เมื่อวันที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2567 สุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนา ให้สัมภาษณ์ถึงภาพรวมการเมืองในปี 2568 ในประเด็นที่น่าสนใจ 3 ประเด็น
ประเด็นแรก ทักษิณ ชินวัตร
สุวัจน์มองว่าทักษิณและ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีเป็นพ่อกับลูกกัน พ่อเองก็เป็นอดีตนายกฯ เป็นผู้ก่อตั้งพรรคไทยรักไทย ความห่วงใยและประสบการณ์สามารถช่วยในเรื่องการทำงานในฐานะนายกฯ และการดูแลพรรคเพื่อไทยได้
สุวัจน์แนะว่า ต้องระมัดระวังเพราะมีการร้องเรียนเรื่องการครอบงำ รัฐบาลต้องเลือกว่าจะฟังข้อมูลด้านไหน จะทำอะไรบ้าง อะไรเห็นด้วยก็ทำ ไม่เห็นด้วยก็ไม่ต้องทำ
ก่อนที่จะให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องที่ถูกทักษิณชวนไปอยู่พรรคเพื่อไทยว่า เรื่องนี้ต้องคุยกับระดับบริหารพรรคหลายฝ่าย อย่างไรก็ตาม พรรคชาติพัฒนาเป็นพรรคร่วมรัฐบาล ความสัมพันธ์กับพรรคเพื่อไทยยังราบรื่น บรรยากาศดี ไม่มีอะไร ถ้าจะมีตอนนั้นค่อยคุยกัน
ประเด็นสอง ความขัดแย้งในพรรคร่วม
สุวัจน์กล่าวว่าเสียงของรัฐบาลยังมีความเข้มแข็งและมีเสถียรภาพ ถึงแม้บรรยากาศของพรรคร่วมอาจเห็นต่างกันบ้าง แต่ยังไม่ถึงขั้นขัดแย้งแตกแยกกันอย่างรุนแรง ดังนั้น ปี 2568 ยังมั่นใจในการบริหารงานของรัฐบาล
เขาแนะนำว่า พรรคร่วมรัฐบาลควรหาเวลาพูดคุยกันบ่อยๆ เกรงใจซึ่งกันและกัน จะทำให้รัฐบาลมีเสถียรภาพในการทำงาน ซึ่งนายกฯ มีมนุษย์สัมพันธ์ดีและให้ความเคารพผู้ใหญ่ในพรรคร่วม จึงไม่น่ามีปัญหาอะไร
"แต่เสียงนอกสภา ข้อเรียกร้องต่างๆหรือบรรยากาศในการทำงานหรือการสร้างการยอมรับจากประชาชน ก็เป็นเรื่องของผลงานที่ต้องอาศัยการชี้แจงทำความเข้าใจ รัฐบาลต้องบริหารทั้งเสถียรภาพในสภาและนอกสภา เพื่อดูแลสถานการณ์ต่างๆของประเทศให้เรียบร้อย" สุวัจน์ กล่าว
ประเด็นสาม MOU 44
ในเรื่อง MOU 44 สุวัจน์กล่าวว่า ความเดือดร้อนและข้อเรียกร้องเป็นสิ่งที่รัฐบาลต้องแก้ไข ดีที่สุดรัฐบาลควรระมัดระวัง ชี้แจ้งและทำความเข้าใจกับสังคม เพื่อจะอยู่ได้อย่างราบรื่น
สุดท้าย สุวัจน์ได้แสดงความกังวลถึงสภาพเศรษฐกิจ ก่อนอวยพรปีใหม่ว่า ขออารธณาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในบ้านเมือง ได้โปรดประทานพรให้บ้านเมืองของเรา เป็นไปได้ด้วยความเรียบร้อย พ้นวิกฤติเศรษฐกิจ
และให้พี่น้องประชาชนทุกท่าน มีเศรษฐกิจที่ดี มีแต่ความสุข คิดหวังสิ่งใด ให้ได้ดั่งใจนึก ขอให้สุขภาพแข็งแรง