นมา แต่การหาเสียง จะต้องไม่ก้าวล่วง ไม่เลือกปฏิบัติ หรือไปลดทอนศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของผู้อื่น และนายทักษิณเอง เคยอยู่ในฐานะผู้ลี้ภัย น่าจะมีความเข้าใจในประเด็นนี้ และไม่ควรเหยียดหยามเพศ หรือเชื้อชาติ พร้อมมองว่า นายทักษิณ ควรออกมาขอโทษต่อสาธารณะชนในเรื่องดังกล่าว และนายกรัฐมนตรี ควรจะต้องเตือนนายทักษิณด้วย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง