ก่อนหน้านี้เกิดข่าวครึมโครม เมื่อ สส.สหรัฐอเมริกาที่คุมเสียงโดยพรรคเดโมแครตตีกลับร่าง พ.ร.บ.งบประมาณถึง 2 ครั้ง จนทำให้เกิดความกังวลถึงภาวะ ‘ชัตดาวน์’ ของอเมริกา แต่ล่าสุด ทาง สส. และ สว.ต่างออกเสียงผ่านร่างกฎหมายดังกล่าวแล้ว
ทั้งนี้ เกิดความเปลี่ยนขึ้นในร่างงบประมาณฉบับดังกล่าวที่มีชื่อว่า ‘American Relief Act, 2025’ เช่น
- ไม่มีการขยายเพดานหนี้ของประเทศ ซึ่งเป็นหนึ่งในข้อเรียกร้องของ โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีคนต่อไป
- ไม่มีการเพิ่มเงินเดือนให้สมาชิกรัฐสภา
- ยกเลิกเงินช่วยเหลือของรัฐบาลกลาง ในการสร้างสะพานบัลติมอร์ที่พังลง
- ไม่มีการปฏิรูประบบหลักประกันสุขภาพ
สาเหตุสำคัญที่ ทรัมป์เรียกร้องให้มีการขยายเพดานหนี้ของรัฐบาล เพราะเมื่อปีที่แล้ว รัฐบาลสหรัฐฯ ใช้งบประมาณไปมากถึง 6.2 ล้านล้านดอลลาร์ ทำให้จนถึงตอนนี้ รัฐบาลสหรัฐฯ มีหนี้สะสมสูงถึง 36 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งจะทำให้การดำเนินนโยบายภายใต้รัฐบาลทรัมป์ทำได้ยากมากขึ้น
กฎหมายฉบับนี้ จะทำให้รัฐบาลมีงบประมาณใช้จ่ายถึงวันที่ 14 มี.ค. พ.ศ. 2568 ก่อนที่รัฐบาลอาจต้องออกร่างกฎหมายกู้ยืมเงินอีกครั้ง ในช่วงกลางปีหน้า
เหตุการณ์ครั้งนี้สะท้อนความตึงเครียดทางการเมืองและการคุมอำนาจในพรรคของทรัมป์ได้เป็นอย่างดี เพราะในการโหวตร่างงบประมาณครั้งที่ 2 สมาชิก สส.พรรครีพับลิกัน 38 คนเป็นผู้ไม่เห็นด้วยกับการขยายเพดานหนี้ จนสุดท้ายทรัมป์ต้องยอมเอาเรื่องดังกล่าวออกไป
ปัจจุบัน ที่นั่งของ สส.แบ่งเป็นของ พรรครีพับลิกัน 220 ที่นั่ง และพรรคเดโมแครต 215 ที่นั่ง (ว่าง 3 ที่นั่ง) ขณะที่ สว.แบ่งเป็นของ พรรครีพับลิกัน 49 ที่นั่ง และพรรคเดโมแครต 47 ที่นั่ง
สถานการณ์เช่นนี้สร้างความกังวลว่าอาจนำไปสู่ภาวะ ‘ชัตดาวน์’ ทางการเมืองสหรัฐฯ เมื่อไหร่ก็ได้ ซึ่งครั้งล่าสุดที่เกิดขึ้นในปี 2019 สมัย ทรัมป์ เป็นประธานาธิบดีสมัยแรก และทำให้เกิดสภาวะชัตดาวน์ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ คือ 35 วัน