สรุปวิสัยทัศน์ "โอกาสไทย 2568" แพทองธาร ชู 9 นโยบายแก้โครงสร้าง 7 เรื่องทำจริง

สรุปสาระสำคัญที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงนโยบายภายในแคมเปญ “2568 โอกาสไทย ทำได้จริง : 2025 Empowering Thais: A Real Possibility" วันที่ 12 ธันวาคม 2567 โดยแบ่งนโยบายเป็น 2 กลุ่มใหญ่ คือการแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างในนโยบายระยะยาว และกลุ่มนโยบายที่จะเริ่มต้นใหม่ในปีหน้าเพื่อสร้างโอกาสให้คนไทย พร้อมมอบหมายงานให้กับรองนายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี และข้าราชการที่จะร่วมทำงานในฐานะทีมประเทศไทย

นโยบายเชิงโครงสร้าง 9 นโยบาย

 

การแก้ปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้ง 

ต้องเกิดการบูรณาการของทุกหน่วยงานอย่างจริงจัง เช่น การสร้างสะพานหนึ่งขึ้นมาแต่ไปขวางทางน้ำก็ทำให้เกิดน้ำท่วมได้ ดังนั้นทุกฝ่ายต้องคุยกันเพื่อแก้ปํญหาอย่างถาวร จะมีการศึกษากฎหมายให้ประชาชนสามารถขุดลอกคูคลองและนำดินโคลนไปขายได้โดยไม่กระทบต่อสิ่งแวดล้อม ด้วยการวางกฎเกณฑ์ที่รัดกุม และสร้าง Flood Way ให้ช่วยระบายน้ำดีขึ้นโดยเฉพาะพื้นที่ภาคกลางและ กทม. มอบหมาย นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ และนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีดูแลเรื่องนี้ต่อไป

การแก้ปัญหาฝุ่น PM2.5

ปัจจุบันพื้นที่เผาไหม้ลดลงไปกว่า 50% และปริมาณฝุ่นลดลงกว่า 30% รัฐบาลควบคุมการเผาในประเทศและมีนโยบายไม่รับซื้อผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรที่ถูกเผาจากประเทศเพื่อนบ้าน ร่วมมือกับเอกชนโรงงานน้ำตาลแก้ปัญหานี้ มอบหมาย นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีดูแลต่อ

แก้ปัญหายาเสพติด

รัฐบาลจะสร้างแพลตฟอร์มให้ประชาชนสามารถแจ้งเบาะแสยาเสพติดได้ โดยเป็นการส่งข้อความโดยตรงถึงนายกรัฐมนตรี และมีการรักษาความปลอดภัยให้กับผู้ส่งข้อมูล มอบหมายนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีเป็นผู้รับผิดชอบ
 

การทลายทุนผูกขาด

แก้กฎหมายเก่าที่เป็นอุปสรรคและไม่เป็นปัจจุบัน เช่น กฎหมายส่งออกข้าวที่เขียนว่าต้องมีโกดังเก็บข้าวอย่างน้อย 500 ตัน ปิดโอกาส SME หรือเกษตรกร จะต้องแก้ไข และมอบหมายทุกกระทรวงไปศึกษาแก้ไขระเบียบเก่าๆ ปรับปรุงให้เป็นปัจจุบันที่เป็นยุค AI 

 

โครงสร้างราคาพลังงาน

ปรับค่าใช้จ่ายที่ซ่อนอยู่ออกไป เช่น การจ่ายค่าเสื่อมท่อส่งก๊าซที่อาจจะจ่ายหมดไปแล้ว แต่ยังเรียกเก็บอยู่ หรือค่าใช้จ่ายสาธารณะที่ถูกหักภาระมาให้ประชาชนจะต้องถูกจัดการ ปีหน้าค่าไฟถูกลงแน่นอน มอบหมายนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี

 

สนับสนุนสุราชุมชน

ตลาดเครื่องดื่มของไทยเติบโตและสร้างรายได้ให้รัฐอย่างมาก เราจะมีโอกาสอีกมากมายหากเปิดโอกาสให้ประชาชนได้ใช้ความคิดสร้างสรรค์ ทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้นด้วย มอบหมายรองนายกฯ พิชัย ชุณหะวชิร ดูแลต่อ

ธุรกิจใต้ดินขึ้นบนดิน

ธุรกิจนอกระบบมีมูลค่ามากกว่า 49% ของGDP เป็นช่องทางมาเฟียและคอรัปชั่น รัฐต้องเอาทุกอย่างขึ้นบนดินเพื่อให้มองเห็น จัดการและจัดเก็บภาษีได้ใต้กฎหมาย ให้มีทุนในการพัฒนาประเทศต่อไป มอบหมายนายอนุทิน ชาญวีรกููลและนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี

ลงทุนในธุรกิจแห่งอนาคต (AI)

รัฐบาลจะส่งเสริมการลงทุนธุรกิจแห่งอนาคต ให้ประชาชนใช้ประโยชน์จาก AI เพื่อสร้างโอกาสใหม่ๆ ตั้งเป้าหมายสร้างคนไปเรียนด้านนี้ 280,000 คนในเวลา 5 ปี เพื่อให้ไทยมีความพร้อมในอนาคต มอบหมายนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี

นโยบายครัวไทยสู่ครัวโลก

ทำให้ประเทศไทยเที่ยวได้ทั้งปี ให้เกิด Low Season น้อยที่สุด เพื่อสร้างรายได้เข้าประเทศได้ต่อเนื่อง ผลักดันวัฒนธรรมให้เข้มแข็ง
 

อีกกลุ่มนโยบาย คือ นโยบายสร้างโอกาสที่มีทั้งนโยบายเก่าและใหม่ ต้องการขับเคลื่อนในปี 2568 ได้แก่

หนึ่งอำเภอหนึ่งทุน (ODOS)

ใช้เงินจากกองสลากฯ มาให้ทุนการศึกษานักเรียนที่เรียนดีได้ไปศึกษาต่อระดับปริญญาตรีทั้งในและต่างประเทศทั่วโลก เพื่อให้นำโอกาสกลับมายังประเทศไทย และการริเริ่มโครงการ  "หนึ่งอำเภอหนึ่งซัมเมอร์แคมป์" ส่งเด็กไทยไปแคมป์ระยะ 5-8 สัปดาห์ในต่างประเทศ เพื่อเปิดโลก  เห็นวัฒนธรรมและชีวิตผู้คนที่ไม่เหมือนกับเราเพื่อสร้างแรงบันดาลใจ และการพัฒนาโรงเรียนต้นแบบประจำอำเภอ ส่งเสริมหลักสูตรสองภาษา การสอน AI เขียน Prompt Coding ให้เด็กมีพื้นฐานที่ดี

ฟื้นนโยบายกองทุนหมู่บ้าน ด้วยกองทุน SML

กระจายอำนาจให้ชุมชนออกแบบว่าต้องการทุนเพื่อพัฒนาโครงการใดที่จะสร้างประโยชน์ให้ชุมชนได้ และจะเพิ่มทุนให้ทุกปีหากชุมชนนั้นทำได้สำเร็จ 

เติมเงินทุนให้ SME

รัฐบาลจะทำ Soft Loan ให้กลุ่มธุรกิจSME ซึ่งมีมากกว่า 75% เป็นรากฐานเศรษฐกิจของประเทศ เพื่อให้พวกเขากลับมายืนได้อีกครั้ง

โครงการบ้านเพื่อคนไทย

รัฐบาลพัฒนาที่ดินของรัฐสร้างคอนโดคุณภาพดีใจกลางเมือง ที่ดินของการรถไฟ ใกล้โครงสร้างพื้นฐาน เช่น รถไฟฟ้า หรือแหล่งงาน ให้ "คนไทย" เท่านั้น โดยไม่มีเงินดาวน์ เก็บค่าเช่าเดือนละ 4,000 บาทแ ได้ผ่อนยาวไป 30 ปี และมีสิทธิ์อยู่ในบ้านหลังนี้ถึง 99 ปี โดยจะให้กับคนไม่มีบ้านก่อน เพื่อคนไทยเท่านั้น

รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย

จะเกิดขึ้นแน่นอนในปี 2568 หลังจากเกิดแล้วในสายสีแดงและสีม่วงไปก่อนหน้านี้ หัวใจเรื่องนี้คือการทำให้ประชาชนเข้าถึงรถไฟฟ้าได้

ดิจิทัลวอลเล็ต

รัฐบาลจ่ายเฟสแรกไปแล้วแก่ประชาชน 14 ล้านคน จะทำให้ GDP ไตรมาส4 เกิน 3% แน่นอน เฟสที่สองคือกลุ่มผู้สูงอายุ 4 ล้านรายภายในตรุษจีนปี 2568 และกลุ่มที่สามคือบุคคลทั่วไปที่ลงทะเบียนไว้ จะแจกแบบดิจิทัลวอลเล็ตจริงๆ ไม่ใช่เงินสด เพราะโครงการนี้ต้องการสร้างการเชื่อมต่อระหว่างรัฐบาลและประชาชน ให้สามารถได้รับประโยชน์จากรัฐได้เร็วและตรงเป้าหมายมากขึ้นในอนาคต

การแก้หนี้ครัวเรือน

รัฐบาลร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทยและธนาคารพาณิชย์ พักดอกเบี้ยให้ประชาชน 3 ปี และให้ประชาชนผ่อนจ่ายเพื่อ "ตัดเงินต้น" เท่านั้นเพื่อให้ประชาชนลืมตาอ้าปากได้ รวมถึงการช่วยประชาชนที่มีหนี้ NPL ต่ำกว่า 5,000 บาท กว่า 300,0000 บัญชี มอบหมาย รมต.คลัง รับผิดชอบ