SHORT CUT
นายกฯ เศรษฐา ตรวจราชการเชียงใหม่-ลำพูน 15-17 มี.ค. นี้ ติดตามการแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน ด้าน ‘พิธา’ ไม่น้อยหน้าบินตรงเชียงใหม่ ลุยภารกิจร่วมดับไฟป่า ขณะที่ ช่วง 3-4 วันที่ผ่านมา เชียงใหม่ อากาศแย่อันดับ 1 โลก
จะเห็นได้ว่าข่าวช่วงนี้คนแวดวงการเมือง ต่างเดินทางไปดูงานทำงานกันที่ จ.เชียงใหม่ ไม่เว้นแม้แต่ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ได้รับการพักโทษ ก็บินไปที่ จ.เชียงใหม่เช่นกัน โดยกำหดการของ นายทักษิณ คือวันที่ 14 - 16 มี.ค. และต้องกลับถึงกรุงเทพวันเสาร์นี้ ซึ่ง นายทักษิณ ได้ไปพบปะมิตรสหายเก่าและพึ่งได้พบกับ กับนาย เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ช่วงรัปทานอาหารมื้อค่ำของวันที่ 15 มี.ค. ที่ผ่านมา กรณีการมาของนาย เศรษฐา เป็นการมาเพื่อตรวจราชการและไม่ได้ปรึกษาอะไรเป็นพิเศษกับนายทักษิณ
ซึ่งความเคลื่อนไหวของเหล่านักการเมืองในครั้งนี้ที่หลายคนมีจุดมุ่งหมายบินตรงไปที่เชียงใหม่ เพราะปัญเกี่ยวกับไฟป่า และ ฝุ่นพิษ PM 2.5 โดยกำหนดการของ นายกฯ เศรษฐา ที่มีคิวตรวจราชการเชียงใหม่-ลำพูน ในช่วงวันที่ 15-17 มี.ค.นี้ เพื่อติดตามการแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน การป้องกันและแก้ไขปัญหาในพื้นที่ป่าอนุรักษ์และป่าสงวนแห่งชาติ การบริหารจัดการน้ำในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ติดตามประเด็นการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว และยกระดับสินค้าซอฟต์พาวเวอร์ Soft Power พร้อมกับเปิดงานโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจและส่งเสริมการท่องเที่ยวกิจกรรมวิถีชีวิตทางสายไหมชาติพันธุ์และชนเผ่าพื้นเมืองลีซู
โดย นายกรัฐมนตรี ย้ำว่า รัฐบาลให้ความสำคัญในการแก้ไขปัญหาหมอกควัน เพราะปัญหาฝุ่น PM2.5 เป็นปัญหาใหญ่ในพื้นที่ภาคเหนือ และในช่วงนี้ 45 วันต่อจากนี้ จะต้องมีการเฝ้าระวังเข้าสูงสุดก่อนเข้าสู่ช่วง High Season พร้อมชี้แจงถึงสถานการณ์หมอกควันในปีนี้ว่า ปริมาณลดลงอย่างชัดเจน เมื่อเทียบจากข้อมูล ทางสถิติ ของสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศฯ หรือ GISTDA แต่อย่างไรก็ตามในช่วง 3-4 วันที่ผ่านมา เชียงใหม่มีสภาพอากาศแย่อยู่ในลำดับ 1 ของโลก ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่น่ายินดี
ส่วนปัญหาฝุ่นจากประเทศเพื่อนบ้านที่พัดพามาทางอากาศนั้น นายกรัฐมนตรี ยังยืนยันด้วยว่า กระทรวงการต่างประเทศ ได้มีการตั้งคณะทำงานพิเศษ เพื่อประสานประเทศเพื่อนบ้านในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว ทั้ง สปป.ลาว และกัมพูชา รวมถึงประเทศเมียนมาร์
นายกรัฐมนตรี ยังยอมรับว่า ปัญหาฝุ่นเกิดมาจากปัญหาเศรษฐกิจ แต่รัฐบาลพยายามหานวัตกรรมใหม่ ๆ มาแก้ปัญหาให้กับเกษตรกรในการกำจัดวัชพืช ร่วมกับกองทัพอย่างเต็มที่ เช่น การนำยุทโธปกรณ์ เช่น รถขน มาขนวัสดุต่าง ๆไปเข้าโรงงาน เพื่ออัดเป็นถ่านเชือเพลิงชีวภาพไร้ควัน ซึ่งได้รับความร่วมมือจากหลายหน่วยงาน จนทำให้ปริมาณฝุ่นลดลง แต่ภาครัฐก็ยังคงจะต้องทำงานกันต่อไป เพราะเศรษฐกิจเป็นเรื่องสำคัญ และเห็นใจประชาชนที่มีความจำเป็นต้องเผา เพื่อเก็บของป่า
ส่วนการอนุมัติงบประมาณแก้ปัญหาไฟป่านั้น นายกรัฐมนตรี เมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมานั้น นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า สามารถเบิกจ่ายได้จริง พร้อมกับเน้นย้ำว่า อาสาสมัครดับไฟป่าจะต้องมีความปลอดภัย และต้องดูอุปกรณ์ให้มีความพร้อม เนื่องจากอาจเกิดอันตรายได้ จึงขอให้ดูแลให้ดีด้วย
นายกรัฐมนตรี ยังได้ชมการทำงานของเฮลิคอปเตอร์ ที่สูบน้ำจากเขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล เพื่อนำไปดับไฟป่า โดยเฮลิคอปเตอร์ดังกล่าว สามารถสูบน้ำได้ครั้งละปริมาณ 3,000 ลิตร
จากนั้นช่วงบ่าย นายกรัฐมนตรี และคณะ ได้เยี่ยมชมสินค้า และผลิตภัณฑ์ผ้า และสินค้าในโครงการพระราชดำริ ที่อาคารอเนกประสงค์ โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาแม่แฝก-แม่งัดสมบูรณ์ชล ก่อนที่จะพบปะ และให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานเฝ้าระวัง และดับไฟป่า และร่วมรับประทานอาหารกลางวัน ร่วมกับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานเฝ้าระวัง และดับไฟป่า ที่อาคารอเนกประสงค์ อุทยานแห่งชาติศรีลานนา ตำบลอินทขิล อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่
ขณะที่ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล ก็มีตารางบินตรงไปเชียงใหม่เช่นกัน เพื่อศึกษาติดตามการทำงานแก้ไขปัญหาไฟป่า 16 มี.ค. นี้ กับหน่วยงานและภาคประชาสังคม พร้อมกับ สส. เชียงใหม่ พรรคก้าวไกล
นายพิธา เผยว่า วันนี้จะไปเจออาสาดับไฟป่าของมูลนิธิกระจกเงา ซึ่งเคยได้พูดคุยกันตั้งแต่ครั้งลงพื้นที่ดูปัญหาน้ำท่วมสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ และก่อนหน้านี้ก้าวไกลก็ได้เปิดตัวทีมก้าวไกลสู้ไฟป่า ชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก็เพิ่งลงพื้นที่ การทำงานจึงมีความต่อเนื่อง มาวันนี้เพราะอยากลงพื้นที่เห็นหน้างาน จะเข้าไปกับคนที่มีความเชี่ยวชาญ ไม่ให้รบกวนหรือเสียเวลาของคนทำงาน
ส่วนประเด็นการเมือง ที่ถูกเปรียบเทียบว่าการลงพื้นที่ครั้งนี้จะถูกเปรียบเทียบกับอดีตนายกรัฐมนตรีและนายกรัฐมนตรีที่ลงพื้นที่เชียงใหม่เหมือนกันหรือไม่ พิธากล่าวว่า ช่วงเวลานี้ไม่ใช่ช่วงเวลาที่จะมาเปรียบเทียบกัน เรามองปัญหาของประชาชนเป็นที่ตั้ง ข้อมูลเห็นชัดกันอยู่ว่าปีนี้สถานการณ์หนักมาก
เรามาทำงานในฐานะฝ่ายค้าน เป็นผู้แทนราษฎรก็ต้องพูดแทนราษฎร ซึ่งจะพูดได้ก็ต้องเห็นกับตา ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการวัดพลัง สิ่งที่คิดคือเราจะแก้ไขปัญหาให้ประชาชนได้เร็วที่สุดอย่างไร และถอดบทเรียนอย่างไรเพื่อให้ปีหน้าเวลาเดิม ปัญหาทุเลาลงกว่านี้
เมื่อถามว่ากลัวหรือไม่จะถูกกระแสโจมตี พิธากล่าวว่า ข้อเท็จจริงที่เถียงไม่ได้คือสถานการณ์ฝุ่นของเชียงใหม่แย่ที่สุดในโลก ก้าวไกลมี สส.เชียงใหม่ จำนวน 7 จาก 10 คนที่ดูแลพื้นที่ และพรรคก้าวไกลมี สส. เป็นประธานคณะกรรมาธิการที่ดินทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เราต้องทำหน้าที่ เอาปัญหาของประชาชนเป็นตัวตั้ง ไม่ได้เอาใครเป็นตัวตั้ง
ส่วนกรณีที่ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ออกมาเคลื่อนไหว ทำให้กระแสของพรรคก้าวไกลทำงานยากขึ้นหรือลดลง พิธากล่าวว่า ไม่ได้คำนึงถึงกระแส เราทำงานให้เต็มที่เพราะวาระสำคัญมีเยอะ วิกฤตของเชียงใหม่ในตอนนี้สำคัญมากกว่ากระแสของพรรคก้าวไกล ตอนนี้ตนและพรรคก้าวไกลจะทำงานทุกวันให้ดีที่สุด
ต่อกรณีการเตรียมความพร้อมสู้คดียุบพรรคในศาลรัฐธรรมนูญ พิธากล่าวว่ามีทีมกฎหมายเตรียมความพร้อม ไม่มีความกังวล เราต้องเตรียมการทำงานล่วงหน้า การทำงานของพรรคก้าวไกลเหมือนการเขียนหนังสือที่มีหลายบท แต่เรื่องอุดมการณ์ ปณิธาน นโยบายที่พี่น้องประชาชนมอบความไว้วางใจให้ 14 ล้านเสียง เดินหน้าต่อแน่นอน ไม่ว่าจะมีหรือไม่มีพรรคก้าวไกล จะมีหรือไม่มีตนก็ตาม
เมื่อถามถึงความมั่นใจของพรรคก้าวไกลในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ พิธากล่าวว่า คะแนนเสียงหรือการเลือกตั้งครั้งหน้าเป็นสิ่งที่ยังไกลพอสมควร แต่สิ่งที่ไม่ลืมคือการเลือกตั้งที่ผ่านมา คนเชียงใหม่ออกมาใช้สิทธิ์กันเยอะ 81% เลือก สส. พรรคก้าวไกล 7 จาก 10 คน สะท้อนว่าพวกเขารอการเปลี่ยนแปลง ดังนั้นเราอาจไม่ได้มองอนาคตเท่าปัจจุบัน เราไม่ลืมความไว้วางใจที่พี่น้องชาวเชียงใหม่เคยให้พรรคก้าวไกล ตอนนั้นที่ท่านให้ความไว้วางใจเรามาเป็นอย่างไร หลังจากที่ท่านให้ความไว้วางใจมาแล้วก็ยังเหมือนเดิม ยิ่งตอกย้ำว่าทำไมหัวหน้าพรรคและอดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ต้องมาเชียงใหม่ในช่วงเวลาที่เขาลำบากมากที่สุด
ทั้งนี้ ในช่วงเย็น พิธาและทีมจะเดินทางไปสักการะบูชาวัดฝายหิน จ.เชียงใหม่ จากนั้นร่วมพูดคุยแจกลายเซ็นหนังสือ ‘ไม่สนว่าเก่งมาจากไหน’ ฉบับปรับปรุงและพิมพ์ใหม่ ที่ร้านเล่า ถ.นิมมานเหมินทร์ อ.เมือง จ.เชียงใหม่
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
44 สส. ก้าวไกลลุ้น ป.ป.ช. เร่งสอบ ปมแก้ ม.112 ผิดจริยธรรมหรือไม่ เสร็จใน 180 วัน
ย้อนดูไทม์ไลน์ยุบก้าวไกล! “พิธา” และ ส.ส. พรรค เสนอแก้ ม.112 จนถูกร้องเรียน