svasdssvasds

ยะลา-ปัตตานี ดินแดนปลายด้ามขวานที่พัฒนาได้ด้วยการกระจายอำนาจ

ยะลา-ปัตตานี ดินแดนปลายด้ามขวานที่พัฒนาได้ด้วยการกระจายอำนาจ

พาไปสำรวจ ยะลา-ปัตตานี ดินแดนปลายด้ามขวานของไทยที่สามารถพัฒนาได้ด้วยการกระจายอำนาจแค่สะกิดสักนิดรับรองเจริญ

SHORT CUT

  • ผลลัพธ์ที่คาดหวังหากการกระจายอำนาจในยะลาและปัตตานีประสบความสำเร็จส่งผลต่อการมีส่วนร่วมของประชาชน: ประชาชนในท้องถิ่นจะมีส่วนร่วมในกระบวนการตัดสินใจมากขึ้น เสียงของพวกเขาจะได้รับการรับฟังและนำมาพิจารณา ซึ่งจะนำไปสู่ความรู้สึกเป็นเจ้าของและความรับผิดชอบต่อชุมชนมากขึ้น
  • การพัฒนาเศรษฐกิจ: การกระจายอำนาจสามารถช่วยส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจในท้องถิ่น โดยให้ท้องถิ่นมีอำนาจในการตัดสินใจเกี่ยวกับการใช้จ่ายและการลงทุน ซึ่งจะช่วยให้ตรงกับความต้องการของท้องถิ่นมากขึ้น และนำไปสู่การสร้างงานและโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ
  • และการรักษาเอกลักษณ์: การกระจายอำนาจสามารถช่วยให้ชุมชนท้องถิ่นรักษาเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมของตนเอง โดยให้ท้องถิ่นมีอำนาจในการตัดสินใจเกี่ยวกับเรื่องต่างๆ เช่น ภาษา การศึกษา และศาสนา

พาไปสำรวจ ยะลา-ปัตตานี ดินแดนปลายด้ามขวานของไทยที่สามารถพัฒนาได้ด้วยการกระจายอำนาจแค่สะกิดสักนิดรับรองเจริญ

SPRiNG มีโอกาสเดินทางไปสำรวจยะลากับปัตตานีกับ กับ สส.อิ่ม ธีรรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ ในการไปครั้งนี้เปรียบเสมือนการไปบ้านเมืองที่เราอาจไม่รู้จัดก็ว่าได้

เพราะในความทรงจำ ยะลา-ปัตตานี คือพื้นที่ที่ภาพจำไม่ดีเสียเท่าไหร่ แต่หาเป็นเช่นนั้นไม่ในความเป็นจริงที่ได้ก้าวเข้าไปสู่ ยะลา-ปัตตานี

ยะลา-ปัตตานี ดินแดนปลายด้ามขวานที่พัฒนาได้ด้วยการกระจายอำนาจ \

SPRiNG พาไปเปิดม่าน แดนปลายด้ามขวานของไทย ที่ใครๆ อาจไม่คาดคิดเพราะยะลา-ปัตตานี มีดีกว่าที่คิด แค่สะกิดด้วยกระจายอำนาจและเทคโนโลยีสักนิดรับรองเจริญ ว่าแล้วไปชมกันเพราะเม็ดทรายเม็ดสุดท้ายอยู่ที่ปัตตานีแล้ว

ยะลา-ปัตตานี ดินแดนปลายด้ามขวานที่พัฒนาได้ด้วยการกระจายอำนาจ

นครยะลา เทศบาลแห่งความหวัง

ปฏิเสธไม่ได้ว่าเรื่องการกระจายอำนาจเป็นเรื่องที่พูดถึงในประเทศไทย ณ ขณะนี้ตลอดเวลา แต่ไม่เคยมีภาพที่เห็นชัดเจนสักที ไม่ว่าจะเป็นกรุงเทพมหานคร รวมถึงจังหวัดใหญ่ๆ ยังไงๆ ก็ยังต้องพึ่งระบบราชการแบบรวมศูนย์เสมอ

แต่ไม่ใช่ที่เทศบาลนครยะลา เทศบาลที่ใครๆ คิดว่าเล็กงบประมาณน้อย แต่ด้วยหัวใจที่ใหญ่ของผู้นำ ทำให้เทศบาลนครยะลา เป็นเทศบาลแห่งความหวังให้กับประชาชนได้

โดยเป็นเทศบาลนครยะลา เป็นเทศบาลที่อดีตนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย มหาเธร์ โมฮัมมัด มาดูงานเรื่องความสะอาด ขณะเดียวกันเองเทศบาลนี้ UN มาทำงานร่วมในแง่การมีส่วนร่วมของเมือง และในอนาคตมีแนวคิดจะดึง UN มาตั้งที่เทศบาลนครยะลา

ยะลา-ปัตตานี ดินแดนปลายด้ามขวานที่พัฒนาได้ด้วยการกระจายอำนาจ

ถามว่าเทศบาลนี้มีแนวคิดอย่างไรในการสร้างเมือง คำตอบก็คือ การฟื้นฟูต้นทุนเมือง ไม่ว่าจะเป็นด้านความสะอาด ความเป็นระเบียบเรียบร้อย ทุนทางสิ่งแวดล้อม พหุวัฒนธรรมและด้านการศึกษา

สิ่งที่ขาดไม่ได้เลย ณ ปัจจุบัน คือการนำเทคโนโลยีมาสร้างประโยชน์ให้กับเมือง ไม่ว่าจะเป็นการใช้แอป Yala Market ส่งของสินค้าทั้งหมดช่วยทั้งคนขายและคนซื้อ แนวคิด Free Wifi ติดหน้าบ้าน โดยเรื่อง Wifi นั้นได้เริ่มดำเนินการให้เอกชนเช่าสายสื่อสาร มีการต่อรองลดราคาเน็ตให้ประชาชน เพราะตอนนี้ท่อสื่อสารทั้งหมดในถนนสายหลักเป็นของเทศบาล

แต่เทศบาลเองก็ยังติดปัญหามากมาย จึงมีข้อเรียกร้องที่อยากเรียกร้องต่อรัฐบาลกลาง คือ ยกเลิกระเบียบการประสานงานระหว่างองค์กรส่วนท้องถิ่น และให้ความอิสระด้านการเงินในการดำเนินให้เทศบาลสามารถมีอิสระในการลงทุนเพื่อประชาชนมากขึ้น

แนวความคิดการเมืองและการพัฒนาเมือง

แต่ใช่ว่าการพัฒนาเมืองเกิดจากการลงมือทำ ณ ปัจจุบันเพียงอย่างเดียว แต่ต้องมีแนวทางที่ต่อยอดไปถึงอนาคตด้วย คือการที่ผลงานต้องมีตลอดเวลา ยิ่งไม่มีคู่แข่งยิ่งทำงาน เพราะจะทำให้ท้องถิ่นเกิดการเปรียบเทียบแข่งขันการทำงานและประชาชนจะได้ประโยชน์

หรือในการประชุมแต่ละครั้งต้องมีวาระประชาชนขึ้นก่อน ให้คนเรียนรู้อยู่ด้วยกัน มอบอำนาจให้ชุมชนจัดการกันเอง

ยะลา-ปัตตานี ดินแดนปลายด้ามขวานที่พัฒนาได้ด้วยการกระจายอำนาจ

ขณะที่ ผอ. หน่วยงานที่จะย้ายมาที่เทศบาลนครยะลา ต้องทำข้อสอบ 2 ข้อทดสอบทัศนคติ โดยต้องมีคุณสมบัติผู้นำ กล้าหาญ กล้ารับผิดชอบ และมีปัญญา นี่คือเงื่อนไขเลย

อนาคตของคนต่อยอดเมือง

เทศบาลนครยะลามีแนวคิดพัฒนาเมืองในอนาคตโดยฝากความหวังไว้กับเยาวชน คือมีโครงการให้เด็กเรียนในเทศบาลทุกคนในตอนเช้าทำสาธารณประโยชน์ ช่วงบ่ายเรียนหนังสือ ปลูกฝังให้เขาเป็นเจ้าของเมือง มีหน้าที่ต่อเมือง และมีโครงการที่เด็กต้องออกแบบเมืองให้ดู เป็นการปลูกฝังตั้งแต่เยาวชนให้รู้จักรักท้องถิ่นนั่นเอง

ห้องสมุดที่เทศบาลนครยะลาเป็นห้องสมุดประชาชนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ สามารถเล่าเรื่องราวของท้องถิ่นผ่านห้องสมุดได้ และหลักของห้องสมุดหนังสือต้องใหม่ตลอดเวลา
ยะลา-ปัตตานี ดินแดนปลายด้ามขวานที่พัฒนาได้ด้วยการกระจายอำนาจ

โดย TK Park ประกอบไปด้วย ห้องทดลองวิทยาศาสตร์ โรงภาพยนตร์ขนาดเล็ก ห้องทำ Podcast

อนาคตที่วางไว้

อนาคตที่วางไว้ของเทศบาลนครยะลาที่เด่นๆ คือการตั้งมหาวิทยาลัยท้องถิ่น ทำหลักสูตรพิเศษส่งคนไปเรียนเมืองนอกและกลับมาพัฒนาเมือง

ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่เป็นไปได้หากมีการกระจายอำนาจที่เต็มตัว ฝันแค่ไหนก็ไปถึง

ปัตตานี มัสยิดกรือเซะ ไม่ได้มีแต่ภาพแต่สะท้อนประวัติศาสตร์บ่งบอกวัฒนธรรมได้

สถานที่ต่อมาที่เราได้ไปเยี่ยมชมคือ มัสยิดกรือเซะ หรือ มัสยิดสุลต่านมูซัฟฟาร์ชาห์ เก่าแก่อายุกว่า 450 ปีใน สันนิษฐานได้ว่าเป็นศาสนสถานที่สร้างขึ้นในพุทธศตวรรษที่ 22 ร่วมสมัยกรุงศรีอยุธยา มีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า มัสยิดปิตูกรือบัน

ชื่อนี้เรียกตามรูปทรงของประตูมัสยิด ซึ่งมีลักษณะเป็นวงโค้งแหลมแบบกอทิกของชาวยุโรป และแบบสถาปัตยกรรมของชาวตะวันออกกลาง (คำว่า ปิตู แปลว่า ประตู กรือบัน แปลว่า ช่องประตูที่มีรูปโค้ง) ช่วงเวลาที่มัสยิดกรือเซะถูกสร้างนั้นยังเป็นที่ถกเถียง บ้างว่าสร้างในรัชสมัยสุลต่านมูซัฟฟาร์ชาห์ โดยชาวบ้านเชื่อว่าสร้างตามแนวคิดของโต๊ะชาวเยเมนซึ่งเป็นลูกหลานศาสดาที่เข้ามาเผยแพร่ศาสนา

ยะลา-ปัตตานี ดินแดนปลายด้ามขวานที่พัฒนาได้ด้วยการกระจายอำนาจ

ต้องกล่าวก่อนว่าก่อนหน้าจะรับอิสลาม ปัตตานีนับถือศาสนาพุทธแบบมหายานคล้ายๆ จีนมี 2 ราชวงศ์ที่ปกครองคือราชวงศ์ศรีวังสา และราชวงศ์กลันตันที่ร่วมสมัยกับยุครัตนโกสินทร์ โดยในยุคกรุงรัตนโกสินทร์เรียกว่ายุค 7 หัวเมือง

มัสยิดกรือเซะ สร้างด้วยเปลือกหอยบด ข้าวเหนียว น้ำผึ้ง อิฐ มาผสมกันแล้วสร้าง ถือเป็นมัสยิดแห่งแรกในเอเชียที่สร้างด้วยอิฐ เลียนแบบมัสยิดอัลอักซอในอิสราเอล บูรณะครั้งใหญ่ในปี 2478 และ 2547

แต่เพราะเหตุใดเราถึงรวมเลือนและไม่ได้รับรู้ข้อมูลของสถานที่ดังกล่าวทั้งๆ ที่เป็นมัสยิดที่มีความสำคัญ ชาวบ้านเล่าให้เราฟังว่า เหตุที่ทำให้ไม่มีการเรียนรู้ประวัติศาสตร์ปัตตานี เพราะในอดีตหน่วยงานความมั่นคงของรัฐ กลัวข้อมูลทางประวัติศาสตร์ และข้อมูลในพื้นที่มีน้อยเพราะได้นำข้อมูลหรือหลักฐานไปอยู่ที่มาเลเซียแล้ว

แต่ ณ ปัจจุบันสามารถอ่านเรื่องราวของมัสยิดผ่านการสแกน QR Code ได้แล้ว

ปัญหาในพื้นที่ปัตตานี

ในทริปนี้สิ่งที่เราไปสำรวจเมืองไม่ได้สำรวจแต่วัฒนธรรมและเมืองอย่างเดียว แต่ได้เห็นปัญหาในพื้นที่ที่เราไปสำรวจอีกด้วย ปัตตานีมีปัญหาน้ำท่วมช่วงเดือน พฤศจิกายนและธันวาคม

ยะลา-ปัตตานี ดินแดนปลายด้ามขวานที่พัฒนาได้ด้วยการกระจายอำนาจ

โดยมีระบบแจ้งเตือนที่ค่อนข้างช้าง คือเป็นระบบโทรสาร และหนังสือ ที่ดีขึ้นหน่อยคือมีกลุ่มไลน์ ส่งโดยตรงให้กับเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น อย่างเร็ว 2 ชม.ก่อนเกิดเหตุ ส่วนท้องถิ่นมีหอกระจายเสียง และมีการ Volume กันตลอด 24 ชม. ตอนนี้มีแอปที่เป็นโมเดลน้ำท่วมเท่านั้น และแม่น้ำปัตตานีไม่ถูกขุดลอกมา 20 ปี

ขณะเดียวกันสัญญาณอินเทอร์เน็ตที่ไม่ทั่วถึงเพราะมีเงื่อนไขในเรื่องของการต้องมีนักท่องเที่ยว หรือหากมีการลงทุนต้องลงทุนเสาสัญญาณโซลาเซลล์ ซึ่งมีราคาสูง ทำให้ยามใดที่เกิดน้ำท่วมสัญญาณมักขาดหาย และเมื่อมีเกิดน้ำท่วมหนักๆ กสทช ไม่สามารถเข้าถึงพื้นที่ได้

ยะลา-ปัตตานี ดินแดนปลายด้ามขวานที่พัฒนาได้ด้วยการกระจายอำนาจ

ทั้งหมดคือทริปของเราที่ไปท่องยะลาและปัตตานีเมื่อเราไปยลโฉมแล้วพบว่า ยะลา-ปัตตานี มีดีกว่าที่คิด แค่สะกิดด้วยกระจายอำนาจและเทคโนโลยีสักนิดรับรองเจริญ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

related